หมดยุค "โอลด์ แทรฟฟอร์ด รีสอร์ท&สปา" เปิดผลงานนัดเหย้าสุดเจ๋ง แมนยู ยุค เอริค เทน ฮาก - FEATURE

Manchester United v West Ham United - Premier League
Manchester United v West Ham United - Premier League / James Gill - Danehouse/GettyImages
facebooktwitterreddit

ไม่ต้องสงสัย ช่วงเวลาหลังจากที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือไปจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงสามารถตีความได้ว่าเป็น "ยุคมืด" ด้วยข้อเท็จจริงชัดแจ้งว่าพวกเขาไม่เคยกลับไปเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้อีกเลย หรือแม้กระทั่งว่า โชเซ่ มูรินโญ่ จะเข้ามาเข็นทีมไปถึงแชมป์บอลถ้วย 2 รายการ ก็ยังไม่สามารถทาบผลงานเก่ายุคก่อนได้อยู่ดี

ที่สำคัญ ในช่วง 2-3 ปีหลัง ยุคของทั้ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และ ราล์ฟ รังนิค ผลงานการเล่นเกมเหย้า ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้ถูกหยามหยันว่าเป็นดั่ง "รีสอร์ท&สปา" เปิดให้แขกไปใครมาได้ตักตวงแต้มตามใจชอบ -- 2020/21 (โซลชา) แพ้คาบ้านถึง 6 นัดในลีก หรือ 2021/22 (โซลชา/รังนิค) ก็พังคารังเป็นเรื่องปกติ แบบที่ตกรอบบอลถ้วยทั้ง คาราบาว คัพ, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยความพ่ายแพ้ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทั้งสิ้น

แต่ชัดเจนมากว่า ซีซั่นนี้ นาทีนี้ ยุคสมัยของ เอริค เทน ฮาก ปัญหานี้ได้ถูกสะสางแล้ว

มันอาจต้องใช้เวลาปรับจูนกันหน่อยในช่วงแรก อย่างนัดเปิดสนามพรีเมียร์ลีก 2022/23 ที่แพ้ ไบรท์ตัน คาบ้าน 1-2 เช่นกันกับเกมเปิดหัวรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ที่ก็แพ้ เรอัล โซเซียดัด 0-1

แต่ก็ต้องใช้คำว่า "เชื่อหรือไม่" มานิยาม ว่าหลังจาก 2 แมตช์ที่ว่านั่นแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่พลาดท่าเสียทีให้ใครในรังอีกเลย จนวันนี้ รวมนัดล่าสุดเมื่อคืน ที่พลิกกระดานจากตามหลัง เวสต์แฮม มาเอาชนะในท้ายที่สุด 3-1 ลิ่วเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย เอฟเอ คัพ ได้ไม่พลาด

จากแมตช์สู่แมตช์ จากเดือนสู่หลายเดือน จากปีก่อนสู่ปีนี้ ไม่มีอีกแล้วคำว่า รีสอร์ท&สปา และนี่คือผลงานนัดเหย้าสุดเจ๋งของปีศาจแดง ยุค เอริค เทน ฮาก

Erik ten Hag
Manchester United v Newcastle United - Carabao Cup Final / James Gill - Danehouse/GettyImages

ตุลาคม 2022
13/10/22 ชนะ โอโมเนีย นิโคเซีย 1-0 (ยูโรปา ลีก)
16/10/22 เสมอ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 0-0 (พรีเมียร์ลีก)
19/10/22 ชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 2-0 (พรีเมียร์ลีก)
27/10/22 ชนะ เชริฟฟ์ ติราสโปล 3-0 (ยูโรปา ลีก)
30/10/22 ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 (พรีเมียร์ลีก)

พฤศจิกายน-ธันวาคม 2022
10/11/22 ชนะ แอสตัน วิลล่า 4-2 (คาราบาว คัพ)
21/12/22 ชนะ เบิร์นลี่ย์ 2-0 (คาราบาว คัพ)
27/12/22 ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 3-0 (พรีเมียร์ลีก)

มกราคม 2023

03/01/23 ชนะ บอร์นมัธ 3-0 (พรีเมียร์ลีก)

06/01/23 ชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-1 (เอฟเอ คัพ)

10/01/23 ชนะ ชาร์ลตัน แอธเลติก 3-0 (คาราบาว คัพ)

14/01/23 ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 (พรีเมียร์ลีก)

28/01/23 ชนะ เร้ดดิ้ง 3-1 (เอฟเอ คัพ)

กุมภาพันธ์-มีนาคม 2023

01/02/23 ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-0 (คาราบาว คัพ)

04/02/23 ชนะ คริสตัล พาเลซ 2-1 (พรีเมียร์ลีก)

08/02/23 เสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 2-2 (พรีเมียร์ลีก)

19/02/23 ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 3-0 (พรีเมียร์ลีก)

23/02/23 ชนะ บาร์เซโลน่า 2-1 (ยูโรปา ลีก)

01/03/23 ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-1 (เอฟเอ คัพ)

19 นัดล่าสุดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงเล่นใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่ปรากฏความพ่ายแพ้ให้เห็นแม้แต่เกมเดียว และหากจะจำแนกสถิติจากเกมเหย้า 19 นัดนี้ให้ชัดขึ้นไปอีก จะประกอบด้วย

- ชนะ 17 เสมอ 2

- ยิงรวม 44 ประตู เสียไปแค่ 10 ลูก

- ยิงรวม 44 ลูก ยังหมายถึงค่าเฉลี่ยยิงได้ 2.3 ประตู ต่อเกม

- 44 ลูกที่ทำได้ มีจุดโทษแค่ 2 ครั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ บรูโน่ แฟร์นันเดส เป็นผู้สังหาร

- เสียไปแค่ 10 ประตู และทำคลีนชีตได้ถึง 11 นัด

- ตลอดเดือนตุลาคม 2022 แมนยู ลงเล่นในบ้าน 5 นัด ไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว

- มีเพียงนัดเดียวที่ยิงไม่ได้ คือเกมเสมอ นิวคาสเซิ่ล 0-0

- มีถึง 9 เกมที่ยิงคู่แข่ง 3 ประตูขึ้นไป

- มีเพียง แอสตัน วิลล่า กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่บุกมายิงผีแดงได้ 2 ลูก

- มี 9 นัดที่ยิงประตูได้ภายในช่วง 10 นาทีสุดท้าย รวมทดเจ็บ

- ยิงในนาทีสุดท้ายและทดเจ็บได้ 7 ประตู

- เวลาเดียวกัน ไม่มีนัดไหนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เสียประตูช่วง 10 นาทีสุดท้ายหรือทดเจ็บเลย

- พลิกสถานการณ์จากที่ตามหลัง มาเอาชนะหรือเสมอได้ 5 เกม ประกอบด้วย

ตามหลัง แอสตัน วิลล่า 1-2 แซงชนะ 4-2

ตามหลัง แมนฯ ซิตี้ 0-1 แซงชนะ 2-1

ตามหลัง ลีดส์ 0-2 ตีเสมอ 2-2

ตามหลัง บาร์เซโลน่า 0-1 แซงชนะ 2-1

ตามหลัง เวสต์แฮม 0-1 แซงชนะ 3-1

- มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงกระจาย 14 ประตู

- เฟร็ด ยิงได้ถึง 6 ประตู ซึ่งเป็นทั้งหมดที่ทำได้ในซีซั่นนี้

- บรูโน่ แฟร์นันเดส ยิง 4 ประตู

- กาเซมิโร่ ยิง 3 ประตู (และมี 1 ใบแดง)

- สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ยิง 2 ประตู เป็นลูกยิงนาทีบาปทั้งคู่ 90+3 เกมชนะ โอโมเนีย นิโคเซีย และ 90+1 เกมชนะ แอสตัน วิลล่า 4-2

- คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิง 1 ประตู เกมชนะ เชริฟฟ์ 3-0 นับเป็นประตูสุดท้ายที่ทำได้ในการเล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด

Marcus Rashford
Manchester United v Newcastle United - Carabao Cup Final / James Gill - Danehouse/GettyImages

- ถ้านับเฉพาะผลงานใน พรีเมียร์ลีก รายการเดียว ถัดจากที่แพ้ ไบรท์ตัน 1-2 นัดเปิดซีซั่นเมื่อ 7 ส.ค. แล้ว จะได้เป็นระยะไร้พ่าย 11 นัด โดยเป็นชนะ 9 เสมอ 2

- ทั้ง 12 นัด ยิงรวม 24 ประตู เสีย 8

- 12 นัดเหย้า ทำได้ 29 คะแนน เทียบเท่ากับ อาร์เซน่อล โดยมีเพียง แมนฯ ซิตี้ ทีมเดียวที่ทำได้ดีกว่า เก็บไป 31 คะแนน

- แต่การเสียแค่ 8 ประตู คือจำนวนเสียน้อยที่สุดในลีก เทียบเท่า นิวคาสเซิ่ล และ เชลซี ในขณะที่ แมนฯ ซิตี้ (13) และ อาร์เซน่อล (14) เสียประตูในบ้านมากกว่าเยอะ

- และนี่คือผลงานการเปิด โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด พบกับทีมใหญ่ในซีซั่นนี้

ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1

ชนะ อาร์เซน่อล 3-1

ชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 2-0

ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1

ชนะ บาร์เซโลน่า 2-1

ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา ล้วนแต่ตีความได้อย่างเดียวว่า "ปรากฏการณ์" แบบที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานหลายปีดีดัก

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อฟุตบอลไม่ได้มีด้านเดียว การที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะประสบความสำเร็จจริงๆ ก็ไม่อาจพึ่งพาผลงานเกมเหย้าอย่างเดียวได้

เพราะ "นัดเยือน" ก็สำคัญมากไม่แพ้กัน

ซึ่งก็น่าสนใจขึ้นอีกตรงที่ว่า ดูเหมือน แมนฯ ยูไนเต็ด จะไม่ได้แกร่งนักเมื่อออกนอกบ้าน เป็นอะไรที่ต่างกันชัดดั่งแสงและเงา โดยพบว่า 10 นัดเยือนหลังสุดทุกรายการ แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถเอาชนะได้แค่ 5 นัดเท่านั้น ที่เหลือเสมอ 3 และหลุดแพ้ 2 รวมถึงว่าก็แพ้ไปแล้ว 4 นัดจากเกมเยือน 12 แมตช์ในพรีเมียร์ลีก

สำคัญสุดคือวันอาทิตย์นี้ พวกเขาจะต้องออกไปเล่นเกมเยือนสุดสำคัญอีกนัด

บุก แอนฟิลด์ ฟาดฟันศัตรูที่รัก ลิเวอร์พูล

หากว่ายังคงออกรูปเดิม -- แข็งในรัง อ่อนนอกบ้าน ก็อาจเสร็จหงส์เขาได้ง่ายๆ

และความน่าเกรงขามในรัง ก็อาจไม่ได้มีประโยชน์อย่างที่ควรจะเป็น