ก้าวเดียวถึงแชมป์ทวีป : เมื่อ "สิงโตน้อย" อังกฤษ กรุยทางเข้าชิงแชมป์ ยูโร ยู-21 กับ สเปน - FEATURE
• รอบตัดเชือกสาดแข้งกันไปเมื่อคืนพุธ ม้ามืดอย่าง ยูเครน และ อิสราเอล ไปไม่รอด
• อังกฤษ เข้าชิงถ้วยสถิติน่าเกรงขาม แต่ก็หนักแน่ด้วยการต้องเจอ "เจ้าแห่งยูโรรุ่นเล็ก" อย่าง สเปน
ลงเตะกันอย่างค่อนข้างเงียบเชียบไร้กระแสสำหรับบ้านเรา แต่ก็เป็นที่ฮือฮาไม่น้อยในฝั่งอังกฤษ เมื่อทัพ "สิงโตน้อย" สามารถกรุยทางเข้าชิงชนะเลิศ ยูโร ยู-21 ได้เป็นที่เรียบร้อย
กระนั้น ฝันที่จะเป็นแชมป์หนแรกในรอบ 39 ปี ก็ถือว่าไม่ง่าย เมื่อคู่ชิงแชมป์ของพวกเขาคือ "เต้ย" ประจำถ้วยนี้ อย่าง สเปน ที่ฟาดโทรฟี่มาถึง 5 รอบก่อนหน้านี้
ลองไปดูกันว่า ยูโร ยู-21 งวดนี้ที่ โรมาเนีย/จอร์เจีย เกิดอะไรขึ้นไปบ้างแล้ว...
ศึกชิงแชมป์ยุโรป รุ่นเล็ก
ก่อนจะมาถึงศึกชิงแชมป์ยุโรป รุ่นเล็ก ประจำปีนี้ที่ โรมาเนีย/จอร์เจีย (เจ้าภาพร่วม) "ยูโร ยู-21" สาดแข้งกันมายาวนานถึง 24 ทัวร์นาเมนต์แล้ว หรือเริ่มตั้งแต่ 1978 โน่นเลย โดยเป็นการปรับลดอายุ จากที่เดิมเป็นถ้วยของระดับ ยู-23 ด้วย
ยูโร ยู-21 จะสอยกันในทุก 2 ปี ต่างไปจากรุ่นใหญ่ที่ใช้กรอบเวลาเดียวกันกับฟุตบอลโลก
ทัวร์นาเมนต์นี้ที่เริ่มซัดกัน พุธ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีทีมเข้าร่วมรอบสุดท้าย 16 ชาติ เยอรมนี มาในฐานะแชมป์เก่า ฟาก สเปน กับ อิตาลี เป็นแชมป์สูงสุด 5 สมัย
ส่วน โรมาเนีย กับ จอร์เจีย อย่าว่าแต่แชมป์ แค่เข้ารอบสุดท้ายก็นานๆ ครั้งแล้ว (จอร์เจีย ประเดิมเจ้าภาพครั้งนี้ ด้าน โรมาเนีย เคยเป็นเจ้าภาพในปี 1998) โดยคราวนี้ เป็นเจ้าร่วมแบบแบ่งสรรปันส่วนแมตช์กันไปดูแล เช่นนัดเปิดสนามลงที่ โรมาเนีย ส่วนนัดชิงชนะเลิศจะจัดที่ จอร์เจีย
สำหรับ เยอรมนี ผลงานโหดทีเดียวในรายการนี้ เมื่อตลอด 3 หนหลังล้วนแต่ลุยไปถึงนัดชิงชนะเลิศ
- 2017 ชนะ สเปน 1-0 เป็นแชมป์
2019 แพ้ สเปน 1-2 จบรองแชมป์
2021 ชนะ โปรตุเกส 1-0 เป็นแชมป์สมัย 3
แน่นอนว่านี่คือทัวร์นาเมนต์ "ปั้นเด็ก" ซึ่งซูเปอร์สตาร์ฝั่งยุโรปหลายรายมากๆ ก็ล้วนแต่ผ่านเวทีนี้มาแล้ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดาวรุ่งเจ้าของรางวัลแข้งยอดเยี่ยมประจำรายการ Golden Player award ในแต่ละปี ต่างก็โตไปเป็น "ดาวโรจน์" ทั้งสิ้น
เอาตัวอย่างไปพอขำๆ สัก 12 ทัวร์นาเมนต์ 12 รางวัล
- 2000 อันเดรีย ปีร์โล่ (อิตาลี)
2002 ปีเตอร์ เช็ก (สาธารณรัฐเช็ก)
2004 อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ (อิตาลี)
2006 คลาส-ยาน ฮุนเตลาร์ (เนเธอร์แลนด์)
2007 รอยสตัน เดรนเธ่ (เนเธอร์แลนด์)
2009 มาร์คุส เบิร์ก (สวีเดน)
2011 ฆวน มาต้า (สเปน)
2013 ติอาโก้ อัลกันตาร่า (สเปน)
2015 วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่ (โปรตุเกส)
2017 ดานี่ เซบายอส (สเปน)
2019 ฟาเบียน รุยซ์ (สเปน)
2021 ฟาบิโอ วิเอยร่า (โปรตุเกส)
เพราะฉะนั้นนั่นอาจหมายความว่า ถ้าใครที่แจ้งเกิดตูมตามโครมครามได้สำเร็จในรายการนี้ โอกาสที่จะก้าวขึ้นไปเป็น "ตัวท็อป" ในภายภาคหน้า ก็มีสูงทีเดียวเชียว
ยักษ์ล้มเป็นทิวแถว
อย่างที่ว่า เยอรมนี ผลงานโหดทีเดียวในรายการ ยูโร ยู-21 เมื่อตลอด 3 หนหลังล้วนแต่ลุยไปถึงนัดชิงชนะเลิศ และได้แชมป์ไป 2 รอบ
แต่ทานโทษ มาถึงงวดนี้ เหมือนว่า "ชุดเล็ก" จะโดนไวรัสแพร่มาจาก "ชุดใหญ่" อย่างไรอย่างนั้น
เริ่มต้นด้วยการเสมอ อิสราเอล 1-1
ต่อด้วยแพ้ เช็ก 1-2 แบบโดนยิงเฉือนชัย น.87
ปิดท้ายแพ้ อังกฤษ สบายๆ 0-2
เยอรมนี ของกุนซือ อันโตนิโอ ดิ ซัลโว จบด้วยการ "ตกรอบแรก" ชนิดเป็นบ๊วยของกลุ่ม แม้จะมีตัวเด่นอย่าง ยุสซูฟา มูโกโก้ (ดอร์ทมุนด์) หรือ เควิน ชาเด้อ (เบรนท์ฟอร์ด) ในทีมก็ตาม
เช่นกัน ทีมแข็งอย่าง เนเธอร์แลนด์ ไปไม่เป็นในกลุ่มเอ ตกรอบแรกด้วยการเป็นอันดับ 3 โดยที่มีเซอร์ไพรส์จากเจ้าภาพ จอร์เจีย ซึ่งผงาดขึ้นเป็นแชมป์กลุ่ม (และเข้ารอบไปกับ โปรตุเกส)
หรือกลุ่มดี อิตาลี ที่นำมาโดยกัปตัน ซานโดร โตนาลี่ ซูเปอร์สตาร์คนใหม่ของ นิวคาสเซิ่ล, วิลฟรีด ยอนโต้ (ลีดส์), ปิเอโตร เปเลกรี (โตริโน่), ฟาบิโอ โมเร็ตติ (ยูเว่) หรือ เดสตินี่ อูโดจี้ (สเปอร์ส) ก็ลงเอยไม่ต่างกัน เมื่อหลังจากชนะ 1 แพ้ 1 ในสองเกมแรก ก็กลับพลาดท่าเสียทีในเกมสาม พ่าย นอร์เวย์ 0-1 จนหลุดเป็นอันดับ 3 แล้ว สวิตเซอร์แลนด์ ตามหลัง ฝรั่งเศส เข้ารอบน็อกเอาต์ไปแทน
ครบโควตาโอลิมปิก
หนึ่งในประเด็นสำคัญของ ยูโร ยู-21 นอกจากการชิงแชมป์แล้ว ก็คือการคัดเอาตัวแทนยุโรป เข้าร่วมฟุตบอลชาย โอลิมปิก เกมส์ ครั้งถัดไปในปี 2024 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศส
จาก 4 โควตา ก็แน่อยู่ในแล้วว่าหนึ่งในนั้นต้องมี ฝรั่งเศส ติดโผอยู่ด้วยในฐานะของชาติเจ้าภาพ อลป. (ก่อนที่เด็กตราไก่จะตกรอบ 2 ยูโร แพ้ ยูเครน)
ส่วน อังกฤษ ตัดทิ้งไปตั้งแต่เห็นชื่อ เมื่อทีมฟุตบอลของพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ อลป. เว้นแต่การรวมทีมเฉพาะกิจของ GB อย่างที่เคยเป็นในสมัย ไรอัน กิ๊กส์ ยังโฉบเฉี่ยว
นั่นหมายถึงว่า อีก 3 โควตาที่เหลือ ก็มาจากบรรดาทีมที่เข้าถึงรอบ "ตัดเชือก" ยูโรหนนี้ อันประกอบด้วย อิสราเอล, สเปน และ ยูเครน นั่นเอง
ม้ามืด...ที่ได้แค่เกือบ
อาจดูไม่ค่อยจืดเท่าไหร่หากว่าศึกชิงแชมป์ยุโรปรุ่นเล็กงวดนี้ จะมีนัดชิงเป็นการดวลกันของ "ทีมแถวสอง" ม้ามืดอย่าง อิสราเอล - ยูเครน
เพราะทั้งสองชาติที่ "เล็กจิ๋ว" ในแง่ของทีมชุดใหญ่ หรือชุดเล็กเองก็เป็นทีมใน "โถ 4" ของการจับสลาก ต่างสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ฮือฮาได้ในรายการนี้ ด้วยการผ่านรอบแรกและรอบสอง จนพบตัวเองยืนอย่างงงๆ ในรอบตัดเชือก ที่ขอชนะอีกนัดเท่านั้นเป็นอันถึงชิง
ในราย อิสราเอล ซึ่งทีม ยู-21 ของพวกเขาเคยเข้ารอบสุดท้าย ยูโร รุ่นเล็ก มาแค่หนเดียวก่อนหน้านี้ ต้องใช้คำว่า "โกงความตาย" มาได้ในรอบแรก เมื่อพวกเขาเสมอ 1 แพ้ 1 ในสองเกมแรกจนตกรอบไปครึ่งค่อนตัวแล้ว ก็กลับฮึดขึ้น เบียดชนะ สาธารณรัฐเช็ก 1-0 ในเกมสาม จนทำแต้มเข้ากระเป๋าได้ 4 คะแนน ปาดหน้าเข้ารอบเหนือ เช็ก กับ เยอรมนี ที่มี 3 กับ 1 แต้ม ตามลำดับ
ส่วนรอบสอง ที่เป็นน็อกเอาต์ 8 ทีมสุดท้าย อิสราเอล ต่อกรกับเจ้าภาพ จอร์เจีย อย่างคู่คี่สูสี 120 นาทีกินกันไม่ลง ต้องตัดสินด้วยจุดโทษ และ อิสราเอล แม่นเป้ากว่า กำชัย 4-3 ในท้ายที่สุด
ฝั่ง ยูเครน ที่นำมาโดย มิไคโล มูดริค ปีกวัย 22 เจ้าของค่าตัว 62+27 ล้านปอนด์จาก เชลซี (แจ้งขอเข้าร่วมทีมชาติด้วยตัวเอง ไม่ขอพักซัมเมอร์ เพื่อเรียกฟอร์มและความมั่นใจกลับมาหลังเริ่มต้นกับ เชลซี ได้แย่) มีผลงานเจ๋งเป้งไปเลยในรอบแรก เก็บ 7 แต้มจากการชนะ 2 เสมอ 1 เข้ารอบด้วยการมีแต้มเท่ากับแชมป์กลุ่มอย่าง สเปน
ความร้อนแรงของม้ามืดอย่าง ยูเครน ยังทำเอา ฝรั่งเศส (ของ เคเฟร็น ตูราม) ไปไม่เป็นในรอบ 2 ด้วยการถอนขนไก่สวยๆ 3-1 แม้จะถูกยิงนำไปก่อนในยี่สิบนาทีแรก
อย่างไรก็ตาม ในคิวเตะตัดเชือกเมื่อวันพุธ สองม้ามืดอย่าง อิสราเอล และ ยูเครน ต่างก็ต้องยุติการผจญภัยเอาไว้เท่านี้
อิสราเอล แพ้ อังกฤษ ขาดลอย 0-3
ยูเครน ก็แพ้ สเปน ขาดลอยยิ่งกว่า 1-5
และนัดชิงชนะเลิศ ยูโร ยู-21 ก็ได้แก่ อังกฤษ ปะทะ สเปน
ก้าวเดียวถึงแชมป์ทวีป
เพราะแม้จะปรายตามองแชมป์เอาไว้เป็นเป้าหมาย แต่การจะทำให้เกิดขึ้นจริง ก็ยังเป็นอะไรที่ "ละไว้ในฐานที่เข้าใจ" เมื่อ อังกฤษ ชุดยู-21 แม้จะเป็นแชมป์ 2 สมัย แต่ก็เกิดขึ้นในยุคทีวีขาวดำ 1982 กับ 1984 มาแล้วโน่น ส่วนในช่วงหลายปีหลัง ดีสุดคือแค่เข้าถึงตัดเชือก ทัวร์นาเมนต์เมื่อปี 2017
สำคัญคือ 2019 กับ 2021 สิงโตน้อย ตกรอบแรกมาทั้ง 2 ทัวร์นาเมนต์
แต่กับคราวนี้ ไม่ใช่อย่างเดิมอีกแล้ว
ภายใต้การนำของกุนซือใหม่ ลี คาร์สลี่ย์ อดีตมิดฟิลด์หัวเหม่งของ เอฟเวอร์ตัน ที่ขยับจาก ยู-20 ขึ้นมาทำทีมแทน ไอดี้ บูธรอยด์ สิงโตน้อยชุดนี้อัดแน่นด้วยแข้ง พรีเมียร์ลีก และดาวรุ่งของทีมยักษ์ใหญ่ ตั้งแต่หลังสุดไปหน้าสุด ไม่ว่าจะ เจมส์ แทร็ฟฟอร์ด นายประตู แมนฯ ซิตี้, แม็กซ์ อารอนส์ จากนอริช, ลีวาย คอลวิลล์ จากเชลซี, จาร์แร็ด แบรนธ์เวท (เอฟเวอร์ตัน), เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด-เบลลิส (แมนฯ ซิตี้), โอลิเวอร์ สคิปป์ (สเปอร์ส), เจค็อบ แรมซี่ย์ (วิลล่า), เคอร์ติส โจนส์ (ลิเวอร์พูล), ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ (ลิเวอร์พูล), แอนเจล โกเมส (ลีลล์, อดีตแมนยู), มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์ (ฟอเรสต์), เอมิล สมิธ โรว์ (อาร์เซน่อล), แอนโธนี่ กอร์ดอน (นิวคาสเซิ่ล), โคล พาล์มเมอร์ (แมนฯ ซิตี้) หรือ โนนี่ มาดูเอเก้ (เชลซี)
แววโหดของ อังกฤษ แสดงให้เห็นชัดตั้งแต่รอบแรก ที่เดินหน้าชนะ เช็ก 2-0, อิสราเอล 2-0 และ เยอรมนี อีก 2-0 เท่ากับ 3 เกมชนะรวด ยิงได้ 6 ลูก ไม่เสียเลยสักประตู
เช่นเดียวกับในรอบ 8 ทีมสุดท้าย แม้จะยิงได้น้อยหน่อย แต่ก็เบียดชนะ โปรตุเกส 1-0 (แอนโธนี่ กอร์ดอน น.34) เท่ากับชนะแบบไม่เสียประตูเช่นเดิม
และแม้ว่าพวกเขาจะต้องสังเวย เจค็อบ แรมซี่ย์ ตัวแรงจาก วิลล่า ข้อเท้าเดี้ยงต้องถอนตัวออกจากทัวร์นาเมนต์ การตัดเชือกกับ อิสราเอล ก็ไม่ใช่ปัญหาแม้แต่น้อย อังกฤษ ผ่านสบาย 3-0 มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์, โคล พาล์มเมอร์ และ คาเมรอน อาร์เชอร์ (หอกเด็ก 21 ของวิลล่า) เช็คบิลคนละเม็ด
อังกฤษ เข้าชิงชนะเลิศด้วยผลงานชนะรวดตลอดรายการ ยิงรวม 10 ประตู และยังไม่โดนเจาะตาข่ายแม้แต่ลูกเดียว!
อย่างไรก็ตาม การจะนำถ้วยแชมป์รายการนี้ กลับบ้านเป็นหนแรกในรอบ 39 ปี ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายดายแต่ประการใด
เพราะคู่แข่งที่ตามมาชิงแชมป์ ได้แก่ของแข็งโป้ก เจ้าของแชมป์มากสมัยสุดอย่าง สเปน
กระทิงน้อย : คุมทีมโดน ซานติ เดเนีย ผู้ซึ่งคุมเยาวชนสเปนมาทุกชุด และขุมกำลังนักเตะก็แข็งโป้ก เป็นตัว ลา ลีกา และบรรดาดาวรุ่งทีมใหญ่ๆ นั่นเอง เช่น กาบรี เบก้า (เซลต้า กำลังเป็นเป้าหมายของ แมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล), อูโก้ กียามอน (บาเลนเซีย), ออยฮาน ซานเซ็ต (บิลเบา), อเล็กซ์ บาเอน่า (บียาร์เรอัล), เซร์คิโอ โกเมซ (แมนฯ ซิตี้), อเบล รุยซ์ (บราก้า)
ส่วนเส้นทางสู่นัดชิง แม้ สเปน จะไม่ได้กระฉูดแตกแสบหูแสบตาเหมือน อังกฤษ ด้วยผลงาน ชนะ 2 เสมอ 1 ในรอบแรก และต่อเวลาเฉือน สวิตเซอร์แลนด์ 2-1 ในรอบสอง
แต่รอบตัดเชือกเมื่อคืนพุธ สเปน ก็ "จัดแจ่มๆ" ให้ด้วยการกราดยิง ยูเครน ยับเยิน 5-1 ชนิดเรียงหน้ากันมายิงไม่ซ้ำคน
เพราะฉะนั้น นัดชิงชนะเลิศ ยูโร ยู-21 ระหว่าง อังกฤษ กับ สเปน วันเสาร์ที่ 8 ก.ค. นี้ จึงเข้าข่าย 50:50 ไม่ได้มีฝายใดเหนือกว่ากันชัดเจนนัก
จึงหมายถึงเช่นกันว่า แม้จะเหลือแค่ "ก้าวเดียว" ถึงแชมป์ทวีป แต่ก็น่าหวาดเสียวไม่น้อยเลยว่าจะเป็นก้าวที่พลาด เมื่อ สเปน ก็มุ่งมั่นมาจากบ้านแล้วที่จะคว้าแชมป์สมัย 6 กลับออกไป
เสาร์นี้ 5 ทุ่มตรง ร่วมจับตาไปพร้อมกันว่า แชมป์ยุโรปรุ่นเล็ก จะตกเป็นของใครกันแน่