หัว-ก้อย 2 หนท้าย : แชมป์เก่า อิตาลี จะได้ไปโชว์ตัว...หรือร่วงรอบคัดเลือก ยูโร 2024 เข้าให้อีก - FEATURE
• นั่นทำให้แชมป์เก่ายูโร 2020 อย่าง อิตาลี ตกที่นั่งลำบากกับคิวคัดยูโร 2024
• สองนัดสุดท้าย...ชี้ชะตา "เข้ารอบ" หรือ "ตกรอบ"
กับ 2 เกมสุดท้ายของรอบคัดเลือก ยูโร 2024 เป็นเรื่องไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่ว่าทีมระดับ อิตาลี ผู้ซึ่งมีสถานะ "แชมป์เก่า" จะตกระกำลำบากถึงขั้นต้องมาฝากชีวิตไว้กับ 2 เกมท้ายนี้ ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้น และพวกเขาต้องทำตัวอย่างไรต่อ เพื่อให้ ยูโร 2024 ยังคงมี อิตาลี เป็นส่วนหนึ่งในนั้น
แชมป์เก่า / แชมป์ 2 สมัย
คงคล้ายๆ เยอรมนี หรือ สเปน ที่เมื่อได้แชมป์สักครั้งแล้วก็ต้องเว้นช่วงนานทีเดียวกว่าที่จะไปถึงโทรฟี่ได้อีกรอบ
อิตาลี ขึ้นบัลลังก์ครองแชมป์ทวีปยุโรปสมัยแรกในปี 1968 ยุคสมัยของ ดิโน่ ซอฟฟ์, ซานโดร มาซโซล่า และ ลุยจิ ริว่า ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพเองและครองแชมป์เอง เอาชนะ ยูโกสลาเวีย ในเกมแข่งใหม่ (สมัยนั้นไม่ใช้ดวลจุดโทษตัดสิน) 2-0 หลังจากเสมอ 1-1 ก่อนหน้านั้นสองวัน
ต่อมา ด้วยความแข็งแกร่งในเชิงฟุตบอล และมี กัลโช่ เซเรีย อา เป็นที่เชิดหน้าชูตา อิตาลี จึงเข้าถึงรอบลึก ยูโร ได้อีกถึง 5 ครั้ง
ยูโร 1980 : แพ้ตัดเชือก และแพ้จุดโทษ เชโกสโลวาเกีย 8-9 จนเป็นที่ 4
ยูโร 1988 : แพ้ สหภาพโซเวียต 0-2 ตกตัดเชือก
ยูโร 2000 : เกมชิงดำในตำนาน มาร์โก เดลเว็คคิโอ ยิงให้ อิตาลี นำต้นครึ่งหลัง และเกมจะจบอยู่แล้ว ซิลแว็ง วิลตอร์ ยิงตีเสมอ 90+4 จากนั้นต่อเวลาในระบบ "โกลเด้นโกล" ก็เป็น ดาวิด เทรเซเก้ต์ ซัดให้ ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์
ยูโร 2012 : เกมที่ถูกจดจำน้อยกว่าเมื่อ 12 ปีก่อน เมื่อ อิตาลี ยุค มาริโอ บาโลเตลลี่ กำลังจ๊าบ แพ้ สเปน เละเทะ 0-4 ในนัดชิงที่เคียฟ
กระทั่งมาครั้งล่าสุด ยูโร 2020 ที่จัดกันแบบพิเศษใส่ไข่ ร่วมมือกันเป็นเจ้าภาพทั้งทวีป อิตาลี จึงได้สัมผัสโทรฟี่สมัย 2 ที่ห่างจากหนแรกนานถึง 52 ปีทีเดียว
เกมชิงแชมป์ทวีปที่เวมบลีย์ กินกันไม่ลงหลังจาก ลุค ชอว์ เปิดสกอร์นำให้ อังกฤษ ตั้งแต่นาทีเศษๆ และ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ทวงคืนในครึ่งหลัง จนต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ
และแม้ว่าทั้ง อันเดรีย เบล็อตติ กับ จอร์จินโญ่ จะพลาดเป้า แต่ อังกฤษ ก็กลับพลาดมากกว่าถึง 3 คน (มาร์คัส แรชฟอร์ด, เจดอน ซานโช่, บูกาโย่ ซาก้า) จนชัยชนะและแชมป์ตกเป็นของ อิตาลี ที่สกอร์ 3-2
แชมป์นี้ของ อิตาลี คงถือได้ว่าเกิดขึ้นอย่างเซอร์ไพรส์ในหลายๆ จุด
เช่นว่า 1. อิตาลี ของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ไม่ได้ถูกมองเป็นเต็งแชมป์แต่แรก โดยจัดเป็นตัวเต็ง 6-7 เลย ตามหลังทั้ง อังกฤษ, ฝรั่งเศส, โปรตุเกส หรือ เบลเยียม
2. นั่นเพราะใน ฟุตบอลโลก 2 ปีก่อนหน้า (2018) อัซซูร์รี่ กระเด็นตกตั้งแต่รอบคัดเลือก อดไปโชว์ตัวที่รัสเซีย ทั้งที่ยุโรปได้โควต้าถึง 14 ที่นั่ง
3. อิตาลี ขาดแคลนการสร้าง "ซูเปอร์สตาร์ตัวท็อป" ขึ้นมาประดับวงการได้พักใหญ่แล้ว จุดเด่นของพวกเขากลายเป็นเกมรับที่มีพวกเขี้ยวๆ อย่าง โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่ หรือ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ที่หว่างเสา
และ 4. เซอร์ไพรส์มากเข้าไปใหญ่ ว่าในอีกแค่ไม่กี่เดือนถัดจากยูโร อิตาลี ก็ตกรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2022 อีก ที่แสดงให้เห็นว่า "จุดอ่อน" ในทีมของพวกเขา มีเต็มไปหมด
ยูโร 2024 ที่ต้องลุ้นเหนื่อย
- แพ้ อังกฤษ (เหย้า) 1-2
ชนะ มอลต้า (เยือน) 2-0
เสมอ มาซิโดเนียเหนือ (เยือน) 1-1
ชนะ ยูเครน (เหย้า) 2-1
ชนะ มอลต้า (เหย้า) 4-0
แพ้ อังกฤษ (เยือน) 1-3
เมื่อทำเซอร์ไพรส์ได้ขนาดที่ว่า "ครองแชมป์" เสียเฉยๆ ใน ยูโร ครั้งก่อน เมื่อมาถึง ยูโร งวดนี้ มันจึงไม่ได้เป็นเซอร์ไพรส์อะไรนักที่ อิตาลี จะเจอปัญหาฟอร์มการเล่น การสร้างผลงานที่ดีจริงๆ ไม่ได้ และต้องลุ้นกันหนักมากว่าจะเข้ารอบสุดท้ายได้จริงๆ ไหม
6 นัดที่ผ่านไปแล้วของ อิตาลี ในรอบคัดเลือก ยูโร 2024 ชัดเจนว่าพวกเขาดีพอจะเอาชนะได้ก็แค่ "ทีมเล็ก" ที่เป็นรองอย่างชัดเจน เท่านั้น
เมื่อเจอของแข็งอย่าง อังกฤษ ก็แพ้ทั้งเหย้าเยือน
หรือเจอตัวแสบอย่าง มาซิโดเนียเหนือ (ที่เป็นคนเขี่ย อิตาลี ตกรอบคัดเลือกบอลโลก 2022) ก็ทำได้แค่เสมอเท่านั้น
นั่นทำให้ 6 เกมผ่านไป อิตาลี อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีเลย ด้วยการยืนอันดับ 3 ของกลุ่ม C ด้วยการมี 10 แต้ม ตามหลังทั้ง อังกฤษ ที่มี 16 คะแนน (เข้ารอบแล้ว) และ ยูเครน ที่มี 13 แต้มจากการเตะแล้ว 7 นัด
6 แต้มยื่นให้ อังกฤษ
อาจไม่ถึงขั้นแพ้ขาดลอยย่อยยับ และในระหว่างเกม 2 เกมที่พบกัน อิตาลี ก็สามารถสร้างรอยแผลให้ อังกฤษ ได้มากพอตัว
นัดแรกที่ สตาดิโอ ดีเอโก้ มาราโดน่า เมื่อ 23 มี.ค. อังกฤษ ฉีกสกอร์นำ 2-0 ในครึ่งแรกจาก ดีแคลน ไรซ์ น.13 และจุดโทษของ แฮร์รี่ เคน น.44 ก่อนที่ อิตาลี จะตีตื้นมาจาก มาเตโอ เรเตกี น.56 รวมทั้งสร้างโอกาสลุ้นตีเสมอได้หลังจากนั้น แต่ทำไม่สำเร็จ จบที่ อิตาลี แพ้คาบ้าน 1-2
นัดแก้มือที่ เวมบลีย์ เมื่อ 17 ต.ค. อิตาลี ขึ้นนำก่อนด้วยซ้ำจาก จานลูก้า สคามัคก้า น.15 แต่หลังจากนั้นก็ต้านฟอร์มเทพของ จู๊ด เบลลิงแฮม (9/10 ในหลายสำนัก) ไม่อยู่ โดน 3 เม็ดรวดจาก แฮร์รี่ เคน 2 ลูก และ มาร์คัส แรชฟอร์ด
2 นัด 6 แต้มเต็มเป็นของ อังกฤษ
อาจไม่ใช่สมการที่แปรผกพันโดยตรง แต่ก็เป็นการ "บอกใบ้" ถึงแผลสดและความทรุดโทรมที่ อิตาลี มีในตัวเอง
ว่านับวัน พวกเขาจะโดน "ทีมระดับท็อป" ทิ้งห่างไป...ทุกที
อิตาลี ของ สปัลเล็ตติ
5 ปีของการนั่งเก้าอี้ โรแบร์โต้ มันชินี่ มีเกียรติยศติดมืออย่าง แชมป์ ยูโร 2020 และอันดับ 3 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ทั้งของปี 2021 และ 2023
เวลาเดียวกัน เขาทำทีมตกรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2022 รวมถึงแพ้ อาร์เจนติน่า ขาดลอย 0-3 ในนัดลับแข้งชิงแชมป์ ยุโรป-อเมริกาใต้ Finalissima 2022
13 ส.ค. 2023 มันชินี่ ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง และ เอฟไอจีซี (สมาคมบอลเลี่ยน) จิ้มเลือกกุนซือมือเก๋าวัย 64 อย่าง ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ เข้ามานั่งเก้าอี้แทน ภายใต้สัญญา 3 ปี
แต่การมาของกุนซือดีกรีแชมป์ เซเรีย อา กับ นาโปลี ซีซั่นล่า คงถือได้ว่า "ไม่ได้อยู่ในจุดที่พอเหมาะพอดี" แต่ประการใด
สปัลเล็ตติ ต้องเข้ามาสานงานต่อจาก มันโช่ ระหว่างทางคัดยูโร ที่ อิตาลี หลุดแพ้ อังกฤษ (1-2) ไปแล้ว และต้องเริ่มงานด้วยคิวบุกเยือน มาซิโดเนียเหนือ (9 ก.ย.) ที่เมื่อยังใหม่กับลูกทีม ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ก็เลยทำได้แค่เสมอ 1-1 กลับออกมา
แล้วก็อย่างที่ว่าไว้ข้างต้นแล้วว่า อิตาลี ขาดแคลนการสร้าง "ซูเปอร์สตาร์ตัวท็อป" ขึ้นมาประดับวงการได้พักใหญ่แล้ว แม้ขุมกำลังชุดปัจจุบันจะมาจากทีมหัวแถวของ เซเรีย อา เป็นส่วนใหญ่ ทั้ง อินเตอร์, ยูเวนตุส, มิลาน, โรม่า, นาโปลี แต่นักเตะที่ "เป็นหน้าเป็นตา" เป็นที่พึ่งพาและสามารถฝากความหวังได้จริงๆ จังๆ กลับเฟ้นหาได้ยากเต็มที
เฟเดริโก้ เคียซ่า..? ฝีเท้าใช้ได้ แต่เจ็บบ่อยระดับเล่น 3 นัดพัก 3 สัปดาห์
สเตฟาน เอล ชาราวี..? เลยจุดพีคไปนานแล้ว
มอยเซ่ คีน..? ไม่สม่ำเสมอ ยิงกับ ยูเว่ ได้ไม่เยอะ
จอร์จินโญ่..? ยังไม่ได้เป็นตัวจริงตลอดกับ อาร์เซน่อล เลย
ซานโดร โตนาลี่..? โดยฝีเท้าถือว่าเข้าขั้น แต่ก็สวัสดีครับพี่น้อง...โดนแบนเป็นปีแล้วจ้า
ตัวเก่งโดดๆ ไม่มี ตัวจบสกอร์ไว้ใจได้ก็ไม่มี ช่วงหลังสลับใช้ สคามัคก้า กับ มอยเซ่ คีน ส่วน มาเตโอ เรเตกี กองหน้าอาร์เจนไตน์ ที่เคยยิง 2 เม็ดช่วงเริ่มต้นคัดยูโรงวดนี้ เงียบๆ ไปแล้วหลังย้ายจาก โบคา จูเนียร์ส มาเก็บเลเวลในยุโรปกับ เจนัว
2 เกมที่เหลือ...เลือกอะไรได้บ้าง?
- 17 พ.ย. (เหย้า) มาซิโดเนียเหนือ
20 พ.ย. (เยือน) ยูเครน
ในการคาดการณ์ของสื่อเลี่ยน 11 ตัวจริงที่ สปัลเล็ตติ จะใช้งานในเกมรองสุดท้ายกับ มาซิโดเนียเหนือ ที่สตาดิโอ โอลิมปิโก กรุงโรม จะประกอบด้วย จานลุยจิ ดอนนารุมม่า; มัตเตโอ ดาร์เมียน, อเลสซานโดร บาสโตนี่, ฟรานเชสโก้ อแซร์บี้, เฟเดริโก้ ดิมาร์โก; จอร์จินโญ่, นิโกโล่ บาเรลล่า, ดาวิเด้ ฟรัตเตซี่; โดเมนิโก้ เบราร์ดี้, จานลูก้า สคามัคก้า, เฟเดริโก้ เคียซ่า
ข้ามเรื่องว่านักเตะทั้งหมดออกจะเป็นทรง "เกรดบี" หรือไม่ก็ "บีบวก" ไปก่อน ชัดเจนว่า อิตาลี อยู่ในสภาวะ "หลังพิงฝา" แล้วกับการยืนอันดับ 3 ของกลุ่ม ด้วยการมี 10 แต้ม (อังกฤษ 16, ยูเครน 13, อิตาลี 10, มาซิโดเนียเหนือ 7)
แต่อย่างไรก็ตาม อิตาลี ยังพอจะ "มีทางเลือก" อยู่บ้าง ว่าไม่ถึงกับต้อง "บังคับชนะ" ในทั้ง 2 เกมที่ยังเหลือ
แม้โดยทางปฏิบัติ อิตาลี จะควรชนะให้ได้ทั้ง 2 นัด เพื่อตามหลัง อังกฤษ ผ่านเข้ารอบไปในท้ายที่สุด แต่ในทางทฤษฎี ที่จริงแล้ว อิตาลี ต้องการแค่ "4 แต้ม" จาก 2 เกมที่เหลือ เนื่องด้วย ยูเครน เตะผ่าน 7 นัดแล้ว ไม่เหลือโปรแกรมอื่นอีกนอกจากตัดสินกับ อิตาลี โดยตรง จันทร์หน้า
สมมุติว่า อิตาลี ชนะ มาซิโดเนียเหนือ ได้ตามสมควร แล้วนัดสุดท้ายออกไป ยันเจ๊า ยูเครน (เตะสนามกลางที่เลเวอร์คูเซ่น) ทั้ง อิตาลี และ ยูเครน จะมี 14 แต้มเท่ากัน ต้องวัดที่ "เฮดทูเฮด" และ อิตาลี จะเป็นฝ่ายได้ไปต่อ จากผลชนะ 2-1 ที่มิลาน และเสมอนัดสอง
ส่วนสมมุติว่า อิตาลี ได้แค่เสมอ มาซิโดเนียเหนือ ในวันศุกร์ การณ์จะบังคับให้พวกเขา "ต้องชนะ" อย่างเดียวเท่านั้น สำหรับเกมตัดสินกับ ยูเครน -- ถ้าทำได้ อิตาลี จะมี 14 แต้ม แซงหน้า ยูเครน ที่มี 13 คะแนน เข้ารอบไป
แต่หากชนะ มาซิโดเนียเหนือ ได้ แล้วดันออกไปแพ้ ยูเครน ขึ้นมา ก็จบเห่เลยทันที เมื่อ ยูเครน จะมีเพิ่มเป็น 16 แต้ม และ อิตาลี มีแค่ 13
อาจใช่ว่า อิตาลี ยังจะได้สิทธิ์ไปต่อที่รอบ "เพลย์ออฟ" หากจบที่ 3 ขึ้นมา (ด้วยบุญเก่าจาก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก) แต่ถ้าต้องไปเพลย์ออฟจริง ไม่ว่าต้องเจอใครก็เสี่ยงมากๆ ในระดับ 50:50 และไอ้ที่ร่วงคัดบอลโลกหนล่าสุด ก็เพราะแพ้เพลย์ออฟนี่แหละ
ดังนั้น เพื่อไม่ให้ภาพรวมของการเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ช่วงหลัง กลายเป็นว่า...
- ฟุตบอลโลก 2018 - ตกรอบคัดเลือก
ยูโร 2020 - แชมป์
ฟุตบอลโลก 2022 - ตกรอบคัดเลือก
ยูโร 2024 - ตกรอบคัดเลือก
อิตาลี จึงต้องปิดบัญชี 2 เกมที่เหลือให้ได้ด้วยดี อย่างน้อย 4 แต้มต้องมี อย่างมาก 6 แต้มเต็มได้ก็สวยเลย
สำคัญมากคือเกมกับ ยูเครน จันทร์หน้า ที่จะแพ้ไม่ได้...ถ้าไม่อยากแยกย้ายนอนดูยูโรบ้านใครบ้านมัน!