เมื่อ พรีเมียร์ลีก 2022/23 เดินทางมาถึงเดือนสุดท้าย อะไรเป็นอะไร แนวโน้มเป็นแบบไหน และความเป็นไปได้ต่าง ๆ - FEATURE
แล้วในที่สุด การโรมรันนานนับปีของ พรีเมียร์ลีก 2022/23 ก็เดินทางมาถึง พฤษภาคม อันเป็นเดือนสุดท้าย เดือนที่ทุกอย่างจะมาถึงตอนจบ เมื่อแต่ละทีมเหลือคิวเตะอยู่เพียง 5-6 เกมเพียงเท่านั้น โอกาสนี้ ไปดูกันชัดๆ อีกสักทีว่าอะไรเป็นอะไร แนวโน้มของบทสรุปซีซั่น จะเป็นแบบไหนอย่างไรกันบ้าง...
ตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก ขณะเข้าเดือนพฤษภาคม
อัพเดตตารางคะแนนล่าสุด จะพบว่าแต่ละทีมลงสนามไปไม่เท่ากัน น้อยสุดคือ ไบรท์ตัน เล่นไปแค่ 31 ส่วนสูงสุดมีหลายๆ ทีมลงแล้ว 34 เกม
กลางสัปดาห์นี้ ก็จะเป็นคิวตกค้างของหลายๆ เจ้า ซึ่งแต่ละคืนล้วนแต่เป็นเกมที่ควรค่าแก่การถ่างตาดูยามดึกทั้งสิ้น
อังคาร 2 : อาร์เซน่อล v เชลซี
พุธ 3 : ลิเวอร์พูล v ฟูแล่ม, แมนฯ ซิตี้ v เวสต์แฮม
พฤหัสบดี 4 : ไบรท์ตัน v แมนฯ ยูไนเต็ด
แต่ก่อนที่จะมีความเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม ไปดูกันหน่อยถึง ตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก ขณะเข้าเดือน พ.ค. เดือนสุดท้ายของการโรมรันประชันแข้งแห่งฤดูกาล 2022/23
อันดับ | แข่ง | แต้ม |
---|---|---|
1. แมนฯ ซิตี้ | 32 | 76 |
2. อาร์เซน่อล | 33 | 75 |
3. นิวคาสเซิ่ล | 33 | 65 |
4. แมนยู | 32 | 63 |
5. ลิเวอร์พูล | 33 | 56 |
6. สเปอร์ส | 34 | 54 |
7. แอสตัน วิลล่า | 34 | 54 |
8. ไบรท์ตัน | 31 | 52 |
9. เบรนท์ฟอร์ด | 34 | 50 |
10. ฟูแล่ม | 33 | 45 |
11. พาเลซ | 34 | 40 |
12. เชลซี | 32 | 39 |
13. บอร์นมัธ | 34 | 39 |
14. วูล์ฟส์ | 34 | 37 |
15. เวสต์แฮม | 33 | 34 |
16. ลีดส์ | 34 | 30 |
17. ฟอเรสต์ | 34 | 30 |
18. เลสเตอร์ | 33 | 29 |
19. เอฟเวอร์ตัน | 33 | 28 |
20. เซาแธมป์ตัน | 34 | 24 |
แชมป์ : แมนฯ ซิตี้ ถือไพ่ได้เปรียบ
ปรับเปลี่ยนอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ว่าตำแหน่งจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ได้กลายเป็นของผู้จัดเจนอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ใช่ อาร์เซน่อล ที่ยึดเก้าอี้มาตั้งแต่เดือนแรกของซีซั่น
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกนัก เมื่อฟอร์มของสองทีมลุ้นแชมป์สวนทางกันอย่างมีนัยสำคัญตลอดช่วงหลัง
จากที่ชนะ 7 เกมรวดในเดือน ก.พ. - มี.ค. ปรากฏว่า 4 เกมหลังของ อาร์เซน่อล นั้น...
- เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2
เสมอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-2
เสมอ เซาแธมป์ตัน 3-3
แพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-4
เวลาเดียวกัน แมนฯ ซิตี้ ก็เข้าเบรคชนะยิงยาวอย่างน่าเกลียด -- ชนะมา 8 นัดติดต่อกัน และชนะ 10 จาก 11 เกมหลัง พร้อมกับที่ไม่แพ้ใครมาตั้งแต่พ่าย สเปอร์ส 0-1 ที่เล้าไก่ 5 ก.พ.
นั่นหมายถึงว่า แมนฯ ซิตี้ ไม่ต้องมองลงต่ำอีกแล้ว ถ้าชนะโปรแกรมที่เหลือ 6 เกมสุดท้าย (หรืออาจจะแค่ 4-5 ก็เพียงพอ) แชมป์ 3 ปีซ้อนจะเป็นของพวกเขา
และดูทิศทางแล้ว ก็มีโอกาสเป็นไปได้เสียด้วย เมื่อคิวที่รออยู่ก็ใช่ว่าจะยากเย็นเข็ญใจอะไรมากมาย
- เหย้า เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
เหย้า ลีดส์ ยูไนเต็ด
เยือน เอฟเวอร์ตัน
เหย้า เชลซี
เยือน ไบรท์ตัน & โฮฟ อัลเบี้ยน
เยือน เบรนท์ฟอร์ด
ดีไม่ดี หากว่า อาร์เซน่อล ดันไปสะดุดเกมตัวเองซ้ำอีก แชมป์จะไม่ต้องดูถึงเกมสุดท้ายเอาได้
โควต้า ชปล. : เริ่มลุ้นลำบาก
ที่จริง ลิเวอร์พูล ก็ดูคืนฟอร์มร้อนแรงแล้ว แม้อาจติดวงเล็บอยู่สักนิดว่า (หลังบ้านก็ยังรั่วอยู่นะ) ก็ตาม
เด็กๆ ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ขยับฟอร์มจากที่เกือบจะแซงชนะ อาร์เซน่อล (2-2) มาเป็นเข้าวิน 4 เกมติดต่อกัน
- ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 6-1
ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 3-2
ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-1
ชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 4-3
เวลาเดียวกัน ทั้ง แอสตัน วิลล่า ยุค อูไน เอเมรี่ และ ไบรท์ตัน ของ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ก็แรงขึ้นมาอย่างน่าประทับใจ -- สิงห์ผงาดชนะ 8 จาก 11 เกมหลัง ส่วนทางเจ้านกนางนวลแม้ยังมีแพ้สลับๆ แต่ก็ชนะสลับอยู่ตลอดเช่นกัน
กระนั้น ปัญหาของการแย่งชิง ตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เหลืออยู่ 2 โควต้า และมี 5-6 ทีมมีเอี่ยวนั้น เจ้าของพื้นที่อย่าง นิวคาสเซิ่ล & แมนฯ ยูไนเต็ด ช่วงหลังมานี้ก็ดัน "ไม่หล่นจากมาตรฐาน" ไปแต่ประการใด
นิวคาสเซิ่ล : ชนะ 8 จาก 9 เกมหลัง
แมนฯ ยูไนเต็ด : 5 นัดหลัง เก็บได้ 13 จาก 15 คะแนนเต็ม
เมื่อต่างฝ่ายต่างก็ทำได้ดี มันจึงเริ่มๆ จะกลายเป็น "การต่อสู้ของ นิวคาสเซิ่ล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ว่าใครจะจบที่ 3 ใครจะเข้าที่ 4" มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
เอาเป็นว่าจับตาดูโซนนี้กันต่อไปอีกนิด ถ้าทั้ง นิวคาสเซิ่ล & แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ยอมเตะหลุดบ้าง ก็เป็นอันบ๊ายบายสำหรับ ลิเวอร์พูล, สเปอร์ส หรือใครก็ตามที่มองท็อป 4 อยู่
กลางตาราง : ปีนี้น่าจับตา
พิเศษใส่ไข่สำหรับซีซั่นนี้ ว่าการทำอันดับที่กลางตาราง แม้จะไม่มีรางวัลตอบแทนอะไรใดๆ เหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมมาก็คือว่า เชลซี จะจบซีซั่นลงที่ตรงไหนแน่
อย่างที่ว่าไว้วานนี้ ว่าแม้จะอยู่ กลางตาราง แต่ทิศทางลมก็เริ่มน่าหวั่นวิตกมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่าการกลับมาของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จะพา เชลซี อัปปางลงแค่ผิวๆ น้ำ หรือจมลงลึกสู่ใต้ท้องทะเล
เพราะหลังจากที่ตัวเองเตะหลุด ไม่ชนะใครมา 7-8 เกมซ้อน บรรดาทีมที่อยู่ล่างลงไปต่างก็ค่อยๆ เร่งฟอร์มขึ้นมาในคราวเดียวกัน จนตอนนี้ เชลซี ถอยลงไปอยู่ที่ 12 แล้ว แต้มเหลือนำหน้าโซนตกชั้นแค่ 10 คะแนน ซึ่งถ้ายังฟุบต่อเนื่องไปจนสุดทาง...
15-16-17 หรือกระทั่ง 18 ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย
ตกชั้น : 6-7 ทีม ต้องหนีตาย
ด้วยสถานการณ์ฟุบไม่ยอมฟื้นที่ เชลซี เป็น การจะนับว่าพวกเขาคือหนึ่งในทีม "หนีตาย" ก็อาจไม่ใช่เรื่องเกินจริง -- แม้ตอนนี้จะยืนที่ 12 ก็ตาม
แต่อย่างไรก็ตาม ก็คงต้องโฟกัสไปยังทีมที่ ณ ตอนนี้ ใกล้เคียงกับการตกชั้นมากกว่า
นาทีนี้ ชัดขึ้นอีกสเต็ปว่า เซาแธมป์ตัน ไม่น่ารอด...
เพราะหลังจากฮึดชนะทั้ง เชลซี และ เลสเตอร์ (1-0 ทั้งสองนัด) ในช่วงเดือน ก.พ. - มี.ค. แล้ว ปรากฏว่าหลังจากนั้นอีก 9 นัด นักบุญแดนใต้สามารถเก็บเพิ่มได้อีกแค่ 3 คะแนน -- เสมอ 3 แพ้ 6
ฮึดไม่ขึ้นแบบนี้ เซาแธมป์ตัน จึงอมบ๊วยแก้มตุ่ย ตามหลังโซนปลอดภัยอันดับ 17 ฟอเรสต์ อยู่ที่ 6 คะแนนแล้ว
ส่วนขยับขึ้นมา ตั้งแต่ 15 เวสต์แฮม, 16 ลีดส์, 17 ฟอเรสต์ และ 18 เลสเตอร์ กับ 19 เอฟเวอร์ตัน ล้วนแต่ต้องสู้สุดชีวิต ใส่สุดเท่าที่แรงตัวเองจะพอมี สำหรับคิวที่ยังเหลืออีกสี่ซ้าห้านัดท้าย
และใครจะตาม เซาแธมป์ตัน ตกตายไปนั้น มีโอกาสเลยว่าต้องดูกันตลอดทั้งเดือน หรือจนกระทั่งเสียงนกหวีดสุดท้ายจะดังขึ้น
ดาวซัลโว : จบนานแล้วจ้า
ปิดท้ายด้วยเรื่องของการแย่งชิงดาวซัลโว ซึ่งน่าสนใจว่า ร้านพูลอังกฤษบางเจ้าก็ยังอุตส่าห์จะเปิดราคาล่อแมงเม่าเอาไว้...ในเรต 1/1000 ว่า เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ จะเข้าป้ายครองรองเท้าทองคำ
1/1000 หมายถึงว่า คุณต้องลงเงินแบงค์สีเทา 1 ใบเพื่อรับกำไร 1 บาทถ้วน -- หรือถ้ามีทุนลงสัก 1 ล้าน ก็รับกำไรไปแบบใช้ไม่หมด... หนึ่งพัน!
เพราะมันขาดจนขาดวิ่น ขาดจนรุ่งริ่ง ขาดจนมองไม่เห็นกันตั้งนานแล้ว ระหว่าง ฮาแลนด์ กับใครก็ตามที่ตามหลังมา
อันดับดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก ล่าสุด
ประตู | นักเตะ |
---|---|
34 | ฮาแลนด์ (แมนฯ ซิตี้) |
25 | เคน (สเปอร์ส) |
20 | โทนี่ย์ (เบรนท์ฟอร์ด) |
17 | ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล) |
16 | แรชฟอร์ด (แมนยู) |
15 | มาร์ติเนลลี่ (อาร์เซน่อล), วิลสัน (นิวคาสเซิ่ล) |
ก็นอกเสียจากว่า เคน จะลงเล่นด้วยร่างซูเปอร์ไซย่าในทุกเกมที่เหลือ ซัดเกมละ 2-3 ลูกไปจนจบ อย่างไรเสีย ฮาแลนด์ ก็จะผงาดบัลลังก์ในแง่นี้อย่างแน่นอน และที่สำคัญคือ ดาวยิงนอร์วีเจี้ยนวัย 22 ก้าวข้ามสถิติ 32 ลูกของ โม ซาลาห์ (2017/18) ไปเรียบร้อย เช่นเดียวกับยิงเทียบเท่าสถิติตลอดกาล 34 ลูกของ แอนดี้ โคล (1993/94) และ อลัน เชียเรอร์ (1994/ 95)ยุคสมัยที่ลีกยังเล่นกันซีซั่นละ 42 เกม แล้วด้วย
ซึ่งก็ไม่ต้องสงสัย ขอเพิ่มอีกแค่ลูกเดียวจาก 6 เกมที่ยังเหลือเพื่อแซงหน้าทั้ง โคล-เชียเรอร์ ยังไง ฮาแลนด์ ก็จัดให้ได้อยู่แล้ว เผลอๆ จะพุธนี้ที่เจอ เวสต์แฮม ทันทีเลย
นั่นหมายถึงนอกจากคว้าดาวซัลโวแน่ๆ แล้ว ฮาแลนด์ ก็ยังจะเป็นเจ้าสถิติ พังประตูสูงสุดของ พรีเมียร์ลีก ใน 1 ซีซั่นด้วยเช่นกัน
ต้องย้ำอีกไหมว่านี่คือ "ปีแรก" ที่จอมปีศาจคนนี้ย้ายมาเล่นในอังกฤษ!