เปิดเฮดทูเฮด โปเช็ตติโน่ vs คล็อปป์ : ระหว่าง 'แชมป์แรก' กับ 'แชมป์สุดท้าย' ใครจะเข้าวิน - FEATURE

• แชมป์แรกของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ในการคุม เชลซี และทำงานในอังกฤษ
• แชมป์ถ้วยเล็กใบสุดท้าย ปิดฉาก เยอร์เก้น คล็อปป์ กับ ลิเวอร์พูล
• คืนอาทิตย์นี้ แชมป์ คาราบาว คัพ จะตกเป็นของใคร
Liverpool FC v Tottenham Hotspur - Premier League
Liverpool FC v Tottenham Hotspur - Premier League / Getty Images/GettyImages
facebooktwitterreddit

แม้ในภาพรวม ฟุตบอล "ลีก คัพ" จะไม่ได้มีความสำคัญระดับเป็น "เป้าหมาย" ของทีมใหญ่ในแต่ละปี แต่มาถึงปีนี้ ทั้ง เชลซี และ ลิเวอร์พูล ต่างก็ต้องการมันด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะการเป็น "แชมป์แรก" กับ "แชมป์สุดท้าย" ของแต่ละฝ่าย

แชมป์แรก

  • รอบสอง : ชนะ เอเอฟซี วิมเบิลดัน 2-1
    รอบสาม : ชนะ ไบรท์ตัน 1-0
    รอบสี่ : ชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-0
    รอบ 8 ทีม : เสมอ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1-1, ชนะจุดโทษ 4-2
    ตัดเชือกนัดแรก : แพ้ มิดเดิ้ลสโบรช์ 0-1
    ตัดเชือกนัดสอง : ชนะ มิดเดิ้ลสโบรช์ 6-1 (ชนะสกอร์รวม 6-2)

อย่างที่ว่าไว้ในสรุปประเด็นหลังเกม เชลซี หลายๆ หน ว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ต้องการแชมป์ คาราบาว คัพ อย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลหลักๆ 3-4 ข้อ

1) ความที่เป็นทีมสายเลือดใหม่ ขึ้นยุคใหม่ทั้ง นักเตะ-กุนซือ-เจ้าของทีม ดังนั้นตอนนี้ ถ้วยไหนเอาได้ก็เหมาหมด (เหมือน แมนฯ ซิตี้ ช่วงแรกที่ได้ทุนตะวันออกกลาง)

2) เพื่อเป็นรางวัลปลอบใจแฟนๆ กับการต้อง "จำทน" ยอมรับความตกต่ำ หลุดออกจากการเป็นทีมหัวแถวของประเทศ และยังหาทางกลับไปไม่ได้เลย

และ 3) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในซีซั่นนี้ ว่าอย่างน้อยก็ยังมีสัก 1 แชมป์ที่เข้ามือ สอดคล้องกับกระแสข่าวที่ว่า บอร์ดเชลซี ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายกับปีนี้หรอก ถ้ามีสักแชมป์ให้แฟนๆ ได้ฉีกยิ้ม ก็มากพอให้ โปเช็ตติโน่ ได้ไปต่อซีซั่นหน้า

นอกจากนั้นก็แน่นอนที่สุดว่าคือ 4) เพื่อเป็น "แชมป์แรก" ของตัว โปเช็ตติโน่ เอง ทั้งกับการเริ่มต้นคุม เชลซี ปีแรก และยังจะเป็นแชมป์แรกในอังกฤษของตัวเองด้วยเหมือนกัน ให้หลังจากที่ต้องเจ็บปวดมาตลอดกับช่วงระยะการคุม สเปอร์ส ที่เต็มที่คือ "พระรอง" แคปปิตอล วัน คัพ 2015 (แพ้ เชลซี 0-2) กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019 (แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2) รวมไปถึง พรีเมียร์ลีก ที่เคยเข้าป้ายอันดับ 2 ในซีซั่น 2016/17 มาด้วย

Mauricio Pochettino
Manchester City v Chelsea FC - Premier League / James Gill - Danehouse/GettyImages

แชมป์สุดท้าย

  • รอบสาม : ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 3-1
    รอบสี่ : ชนะ บอร์นมัธ 2-1
    รอบ 8 ทีม : ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 5-1
    ตัดเชือกนัดแรก : ชนะ ฟูแล่ม 2-1
    ตัดเชือกนัดสอง : เสมอ ฟูแล่ม 1-1 (ชนะสกอร์รวม 3-2)

ที่จริง มองจากดาวอังคารลงมาก็เห็น เยอร์เก้น คล็อปป์ มี คาราบาว คัพ เป็นเป้าหมาย...ซะที่ไหนกันล่ะ!?!

ตั้งแต่แรกเข้ารับงานใน แอนฟิลด์ มาแล้ว ที่ คล็อปป์ ซื่อสัตย์ชัดเจนกับถ้วยนี้อย่างยิ่งว่า "เข้าก็ดี ตกก็ได้" เป็นรายการสุดท้ายที่ต้องการในแต่ละปี เป็นถ้วยสำหรับตัวสำรองและดาวรุ่งลงโชว์ผลงาน และก็มีไม่น้อยเลยที่ตกเร็วแค่รอบ 3 หรือ 4

ซีซั่นที่แล้วนี่เองที่ ลิเวอร์พูล หยุดเส้นทางใน บาวคัพ แค่รอบ 4 จากการแพ้ แมนฯ ซิตี้ 2-3 ซึ่งในขณะที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ส่ง เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์, ริยาด มาห์เรซ, เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน และตัวหลักรายอื่นๆ ลงอื้อ ฝั่ง คล็อปป์ มี โม ซาลาห์ กับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แค่สองคนที่ถือเป็นแกนหลักหน้าเก่า นอกนั้นมีทั้ง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่, สเตฟาน ไบจ์เซติช, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ และท่านผู้เฒ่า เจมส์ มิลเนอร์

มาซีซั่นนี้ก็หาได้ต่างไป ในแต่ละเกม แต่ละรอบ ล้วนเป็นเวทีของแข้งสำรองและดาวรุ่ง ที่แม้กระทั่ง เบน โด๊ค หอกเด็กอายุ 18 ก็เคยได้เล่นตัวจริงมาแล้ว

ปัญหาก็คือ ทั้งที่เตะแบบไม่ซีเรียส แต่เมื่อผ่านมาได้ทีละรอบๆ ไม่ยอมตกเสียที ก็ถึงเวลาต้องซีเรียสเข้าให้บ้างแล้ว

เพราะเหลือเอาชนะให้ได้อีกแค่ 1 เกม 90 นาทีเท่านั้น จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่นักเตะ ลิเวอร์พูล จะได้ส่งเจ้านายด้วยโทรฟี่ -- แม้อาจไม่ใช่ถ้วยเดียวของปีนี้ เมื่อหงส์ก็ยังอยู่ในวงโคจรทั้ง 4 รายการ แต่ก็จะเป็นแชมป์ คาราบาว คัพ หนสุดท้ายก่อน คล็อปป์ อำลาทีมไปตอนจบซีซั่น

Jurgen Klopp
Liverpool FC v Luton Town - Premier League / James Gill - Danehouse/GettyImages

โปเช็ตติโน่ vs คล็อปป์

  • 13 นัดของการพบกัน

    1. พรีเมียร์ลีก 2015/16 : สเปอร์ส 0-0 ลิเวอร์พูล
    2. พรีเมียร์ลีก 2015/16 : ลิเวอร์พูล 1-1 สเปอร์ส
    3. พรีเมียร์ลีก 2016/17 : สเปอร์ส 1-1 ลิเวอร์พูล
    4. ลีก คัพ 2016/17 : ลิเวอร์พูล 2-1 สเปอร์ส
    5. พรีเมียร์ลีก 2016/17 : ลิเวอร์พูล 2-0 สเปอร์ส
    6. พรีเมียร์ลีก 2017/18 : สเปอร์ส 4-1 ลิเวอร์พูล
    7. พรีเมียร์ลีก 2017/18 : ลิเวอร์พูล 2-2 สเปอร์ส
    8. พรีเมียร์ลีก 2018/19 : สเปอร์ส 1-2 ลิเวอร์พูล
    9. พรีเมียร์ลีก 2018/19 : ลิเวอร์พูล 2-1 สเปอร์ส
    10. ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018/19 : สเปอร์ส 0-2 ลิเวอร์พูล
    11. พรีเมียร์ลีก 2019/20 : ลิเวอร์พูล 2-1 สเปอร์ส
    12. พรีเมียร์ลีก 2023/24 : เชลซี 1-1 ลิเวอร์พูล
    13. พรีเมียร์ลีก 2023/24 : ลิเวอร์พูล 4-1 เชลซี

เกม

โปเช็ตติโน่ ชนะ

คล็อปป์ ชนะ

13

1

7

ขาดลอยแบบ outclassed ทิ้งกระจายแบบมองไม่เห็นเงา คือสิ่งที่คู่นี้เป็น

ไม่ต้องย้อนไกลถึงตอน คล็อปป์ เริ่มต้นงานในบ้านเกิด หรือ โปเช็ตติโน่ เทิร์นโปรใหม่ๆ ในสเปน การเจอกันของคู่นี้ เริ่มต้นใน พรีเมียร์ลีก 2015/16 เป็นต้นมา (ปีที่ 2 ของ โปเช็ตติโน่ กับ สเปอร์ส / ปีแรกของ คล็อปป์ ในแอนฟิลด์)

อันที่จริง ช่วงแรกๆ ของคู่นี้ กินกันไม่ลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน และ แอนฟิลด์ โดยออกผลเสมอ 3 ครั้งติดต่อกัน

จนผู้ชนะเริ่มปรากฏโฉม ตั้งแต่ ลีก คัพ 2016/17 รอบ 4 ที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเชือด สเปอร์ส จากสองประตูของ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ จนชนะไปด้วยสกอร์ 2-1 (ก่อนไปตกตัดเชือก)

หลังจากนั้นมา หงส์ของ คล็อปป์ ก็ถอนขนไก่ของ พอช เป็นเรื่องปกติ

ภาพคล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นในซีซั่นนี้ เมื่อ โปเช็ตติโน่ เข้ารับงานกับ เชลซี หลังเว้นวรรคฟุตบอลอังกฤษไปพักหนึ่ง -- เชลซี ลงเตะนัดเปิดฤดูกาลกับ ลิเวอร์พูล ในสแตมฟอร์ด บริดจ์ และผลจบเสมอกันอย่างสนุก หลุยส์ ดิอาซ เปิดสกอร์นำให้ทีมเยือน ก่อน อักเซล ดิซาซี่ ตีเสมอท้ายครึ่งแรก และครึ่งหลังไม่มีการยิงกันเพิ่ม

นัดแรกเสมอ... นัดต่อมา เละ!

31 ม.ค. ลิเวอร์พูล เปิดแอนฟิลด์รับมือ เชลซี ที่ก่อนถึงเกมนี้ ฟอร์มเข้าฝักชนะในลีกมา 3 เกมซ้อน ปรากฏว่า โปเช็ตติโน่ พ่ายแพ้อย่างราบคาบในทุกมิติ ทั้งแท็กติกที่สู้ไม่ได้ ทั้งรายละเอียดการจัดการเกมที่เอาไม่อยู่ แม้กระทั่งว่า ดาร์วิน นูนเยซ จะยิงจุดโทษพลาดแล้ว (ทดเจ็บครึ่งแรก) ลิเวอร์พูล ก็ยังโขยกใส่อย่างเมามัน จนชนะขาดลอย 4-1 ด้วยประตูของ ดีโอโก้ โชต้า, คอเนอร์ แบร๊ดลี่ย์, โดมินิค โซบอสซ์ไล และ หลุยส์ ดิอาซ

เท่ากับสองนัด หลุยส์ ดิอาซ ยิงทีมของ โปเช็ตติโน่ 2 ลูก

และวันอาทิตย์นี้ ปีกโคลอมเบียก็จะลงตัวจริง พร้อมเล่นงาน พอช และชาวคณะสิงห์น้ำเงิน เหมือนเช่นเคย

Luis Diaz
Liverpool FC v Chelsea FC - Premier League / Clive Brunskill/GettyImages

เจ็บนี้ ไม่ลืม

แม้ในใจจะรู้อยู่แหละว่าเป็นรอง แต่ถ้ามีโชคมีดวงส่งเสริมให้ชนะ "เกมนั้น" ได้ อะไรกันนะที่จะรอ สเปอร์ส อยู่ข้างหน้า

- แชมป์แรกในรอบหลายสิบปี และเป็นแชมป์ใหญ่สุดซะด้วย

- เลิกล้อกันได้แล้วว่า สเปอร์ส มีแต่จานชามช้อนส้อม...ไม่มีถ้วย!

- ทั้งสโมสรและแฟนบอล จะได้เปิดประสบการณ์ใหม่ไปกับ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ตอนต้นซีซั่นถัดมา เช่นเดียวกับ สโมสรโลก ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ปลายปี 2019

- ดีไม่ดี โปเช็ตติโน่ จะได้มีรูปปั้นขึ้นแท่นหน้า ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม เพื่อทดแทนคุณงามความดี

- รายได้จะไหลมาเทมา ถ้ามีการเสริมทัพที่ดี สร้างความต่อเนื่องได้ เป้าหมายถัดไปย่อมอยู่ที่การลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก เต็มตัว

แต่ก็นั่นแหละ... ทุกอย่างสลายไปในเพียงนาทีเศษหลังเสียงนกหวีดยาวเริ่มเกม กับจุดโทษแฮนด์บอลของ มุสซ่า ซิสโซโก้ ในวินาทีที่ 24 ของเกมที่มาดริด และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สังหารเข้าไปไม่พลาด เป็นประตูที่เร็วที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในนัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

หนึ่งคือเป็นรองอยู่แล้ว สองคือตามหลังเร็วมาก และสามคือ ดันเป็นเกมที่ สเปอร์ส เล่นไม่ออก สร้างโอกาสดีๆ ไม่ได้ แม้จังหวะยิงตรงกรอบจะมากถึง 8 ครั้ง แต่แทบไม่มีเลยที่จะทำให้ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ต้องหนักใจ

สุดท้าย สกอร์ก็ถ่างเป็น 2-0 จาก ดิว็อค โอริกี้ ท้ายเกม น.87

แม้อาจยอมรับได้กับความพ่ายแพ้ในเชิงฟุตบอล และไม่มีอะไรที่ โปเช็ตติโน่ ต้องถือโทษโกรธเคืองต่อ คล็อปป์ แต่ก็แน่นอนอยู่แล้วว่า มันคือทั้งความเสียดายและเสียใจที่ สเปอร์ส ไม่อาจเอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ในวันนั้น

...กาลผ่านมาร่วม 5 ปี โปเช็ตติโน่ v คล็อปป์ จะประมือกันอีกครั้งในนัดชิงชนะเลิศบอลถ้วย

อย่างที่ร่ายไว้ข้างต้นแล้วว่า เรื่องของสถิติ คล็อปป์ เป็นฝ่ายกินขาด และโดยเฉพาะว่ามี "รอยแผลเป็น" ใหญ่เบ้งติดตัว โปเช็ตติโน่ จาก ชปล. 2019

เพียงแต่ว่าทั้งหมดทั้งมวลก็คงไม่ได้การันตีว่า ลิเวอร์พูล จะกำชัย 100% คว้าถ้วย คาราบาว คัพ หนสุดท้ายเป็นการสั่งลา คล็อปป์ แน่ๆ

เพราะแม้แต่ dog ยัง has its day ได้ ทำไม โปเช็ตติโน่ จะหวังถึงชัยชนะไม่ได้กัน -- 90 นาที (หรือ 120++) ที่เวมบลีย์ อาทิตย์นี้ เดี๋ยวรู้!

Doncaster Rovers v Everton - Carabao Cup Second Round
Doncaster Rovers v Everton - Carabao Cup Second Round / George Wood/GettyImages