เควิน เดอ บรอยน์ นักเตะอัจฉริยะที่ แมนซิตี้ รอคอยการกลับมา - FEATURE

  • แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปเอาชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด  3-2
  • เควิน เดอ บรอยน์ ทำผลงานยอดเยี่ยม
  • แข้งรายนี้ถูกย่กย่องเป็นนักเตะอัจฉริยะ
Newcastle United v Manchester City - Premier League
Newcastle United v Manchester City - Premier League / Robbie Jay Barratt - AMA/GettyImages
facebooktwitterreddit

เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติเบลเยียม ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นคนช่วยชีวิตพลพรรค “เรือใบสีฟ้า” อีกครั้ง หลังถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง และช่วยให้ทีมพลิกสถานการณ์บุกไปเอาชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แบบหวุดหวิด 3-2 ในเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ในเกมดังกล่าว แมนฯ ซิตี้ ตามหลัง นิวคาสเซิล 1-2 แต่หลังจาก เป็ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์ชาวสเปน ส่ง เดอ บรอยน์ ลงสนามในนาทีที่ 74 ดาวเตะวัย 32 ปี โชว์ฟอร์มซัดไป 1 ประตู และทำ 1 แอสซิสต์ ให้กับ ออสการ์ บ๊อบบ์ แข้งดาวรุ่งซัดประตูชัย

Kevin De Bruyne
Newcastle United v Manchester City - Premier League / James Gill - Danehouse/GettyImages

การกลับมาของ เดอ บรอยน์ หลังได้รับบาดเจ็บไปนานกว่า 5 เดือน ช่วยให้ แมนฯ ซิตี้ กลับมามีเกมรุกที่เฉียบขาดเช่นเดิม และยังทำให้ทีมของ กวาร์ดิโอล่า ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 2 ตามหลังจ่าฝูง ลิเวอร์พูล เหลือเพียงแค่ 2 คะแนน เท่านั้น

มิกาห์ ริชาร์ดส์ อดีตกองหลัง แมนฯ ซิตี้ กล่าวว่า “มันไม่ใช่แค่เกี่ยวกับผลการแข่งขันนี้เท่านั้น แต่การกลับมาของ เดอ บรอยน์ ยังมีผลกระทบที่อาจมีต่อฤดูกาลที่เหลือของ แมนฯ ซิตี้ คุณคงเห็นได้ว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่าและนักเตะของเขามีคิดว่าชัยชนะมีความหมายมากเพียงใดจากท่าทางที่เฉลิมฉลองในตอนท้ายของเกม”

“ตลอดทั้งฤดูกาล มีผู้คนตั้งคำถามถึงสภาพจิตใจของพวกเขา ถามว่าพวกเขายังคงเป็นทีมเดิมที่คว้าแชมป์ทริปเปิ้ลเมื่อฤดูกาลที่แล้วหรือไม่ และพูดคุยเกี่ยวกับว่าพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ลีกได้ 4 สมัยติดต่อกันหรือไม่ เพราะไม่เคยมีทีมใดทำได้มาก่อน”

“มีหลายครั้งที่พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับที่เราทุกคนคาดหวัง แต่เกมนี้เหมือนกับที่พวกเขาพูดกับทุกคนว่า เราอยู่ที่นี่ และเรากำลังต่อสู้จนถึงที่สุด เมื่อคุณได้คนที่มีคุณภาพอย่าง เดอ บรอยน์ กลับมาจากอาการบาดเจ็บ มันไม่ใช่แค่กรณีที่เขาเป็นอัจฉริยะเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่เขาทำเพื่อคนอื่นที่เหลือในทีมด้วย"

“เขาช่วยให้คนอื่นๆ ผลงานไดเดีขึ้น และผมคิดว่า แมนฯ ซิตี้ จะรู้สึกว่าไม่มีใครหยุดยั้งดี้กแล้วในตอนนี้ พวกเขามักจะรู้สึกว่าพวกเขาสามารถเอาชนะใครก็ได้อยู่แล้ว แต่การมีผู้เล่นอย่าง เดอ บรอยน์ ทำให้พวกเขามีความมั่นใจมากขึ้น”

Kevin De Bruyne
Newcastle United v Manchester City - Premier League / Robbie Jay Barratt - AMA/GettyImages

เดอ บรอยน์ เล่นได้เพียง 23 นาที ในเกมนัดแรกของฤดูกาลที่ แมนฯ ซิตี้ เอาชนะ เบิร์นลีย์ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ก่อนจะโดนเปลี่ยนตัวออกหลังจากได้รับบาดเจ็บเอ็นร้อยหวาย แต่ตอนนี้ เจ้าตัวกลับมาแล้วพร้อมการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนบอล

ริชาร์ดส์ กล่าวต่อว่า “มันช่างยอดเยี่ยมมากๆ เดอ บรอยน์ ไม่เพียงแค่กลับมา แต่เขากลับมาอย่างสุดยอด ก่อนเกมนี้ นิวคาสเซิ่ล มีสถิติการป้องกันในบ้านที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก โดยเสียไปเพียง 7 ประตูจาก 10 เกม ดังนั้นผลงานที่เขาทำนั้นน่าทึ่งมาก”

“เราพูดถึงผู้เล่นมากมายที่เป็นระดับโลก แต่ เควิน แตกต่างออกไป มันเป็นวิธีที่เขาอ่านเกม และอ่านสถานการณ์ ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินว่า ตัวเองต้องทำอะไร และเขาก็ทำมันได้อย่างถูกต้องตลอดเวลา มีผู้เล่นที่มีความสามารถมากมายใน พรีเมียร์ลีก แต่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถมีผลกระทบต่อเกมเหมือนที่เขาทำ”

“ตอนที่เขาอยู่บนม้านั่งสำรอง เขากำลังดูว่า ส่วนไหนของเกมที่เขาสามารถสร้างความแตกต่างได้เมื่อเขาลงสนาม เรารู้ว่าเขามีคุณภาพ และเขาก็มีความตั้งใจที่จะทำให้มันสำเร็จด้วย ซึ่งเขาพูดถึงในการสัมภาษณ์หลังเกม ว่า เกมนี้จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เพราะ นิวคาสเซิ่ล ตั้งรับได้ค่อนข้างดีในตอนนั้น”

“เขาเป็นนักเตะอัจฉริยะที่ต้องการเวลาเพียงไม่กี่นาทีเพื่อพลิกสถานการณ์ และผมก็เชียร์ ออสการ์ บ็อบบ์เหมือนกัน ที่ทำประตูแรกใน พรีเมียร์ลีก ในช่วงเวลาแบบนั้น มันเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียนักเตะอย่าง โคล พาลเมอร์ ที่มาจากระบบเยาวชน แต่การตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับเขาคือ การลงสนาม นั่นคือเหตุผลที่เขาไป เชลซี”

“แต่ผมประทับใจ บ็อบบ์ มาระยะหนึ่งแล้ว และเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นนักเตะอายุน้อยอีกคนเข้ามาสร้างความแตกต่างในเกมใหญ่แบบนี้” ริชาร์ดส์ กล่าวทิ้งท้าย