อาถรรพ์หรือฉันไม่ดีพอ? เปิดผลงาน ลิเวอร์พูล ในชุดเยือนสีขาว...ที่ยังชนะใครไม่เป็น - FEATURE
ด้วยไอเดียที่ดีและที่จริงก็ดูเข้าท่าเข้าที สวยแปลกตาแตกต่างไปจากชุดอื่น ไนกี้ ร่วมกับ ลิเวอร์พูล เปิดตัวชุดเยือนประจำฤดูกาล 2022/23 ออกมาในช่วงซัมเมอร์ เป็นชุดขาวล้วน เล่นลวดลายสีฟ้าๆ ม่วงๆ ตลอดบอดี้ ด้วยแรงบันดาลใจจากความน่าตื่นตาตื่นใจทางอุตสาหกรรม "ดนตรี" ยุค 90 ของเมือง ลิเวอร์พูล
ลวดลายสวยแปลกชวนสับสนนั่น ยังเพิ่มเติมด้วยการใช้สีดำเข้ามาช่วยในหลายตำแหน่ง ซึ่งช่วยขับให้ชุดเยือนตัวนี้สมบูรณ์ขึ้นอีก โดยแม้จะไม่มีรายงานถึงยอดขาย แต่ก็พอเดาออกได้ว่า "ขายดี" ไม่ต่างไปจากชุดเยือนอื่นๆ คอลเล็กชั่นก่อนๆ
อย่างไรก็ตาม คืนผ่านวันผัน จากเสื้อสวยๆ ในตอนเปิดตัว มาวันนี้ มันชักจะถูกเหล่มองในฐานะ "กาลกิณี" เสื้ออาถรรพ์ที่ไม่น่าข้องแวะ มากขึ้นทุกที
เพราะไม่มีทาง -- ไม่มีทางเลยที่ใครจะคาดคิดไว้
ว่าจนตอนนี้ 5 เกมที่ ลิเวอร์พูล สวมชุดขาวตัวนี้ลงสนาม กลับเอาชนะใครไม่เป็นเลยสักนัด!
พรีเมียร์ลีก 22 ส.ค. 2022
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล
ความหนืดเนือยของทีมชุด 2022/23 ที่จริงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนออกสตาร์ทฤดูกาลแล้ว กับผลเสมอใน 2 เกมแรก (2-2 ฟูแล่ม, 1-1 คริสตัล พาเลซ) และเด็กๆ ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ต้องออกไปเยือน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เจอของแข็งอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างรวดเร็วตั้งแต่นัดที่ 3 (หลังจากปรีซีซั่นที่ราชมังฯ หงส์ก็แพ้มาแล้ว 0-4) ด้วยสภาพขุมกำลังติดปัญหา ขาดนักเตะเจ็บ 7 คน บวกกับ ดาร์วิน นูนเยซ ที่ติดโทษแบนเสียอีกหลังโดนใบแดงเกมเสมอ พาเลซ
การขาดแข้งเดี้ยงไปเยอะ ทำให้ไลน์อัพ 11 ตัวจริงในวันนั้น มีทั้ง เจมส์ มิลเนอร์, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, โจ โกเมซ และ บ๊อบบี้ ฟีร์มิโน่ ขณะที่สำรอง 9 คนเป็นเด็กเยาวชนจากอะคาเดมี่ซะ 4-5 ราย
เมื่อตัวไม่พร้อม ลิเวอร์พูล จึงไปเยือนแบบเป็นรองชัด และในที่สุดก็แพ้ไปแบบไม่ค่อยมีลุ้นอะไรเท่าไหร่ (รวมถึงว่าก็พอเข้าใจได้สำหรับแฟนๆ) เจดอน ซานโช่ กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิง 2-0 ให้เจ้าถิ่น ก่อน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โหม่งตีไข่แตกสิบนาทีท้าย
พรีเมียร์ลีก 9 ต.ค. 2022
อาร์เซน่อล 3-2 ลิเวอร์พูล
หลังจากแพ้เกมแดงเดือดแล้ว ลิเวอร์พูล ตั้งสติกลับคืนมาได้ด้วยการเปิดแอนฟิลด์กระหน่ำยิง บอร์นมัธ 9-0 รวมถึงต่อมาก็ไร้พ่าย 4 เกมซ้อน (ในลีก) จนกระทั่งถึงคิวออกไปเยือน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ของทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล
คล็อปป์ เริ่มมีสภาพทีมดีขึ้นแล้วในช่วงนั้น จำนวนตัวเจ็บลดลงเหลือ 4-5 ราย ทำให้ทีมตัวจริงวันนั้นขาดแกนหลักแค่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ คล็อปป์ ลองใช้ระบบใหม่ 4-2-3-1 แบบที่วางกองหน้าลงพรวดเดียว 4 คน ซาลาห์ - ดีโอโก้ โชต้า - หลุยส์ ดิอาซ ยืนเป็นแผงรุกสนับสนุนหอกเป้า ดาร์วิน นูนเยซ
แต่ไม่น่าเชื่อว่าเพียง 58 วินาทีแรก ลิเวอร์พูล ก็โดนเจาะเม็ดแรกเสียแล้ว กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ทะลุเข้ายิงสวนตัว อลิสซอน เบ็คเกอร์ เข้าไป
จากนั้นเกมเป็นไปอย่างสนุก นูนเยซ ล้มตัวชาร์จ 1-1 หลังผ่านครึ่งชั่วโมง, บูกาโย่ ซาก้า เข้าฮอส 2-1 ทดเจ็บครึ่งแรก, ฟีร์มิโน่ ซัด 2-2 น.53 และสุดท้าย ประตูชัยตัดสินเกมก็เป็นของ อาร์เซน่อล ที่ ติอาโก้ อัลกันตาร่า โดนจับฟาวล์เสียจุดโทษ ก่อน ซาก้า สังหารไม่เหลือ น.76
พรีเมียร์ลีก 22 ต.ค. 2022
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-0 ลิเวอร์พูล
หลังจากแพ้ปืน ลิเวอร์พูล กลับไปเฝ้าถ้ำสองนัดและก็ชนะเกมศูนย์ได้ทั้งสอง โดยที่หนึ่งในนั้นเป็นฟอร์มระดับเทพอย่างการสยบแชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 (ซาลาห์ น.76)
แต่ครั้นออกมาเยือนอีกรอบ ใส่ชุดขาวอีกหน ก็เจ๊งอีกเหมือนเดิม
ที่ ซิตี้ กราวน์ด ของน้องใหม่ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ อันที่จริงทัพเจ้าป่าชนะได้แค่เกมเดียวถ้วนๆ (1-0 เวสต์แฮม) จากการเล่นในบ้าน 5 นัดก่อนถึงวันนั้น แถมเพิ่งมีแค่ 6 แต้มจาก 11 เกมแรก จมบ๊วยเป็นอันดับสุดท้ายของตาราง แต่ ลิเวอร์พูล ก็ยังกล้าๆ บุกไปมอบ 3 แต้มเต็มให้กับเจ้าถิ่น ด้วยการใช้โอกาสจบอย่างสิ้นเปลือง ได้ยิงทั้งหมด 15 ครั้ง ถ้าไม่วืดวาดหลุดกรอบก็ไม่ผ่านมือ ดีน เฮนเดอร์สัน
สุดท้าย เดอะ ค็อป ก็ต้องช็อกตาตั้งเมื่อ ไทโว่ โอโวนิยี่ ซัดเสยใต้คานเป็นประตูโทน น.55 นำชัยให้ ฟอเรสต์ 1-0 (เกือบเป็น 2-0 ด้วย เบรนแนน จอห์นสัน ยิงโล่งๆ ชนเสาตอนที่ อลิสซอน ดันขึ้นช่วงเกมรุกทดเจ็บ)
ปรากฏการณ์ "บ๊วยติดคอ" เริ่มต้นที่นี่ ที่แรก
พรีเมียร์ลีก 25 ก.พ. 2023
คริสตัล พาเลซ 0-0 ลิเวอร์พูล
ข้ามผ่านปีใหม่ 2023 ชุดขาวใส่ถูกปัดฝุ่นออกมาใช้อีกครั้ง ในทริปล่องใต้เยือน เซลเฮิร์สท์ พาร์ค ซึ่ง ลิเวอร์พูล มาด้วยความมั่นใจไม่น้อยกับการชนะทั้ง เอฟเวอร์ตัน กับ นิวคาสเซิ่ล ด้วยสกอร์เดียวกัน 2-0 ก่อนหน้านั้น
เพียงแต่ข้อแตกต่างก็คือ สองเกมชนะสวยๆ ที่ว่า หงส์ไม่ได้ใส่ชุดขาว!
ความที่เพิ่งผ่านเกมยุโรป (2-5 เรอัล มาดริด) มาหมาดๆ ทำให้ คล็อปป์ โรเตชั่นทีมพอตัวทั้งแดนกลางและข้างหน้า โดยใช้สมาชิกใหม่ โคดี้ กัคโป ค้ำหอกเป้า
กระนั้นตลอดเกมมีแต่จังหวะหวาดเสียว เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ใกล้เคียงสุดคือ ซาลาห์ ซัดกระแทกคานเข้าอย่างจัง ที่สุดแล้วแม้หลังบ้านหงส์ทำคลีนชีตได้ หน้าบ้านหงส์ก็ไม่ผลิตสกอร์ให้เหมือนกัน
พรีเมียร์ลีก 11 มี.ค. 2023
บอร์นมัธ 1-0 ลิเวอร์พูล
สดๆ ร้อนๆ กับเมื่อวันเสาร์ที่่ผ่านมา ซึ่งแม้จะเป็นเกมเยือน แต่ ลิเวอร์พูล ก็ดูเหนือกว่า บอร์นมัธ ในหลายมิติ
1) บอร์นมัธ จมบ๊วยของตาราง เตะ 25 นัดเพิ่งมี 21 แต้ม
2) ก่อนเกมนี้ บอร์นมัธ ไม่ชนะเกมเหย้ามา 5 นัดซ้อน (เสมอ 2 แพ้ 3)
3) ก่อนเกมนี้ บอร์นมัธ เล่นเกมเหย้าล่าสุด แพ้ แมนฯ ซิตี้ ขาดลอย 1-4
4) และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อนเกมนี้ ลิเวอร์พูล เพิ่งกะซวก แมนฯ ยูไนเต็ด มาด้วยสกอร์ประวัติการณ์ 7-0!
ทว่าหลังจากที่ลูกโขกของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ถูกขวางไว้คาบเส้น และ เนโต้ เซฟช่วยทีมเอาไว้ 2-3 หน ประตูที่เกิดขึ้นกลับเป็นของฝั่งเจ้าถิ่น ดันโก้ อ็อตตาร่า เอาชนะ ฟาน ไดค์ กระชากไปถึงสุดเส้นหลังแล้วตบมาให้ ฟิลิป บิลลิ่ง เข้าฮอสเหน่งๆ ให้ บอร์นมัธ ขยับ 1-0
ที่จริง ลิเวอร์พูล ก็ทำได้ดีพอสมควรแล้วกับความพยายามทวงประตูตีเจ๊า โดยเฉพาะเมื่อ โชต้า เรียกจุดโทษแฮนด์บอลได้ในนาที 68 อย่างไรก็ตาม มือสังหารอย่าง ซาลาห์ กลับแปด้วยซ้ายลอยหลุดกรอบไปอย่างไม่น่าเชื่อ
นี่คือการพลาดจุดโทษของดาวยิงอียิปต์ หนแรกในรอบร่วม 2 ปี หรือหลังจากที่ก่อนหน้านี้ การยิงเป้า 6 ครั้งของเขา เข้าประตูไปได้ทั้งหมด
เกมจบที่ชัยชนะ 1-0 ของ บอร์นมัธ ...บ๊วยติดคออีกรอบสำหรับ ลิเวอร์พูล
อาถรรพ์...หรือฉันไม่ดีพอ?!?
จนถึงตอนนี้ กลายเป็นว่า ลิเวอร์พูล สวมชุดเยือนสีขาวลงสนาม 5 นัด ไม่สามารถเอาชนะใครได้เลยทั้งสิ้น เป็นเสมอ 1 แพ้ 4 ยิงได้ 3 เสีย 7 ประตู
นี่คือบางคอมเมนต์ของแฟนๆ ในโลกโซเชียล ที่มีต่อชุดเยือนขาวสวยตัวนี้
"ยกเลิกชุดเยือนเสียตอนนี้ ได้โปรดเถอะ!"
"ใครเป็นต้นความคิดชุดขาวตัวนี้ ต้องโดนไล่ออก"
"จะเหลืองจะเขียวจะม่วง อะไรก็ได้ แต่ชุดขาวต้องถูกลบไปจากสโมสร ลิเวอร์พูล ตลอดไป!"
ท่านว่า เรื่องบังเอิญ หากเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซ้ำๆ มากๆ เข้า ก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกต่อไป
เพียงแต่จะถือว่า "ชุดขาว" เป็นอาถรรพ์ของ ลิเวอร์พูล ได้หรือไม่ ก็อาจพูดลำบาก
เพราะที่จริงแล้ว อาจต้องจี้ปมไปว่า "ผลงานเกมเยือน" ต่างหากที่เป็นจุดตายประการหนึ่งของ ลิเวอร์พูล ชุดนี้
- นี่คือผลงานเกมเยือน 10 นัดหลังสุดของ ลิเวอร์พูล
แพ้ แมนฯ ซิตี้ 2-3 (คาราบาว คัพ)
ชนะ แอสตัน วิลล่า 3-1 (พรีเมียร์ลีก)
แพ้ เบรนท์ฟอร์ด 1-3 (พรีเมียร์ลีก)
แพ้ ไบรท์ตัน 0-3 (พรีเมียร์ลีก)
ชนะ วูล์ฟส์ 1-0 (เอฟเอ คัพ)
แพ้ ไบรท์ตัน 1-2 (เอฟเอ คัพ)
แพ้ วูล์ฟส์ 0-3 (พรีเมียร์ลีก)
ชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-0 (พรีเมียร์ลีก)
เสมอ คริสตัล พาเลซ 0-0 (พรีเมียร์ลีก)
แพ้ บอร์นมัธ 0-1 (พรีเมียร์ลีก)
10 เกมเยือนหลังสุดในทุกถ้วย ลิเวอร์พูล ชนะแค่ 3 เสมอ 1 ที่เหลือแพ้ไปซะ 6
หรือถ้าจำกัดวงแคบมาเฉพาะพรีเมียร์ลีก ก็ยิ่งชัด เมื่อพวกเขาแพ้ไปถึง 4 จาก 6 นัดหลัง แบบที่มีช่วงแพ้ 3 นัดติดต่อกันด้วย
เพราะผลงานเกมเยือนไม่ดีเองต่างหาก จะใส่สีแดง, ขาว หรือเขียว ก็คงไม่ใช่ปัจจัย
แต่ที่สุดแล้ว หากจะมองกันอย่างขำขัน เป็นเรื่องเล่าเคล้าน้ำชา ก็อาจได้
ว่าบางที อาถรรพ์ทั้งหมดทั้งมวล มีจุดเริ่มต้นมาจาก "เกมแรกสุด" ที่พวกเขาใส่ชุดขาวลงสนามทันที หลังจากเปิดตัวเสื้อเยือนตัวนี้สู่สายตาชาวโลกได้ไม่กี่ชั่วโมง -- THE MATCH Bangkok Century Cup 2022 เกมประวัติศาสตร์ที่ "แดงเดือด" ยกขบวนกันมาโชว์ตัวที่ราชมังคลากีฬาสถาน และ แมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ถลุง หงส์ (ในชุด) ขาว ยับเยิน 4-0 แบบที่ครึ่งแรกก็ฉีกแล้ว 3
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ อาถรรพ์แห่งชุดขาวก็ตามหลอกตามหลอนเรื่อยมา
เช่นนี้ คล็อปป์ ก็อาจต้องลองถามกันดีๆ ในทีม ว่ามีใครเผลอฉี่รดศาลเพียงตาแถวราชมังฯ เข้าให้รึเปล่า?!?
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด