เรือ VS ผี ชี้แชมป์เอฟเอ : เปิดผลงาน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พา แมนฯ ซิตี้ ปะทะ แมนยู ก่อนชิงถ้วยเสาร์นี้ - FEATURE
ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถ้าจะให้ร่ายประวัติศาสตร์การพาดผ่านกันของอริร่วมเมืองแมนฯ คู่นี้ เห็นทีคงต้องขอเวลาเล่าสัก 3 วัน เพียงแต่ก็ควรถือเป็นเรื่องแปลกเล็กๆ ว่า ทั้งที่เจอกันมาเกือบ 190 นัดในร้อยกว่าปี แต่เสาร์นี้กลับจะเป็นเพียง "ครั้งแรก" เท่านั้นที่ ยูไนเต็ด กับ ซิตี้ จะวัดกันในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ
เมื่อเจอกันมาเป็นร้อยหนแล้ว ลองจำกัดวงแคบมาเหลือในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ดูแล้วกัน ว่ายอดโค้ชสแปนิชเคยได้นำ ซิตี้ ลงฉะ ยูไนเต็ด มาแล้วกี่หน และผลออกมารูปไหนบ้าง เผื่อจะเป็นตัวบอกใบ้อะไรบางอย่างสำหรับเกมสำคัญที่กำลังรออยู่
ปีประเดิม 2016/17 ชนะ-เสมอ-แพ้
- พรีเมียร์ลีก : ยูไนเต็ด 1-2 ซิตี้
อีเอฟแอล คัพ : ยูไนเต็ด 1-0 ซิตี้
พรีเมียร์ลีก : ซิตี้ 0-0 ยูไนเต็ด
ภายหลังฟัดกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฐานะของกุนซือ บาร์เซโลน่า และ บาเยิร์น มิวนิค มาก่อนหน้านั้น 4 นัด (ชนะ 3 เสมอ 1) เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ขึ้นฝั่งอังกฤษมารับคุม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นปีแรกในฤดูกาล 2016/17
และด้วยการเป็นปีทดลอง ปีปรับแต่ง ปีซ่อมสร้าง ทำให้อะไรๆ ของ แมนฯ ซิตี้ เวลานั้นยังไม่ลงตัว และ เป๊ป ก็ยังไม่สามารถข่มทีมผีแดงที่มีคนคุ้นเคยอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ กุมบังเหียน ได้แบบเต็มที่ ด้วยแม้ว่าเกมแรกที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ตอนต้นซีซั่นจะเป็น แมนฯ ซิตี้ บุกชนะ 2-1 แต่หลังจากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เอาคืนได้ด้วยการเปิดบ้านคว้าชัย 1-0 รอบ 4 อีเอฟแอล คัพ
ก่อนที่นัด 3 เกมลีกที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ท้ายซีซั่น จะจบแบบไร้ผู้ชนะ เสมอกันจืดๆ 0-0 เท่ากับการเจอกัน 3 หนในซีซั่นนั้น ได้ผลครบถ้วนทั้ง 3 หน้า
2017/18 คนละหมัด
- พรีเมียร์ลีก : ยูไนเต็ด 1-2 ซิตี้
พรีเมียร์ลีก : ซิตี้ 2-3 ยูไนเต็ด
ใช้เวลา 1 ปีในการปรับแต่ง จนกระทั่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ค้นพบทีมที่ลงตัวจนได้ และเริ่มต้นนับ 1 แชมป์ พรีเมียร์ลีก เอาในซีซั่นนั้น เพียงแต่ "แมนเชสเตอร์ดาร์บี้" ก็ไม่เคยง่ายเหมือนเช่นเดิม
ยกแรกปลายปี 2017 แมนฯ ซิตี้ บุกชนะ 2-1 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยประตูชัยต้นครึ่งหลังของ นิโกลัส โอตาเมนดี้ แต่ครั้นเมื่อกลับไปฟาดฟันกันยกสองที่เอติฮัด ก็กลายเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด เอาคืน 3-2 ในเกมสุดมันส์ เรือฉีกนำ 2-0 ในครึ่งชั่วโมงแรก จาก แว็งซ็องต์ ก็องปานี และ อิลคาย กุนโดกัน แต่ครึ่งหลังผีทวงแค้น 3 เม็ดรวด ของ ปอล ป๊อกบา สองตุง น.53 กับ 55 และ คริส สมอลลิ่ง พังประตูตัดสินเกม น.69
2018/19 ชนะไปกลับ
- พรีเมียร์ลีก : ซิตี้ 3-1 ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ลีก : ยูไนเต็ด 0-2 ซิตี้
คงเพราะความไม่นิ่งบนเก้าอี้กุนซือปีศาจแดง โชเซ่ มูรินโญ่ โดนถอดกลางทาง และเป็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มาเสียบแทน ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่อาจต่อกรกับ แมนฯ ซิตี้ ได้ดีอย่างที่ควรจะเป็นในปีนั้น
ยกแรก ซิตี้ เปิดรังกินนิ่ม 3-1 ดาบิด ซิลบา, กุน อเกวโร่, อิลคาย กุนโดกัน จัดคนละเม็ด ส่วนยกสองที่ OT ก็ยังคงออกรูปคล้ายเดิม คือ เรือใบแล่วฉิว 2-0 แบร์นาร์โด้ ซิลวา กับ เลรอย ซาเน่ ช่วยกันเช็คบิล ดาบิด เด เคอา
2019/20 ชนะ 1 แพ้ถึง 3
- พรีเมียร์ลีก : ซิตี้ 1-2 ยูไนเต็ด
คาราบาว คัพ : ยูไนเต็ด 1-3 ซิตี้
คาราบาว คัพ : ซิตี้ 0-1 ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ลีก : ยูไนเต็ด 2-0 ซิตี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงซีซั่นรุ่งขึ้น ตาลปัตรก็พลิกกลับด้านกลายเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ของ โซลชา "ข่ม" แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป เสียอย่างนั้น
เริ่มต้นที่เกมลีกในเอติฮัด มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ อองโตนี่ มาร์กซิยาล สอยคนละตุงพาผีจมเรือ 2-1
จากนั้นมาวัดกันใน คาราบาว คัพ รอบตัดเชือกเหย้าเยือน ยังดีที่ แมนฯ ซิตี้ บุกสยบผีได้ก่อน 3-1 ทำให้ความพ่ายแพ้เลกสอง 0-1 ไม่กระเทือนต่อการไปต่อ เข้าชิงถ้วยเล็กของ แมนฯ ซิตี้ (และได้แชมป์จากการชนะ แอสตัน วิลล่า 2-1)
สุดท้าย มาวัดกันอีกนัด เกมลีกที่รังผี คราวนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตบอริหน้าทิ่ม 2-0 มาร์กซิยาล กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ จัดให้ ส่งปลให้ 3 จาก 4 เกมที่พบกันซีซั่นนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายได้รับการชูมือ ชนะ 3 แพ้แค่ 1
2020/21 ครบสามหน้า
- พรีเมียร์ลีก : ยูไนเต็ด 0-0 ซิตี้
คาราบาว คัพ : ยูไนเต็ด 0-2 ซิตี้
พรีเมียร์ลีก : ซิตี้ 0-2 ยูไนเต็ด
มาที่สองซีซั่นก่อน 2020/21 ดาร์บี้เมืองแมนฯ จบเจ๊า 0-0 ก่อนที่บ้านผี จากนั้นไม่ถึงหนึ่งเดือนให้หลัง ยังคงเจอกันที่เดิมในบอลถ้วย คาราบาว คัพ ซึ่งเป็น แมนฯ ซิตี้ เชือดนิ่ม 2-0 จอห์น สโตนส์ กับ แฟร์นันดินโญ่ ช่วยกันคลำเป้า
แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นเกมลีกที่เอติฮัด ช่วงเดือน มี.ค. แล้ว ก็เป็น แมนฯ ยูไนเต็ด บ้างที่ได้เฮ บุกชนะสวยๆ 2-0 บรูโน่ แฟร์นันเดส กดจุดโทษออกนำตั้งแต่นาทีเศษ ก่อน ลุค ชอว์ ใช้โควต้ายิงปีละลูก พังประตูย้ำชัยตอนต้นครึ่งหลัง
2021/22 เรือมา
- พรีเมียร์ลีก : ยูไนเต็ด 0-2 ซิตี้
พรีเมียร์ลีก : ซิตี้ 4-1 ยูไนเต็ด
ส่วนซีซั่นก่อน ชัดเจนว่า แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมหยิบยื่นแต้มให้ทุกคู่แข่งอยู่แล้ว กับช่วงเปลี่ยนผ่าน โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เป็น ราล์ฟ รังนิค ที่นอกจากจะไม่มีอะไรดีขึ้น ยังดูแย่ลงไปอีกด้วยซ้ำ
แมนฯ ซิตี้ ก็จึงยิ้มหวานเลย บุกชนะใสๆ 2-0 ที่ OT จากประตูของ เอริก ไบยี่ ยิงตัวเอง กับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา
จากนั้นท้ายซีซั่น แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านต้อน 4-1 เควิน เดอ บรอยน์ กับ ริยาด มาห์เรซ จับมือกันสอยคนละ 2 ตุง เก็บ 6 แต้มเต็มในการเจอกับเพื่อนบ้าน
2022/23 ทีใครทีมัน
- พรีเมียร์ลีก : ซิตี้ 6-3 ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ลีก : ยูไนเต็ด 2-1 ซิตี้
ครั้นมาถึงซีซั่นนี้ เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ เอริค เทน ฮาก เข้ากุมบังเหียน พร้อมด้วยนักเตะดีๆ ที่ถูกเติมเข้าสู่ทีม ความแข็งแกร่ง--โดยเฉพาะเกมในบ้าน จึงกลับมาสู่ทัพปีศาจอีกครั้ง
เพราะแม้ว่า แมนฯ ซิตี้ จะกราดยิงไม่ยั้ง 6-3 ที่เอติฮัด เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ กับ ฟิล โฟเด้น ต่างก็ทำแฮตทริกได้ทั้งคู่
แต่เมื่อกลับไปยัง OT แล้ว แชมป์ 3 ปีซ้อนอย่าง แมนฯ ซิตี้ ก็ยังต้องยอมให้ความแข็งในบ้านของ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะหลังจาก แจ๊ค กรีลิช ยิงนำตอนครบชั่วโมงแล้ว ผีก็ฮึดเร่งเครื่องยิงแซง 2-1 จาก บรูโน่ แฟร์นันเดส น.78 และ มาร์คัส แรชฟอร์ด น.82
รหัส 9-2-7 กับ เอฟเอ คัพ นัดชิง
- รวมพบกัน 18 ครั้ง
แมนฯ ซิตี้ ชนะ 9 เสมอ 2 แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 7
ก็หากไม่นับรวมจ๊อบก่อนหน้าแล้ว จะเท่ากับว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พา แมนฯ ซิตี้ ลงบู๊ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งหมด 18 ครั้ง และปรากฏผลคู่คี่สูสีใช่ย่อยเลย
ว่าในขณะที่ แมนฯ ซิตี้ เป็นฝ่ายชนะ 9 หน (50% พอดี) แมนฯ ยูไนเต็ด ก็จมเรือลงได้ 7 ครั้ง พร้อมกับมีผลเสมอติ่งๆ แค่ 2 เกม
หนึ่งคือ แมนฯ ซิตี้ ข่มกว่าแค่เล็กน้อยเท่านั้น และสองคือ การลงเล่นใน "สนามกลาง" อย่าง เวมบลีย์ สเตเดี้ยม ก็ดูจะไม่เข้าข่าย "ห่วยเกมเยือน" อย่างที่เด็กๆ ของ เอริค เทน ฮาก เป็นมาตลอดทางด้วย -- แมนฯ ยูไนเต็ด ลงเล่นที่ เวมบลีย์ มาแล้ว 2 เกมของซีซั่นนี้ ชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-0 นัดชิง คาราบาว คัพ และมาเสมอ ไบรท์ตัน 0-0 ก่อนชนะจุดโทษ 7-6 รอบตัดเชือก เอฟเอ คัพ นี่เอง
ยังมีเรื่องที่ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ดูจะช่ำชองมากกว่ากับเกมชิงดำ ที่พวกเขาเคยคว้าแชมป์มาครอง 12 สมัย จากการเข้าชิง เอฟเอ คัพ ทั้งหมด 20 ครั้ง ส่วนทาง แมนฯ ซิตี้ ได้แชมป์มา 6 สมัย จากการเข้าชิง 11 รอบ และ เป๊ป ก็ไปถึงแชมป์ถ้วยนี้มารอบเดียวเท่านั้น (2019)
อย่างไรก็ตาม จะบอกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มี "ภาษีดีกว่า" ในการยุติความฝันเหมา 3 แชมป์ของ ซิตี้ ก็อาจไม่ใช่ เมื่อภาพของสกอร์ 6-3 และสองแฮตทริกของทั้ง ฮาแลนด์ & โฟเด้น ก็ยังกระจ่างชัด และมีสิทธิ์ถูกผลิตซ้ำได้หากว่า ยูไนเต็ด ติดประมาท เปิดที่ทางในเกมรับจนเกินงาม
เพราะฉะนั้น ภายใต้รหัส 9-2-7 ที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะพกลงชน แมนฯ ยูไนเต็ด ก็อาจไม่ได้เป็นเครื่องบ่งชี้อะไรได้ชัดเจนนัก นอกจากการบอกใบ้ว่าจะเป็นแมตช์ที่คู่คี่สูสี ซีเรียสเคร่งเครียด และกดดันสูงกับทั้งสองฝั่ง
เอาเป็นว่ารอดูกันดีกว่าว่า 3 ทุ่มตรงเสาร์นี้ เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ จะออกหน้าไหน
ระหว่าง "สองแชมป์" ของมุมแดง กับ "สองแชมป์" ของมุมฟ้า--ที่จะเป็นการเปิดประตูสู่ "สามแชมป์ประวัติศาสตร์" ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และชาวคณะเรือใบ ได้ต่อไป