อนาคตที่ต้องเลือกของเด็กปั้นจาก อาร์เซนอล "ชาร์ลี ปาติโน่" - FEATURE
• นักเตะได้รับการยกย่องอย่างมากจากสื่อ และแมวมองกับฟอร์มการเล่นที่น่าตื่นเต้น
ชาร์ลี ปาติโน่ กองกลางดาวรุ่งของอาร์เซนอลบอกลา สวอนซี ซิตี้ สโมสรที่เขาใช้เวลาตลอดฤดูกาล 2023-2024 และจบลงด้วยการที่ “หงส์ขาว” ยังคงไม่สามารถกลับมาสู่ พรีเมียร์ลีก ได้ด้วยการจบเพียงอันดับที่ 14 ของฤดูกาล ขณะที่นักเตะรวมแล้วทุกรายการมีส่วนร่วม 35 เกม นับเป็นการยืมตัวที่ประสบความสำเร็จในแง่ของโอกาสในการลงสนามที่ได้รับโอกาสต่อเนื่อง
เด็กหนุ่มจากวัตฟอร์ต สองปีล่าสุดเก็บเกี่ยวประสบการณ์เต็มที่ทั้งกับ แบล็คพูล และ สวอนซี ขณะเดียวกันกับทีมชาติอังกฤษก็ได้รับโอกาสเป็นครั้งแรกกับทีมชาติอังกฤษชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี อย่างไรก็ตามทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเขาจะดีพอให้เขาก้าวมาสู่อาร์เซนอลชุดใหญ่ได้เต็มตัวหรือเปล่า
ปาติโน่ ยังไม่เคยลงเล่นในพรีเมียร์ ลีก มาก่อนเลย แต่ผ่านการมีส่วนร่วมกับฟุตบอลถ้วยในประเทศมาแล้ว 2 เกมในช่วงฤดูกาล 2021-2022 และเขายังคงหวังอยู่ว่าตัวเองจะได้ไปต่อกับทีมปืนใหญ่
ชีวิตคนเราอยู่กับการต้องเลือกตลอดเวลา เราทุกคนได้เลือกตั้งแต่แรกเริ่มเมื่อเราตื่นนอนจนกระทั่งเลือกที่จะหลับตานอนอีกครั้ง เส้นทางของฟุตบอลอาชีพก็เช่นกัน ปาติโน่ มีสัญญากับทีมถึงกลางปี 2025 เป็นสัญญาที่สโมสรใช้ออฟชั่นต่อสัญญาเขาก่อนจะส่งตัวไปเล่นกับ สวอนซี ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ และแน่นอนผลงานของเขากับที่นั่นทำให้เขาได้รับความสนใจจากหลายสโมสรทั้งในและยุโรป โดยที่ยุโรปมีข่าวกับทั้ง โรม่า และ ยูเวนตุส ที่สนใจตัวเขา ขณะที่ในสเปนก็เป็นไปได้ เพราะ ปาติโน่ มีเชื้อสายชาวสเปนโดยตรงจากคุณพ่อของเขา และครอบครัวนี้เป็นแฟนบอลของ เดร์ปอติโบ ลา คอรุนญ่า
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่านักเตะจะตัดสินใจ และทีมจะตัดสินใจอย่างไร
ปาติโน่ เริ่มจะไม่ใช่ดาวรุ่งอีกต่อไปแล้ว เขาอายุ 20 ปี ในเวลาอีกสองปีต่อจากนี้จะสำคัญมากสำหรับผู้เล่น ถ้าคุณไม่สามารถกลายเป็นนักเตะชุดใหญ่ของสโมสรได้ สถานการณ์ในการค้นหาทีมระดับชั้นนำก็จะเริ่มยากขึ้นเรื่อย ๆ มองแล้วจะคล้ายกับสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับ มาร์ติน เออเดการ์ด มาก่อนสมัยอยู่กับ เรอัล มาดริด ที่ต้องย้ายทีมไปเรื่อย ๆ ในแบบยืมตัว และใช้โปรไฟล์ผลงานในการยืมตัวให้ “เข้าตา” สโมสรใหญ่เพื่อให้เขาได้ย้ายทีม ซึ่งมาถึงตรงนี้ ปาติโน่ก็ทำได้ดีกับสองปีที่ผ่านการยืมตัวสองรอบ และผลของมันก็เปิดเส้นทางต่อไปได้มากยิ่งขึ้น
สไตล์การเล่นของของ ปาติโน่ ไม่ใช่กองกลางตัวรับโดยธรรมชาติ แต่เป็นลักษณะของกองกลางหมายเลข 8 ที่ขับเคลื่อนเกม ซึ่งตำแหน่งนี้ตรงกับ ดีแคลน ไรซ์ โดยตรง
ในฐานะของผู้ที่ต้องทำงานกับนักเตะโดยตรง มิเคล อาร์เตต้า คือคนชี้ชะตานักเตะโดยตรงว่าจะอยู่กับทีมชุดใหญ่ได้หรือไม่ได้ ที่ผ่านมาสองปี อาร์เตต้า ก็เคยพูดถึงปาติโน่อยู่บ้าง ในฐานะที่เป็นคนส่งเขา “Debut” ในเกมลีก คัพ เมื่อปี 2021 รวมถึงมองว่านักเตะมีศักยภาพและสามารถก้าวต่อไปสู่อนาคตที่ดีได้ ตรงนี้เป็น “คำพูด” เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน กลับมารอบนี้ กับผลงานที่ออกมา นำมาประเมินแล้ว อาร์เตต้า จะยังคิดแบบเดิมหรือเปล่า และคิดว่าถึงเวลาหรือยังสำหรับเด็กคนนี้กับการมีชื่อติดทีมชุดใหญ่แบบเป็นเรื่องเป็นราวเสียที
กองกลางอาร์เซนอลในฤดูกาลหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอนหนึ่งตำแหน่ง โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ จะหมดสัญญากันและจะออกจากทีมไป “บังโม” หลุดจากทีมไปนานมากและปีนี้ได้ลงเล่นตัวจริงไปเพียงเกมเดียว ว่ากันตามศักยภาพเขาเดินเข้ามาสู่ทีมในปี 2016 ในฐานะอะไหล่ที่ดีของทีมและกำลังจะออกจากทีมไปในสถานะเดิมเมื่อ 8 ปีก่อน การจากไปของเขาจะเพิ่มที่ว่างสำหรับกองกลางหนึ่งคนสำหรับฤดูกาลหน้า
อาร์เซนอล ยังคงมีความไม่ชัดเจนในเรื่องนี้มากพอสมควรว่าช่องว่างที่หายไปนี้จะเติมผู้เล่นใหม่ หรือว่าจะเป็นการให้โอกาสกับนักเตะเยาวชนของทีมได้ขึ้นมาทดแทนตรงนี้ รวมถึงเรื่องของสัญญาใหม่ โธมัส ปาเตย์ ที่จะหมดสัญญากันในฤดูกาลหน้าก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องติดตามกันต่อไป ในขณะที่ ปาติโน่ เข้าสู่สัญญาปีสุดท้ายที่ มกราคม 2025 เขาจะกลายเป็นนักเตะไม่มีค่าตัวแล้ว
การให้โอกาสกับ “ดาวรุ่ง” เป็นหนึ่งในสิ่งที่ มิเคล อาร์เตต้า ถูกพูดถึงมาตลอดว่ายังไม่ค่อยได้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับ เยาวชน Hale End มากนัก อย่างไรก็ตามส่วนนี้ก็มีเหตุผลรองรับที่สมเหตุสมผล ด้วยเป้าหมายของการกลับสู่การเป็นทีมใหญ่ อาร์เซนอล ต้องการผลงานที่ดีที่สุดเท่านั้น เพื่อไปสู่เป้าหมายตั้งแต่เริ่มต้นด้วยการเป็นทีมขาประจำในแชมเปี้ยนส์ ลีก และแน่นอนกับการเป็นแชมป์ในรายการสำคัญให้ได้ พวกเขาอยู่ในช่วงของการเติมความแข็งแกร่งของทีมให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และนั่นเป็นสิ่งที่ดาวรุ่งแทบจะไม่มีโอกาสเลย ยกเว้นนักเตะคนนั้นจะพิเศษสุดจริง ๆ อย่างที่เคยเกิดขึ้นกับ บูคาโย่ ซาก้า ที่ตอนนี้คือผลิตผลที่ดีที่สุดของเยาวชนสโมสรไปแล้ว ขณะที่ เอ็ดดี้ เอนเคเธีย รวมถึง เอมิล สมิธ โรว์ ต่างเจอกับปัญหาที่สุดท้ายพวกเขายังเป็นท้ายแถวของทีมชุดใหญ่ในเวลานี้ ยังไม่รวมถึงเรื่องของอายุเฉลี่ยในทีมชุดนี้ก็ไม่ได้สูงอะไรนัก นี่คือทีมที่มีนักเตะอายุประมาณ 30 คนเพียง 4 คนเท่านั้น นับว่าน้อยมาก
ทั้งนี้ทั้งนั้น นักเตะดาวรุ่ง ก็เป็นเหมือนกับการเดิมพันของสโมสร นักเตะหลายคนอาจจะได้รับการยกย่องในว่าฟอร์มยอดเยี่ยม แต่ไม่สามารถขึ้นมาทำแบบเดียวกันได้ในระดับชุดใหญ่ และแน่นอนว่าในมุมของแฟนบอลเราไม่มีทางได้ติดตามผลงานนักเตะแบบต่อเนื่อง เหมือนกับทีมงานของสโมสร ทำให้เราอาจจะไม่ได้เห็นในรายละเอียดที่ว่าทำไมคนที่เราเชื่อว่ามีความสามารถดีถึงยังไม่ได้โอกาสอย่างที่เราหวังด้วย เราอาจจะได้เห็นชื่อดาวรุ่งหลายต่อหลายคนที่ถูกยกย่องขึ้นมาแล้วก็ต้องออกจากทีมไป และยังคงเวียนว่ายกับการมองหาโอกาสของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น โอมาริ ฮัทชิสัน หรืออย่าง โฟลาริน บาโลกุน ที่ย้ายออกจากทีมด้วยราคาสูงถึง 40 ล้านยูโร แต่ผลงานกับโมนาโกในปีนี้ไม่ร้อนแรงอย่างที่เคยเป็นมาในฤดูกาลที่แล้ว
นอกจากนี้ ปาติโน่ รวมถึงเยาวชนอีกหลายคนไม่ว่าจะเป็น มิเกล อาซีซ, ไมล์ ลูอิส-สเกลลี่ หรือว่าดาวรุ่งดวงใหม่ไฟแรงอย่าง อีธาน เอนวาเนรี่ ที่เพิ่งได้สัญญาอาชีพไปเมื่อไม่นานนี้ก็ต้องมาวัดความสามารถ และโอกาสกันอีกทีว่า นักเตะคนไหน ตำแหน่งไหนที่ทีมกำลังมองหาใครในแต่ละฤดูกาลเป็นสำคัญ และพวกเขาจะ “ซื้อ” หรือจะ “ดัน”
ดังนั้นหากมองถึงตรงนี้ ปาติโน่ กับโอกาสในการขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในทีมปืนใหญ่ ยังคงมีข้อคำถามที่รอคอยโอกาสอยู่อีกพอสมควรกับปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ซึ่งคงต้องรอติดตามกันต่อไปว่าปีหน้า ปืนใหญ่จะมีเยาวชนของทีมได้รับโอกาสเต็มตัวครั้งแรกในยุคของ มิเคล อาร์เตต้า หรือไม่ และเมื่อได้รับโอกาสพวกเขาจะคว้ามันไว้ได้หรือเปล่าสำหรับช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญสำหรับอาชีพนักเตะอย่างแท้จริงแบบนี้