แอสตัน วิลล่า 2-2 เชลซี : เก็บตกหลังเกม พรีเมียร์ลีก นัด สิงห์น้ำเงิน ฮึดขึ้นทวงคืนสำเร็จ แม้ตามหลัง 0-2 - FEATURE
• แต่ เชลซี ยังมีดีพอจะฮึดขึ้น ไล่ทวงคืน แอสตัน วิลล่า เป็น 2-2
• และนี่คือหลายๆ สิ่งที่พอมองเห็นได้จากเกมที่ วิลล่า พาร์ค
รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก 2023/24
วันแข่งขัน: วันเสาร์ที่ 27 เมษายน 2567
สนาม: วิลล่า พาร์ค
ผลการแข่งขัน: แอสตัน วิลล่า 2-2 เชลซี
สิงห์กับสิงห์
ระหว่างสิงห์ผงาดกับสิงห์น้ำเงิน ทั้งคู่ลงสนามไปพร้อมเป้าหมายที่แตกต่างกัน แอสตัน วิลล่า สู้เพื่อตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ใบสุดท้าย ฝั่ง เชลซี สู้เพื่อไม่ให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่านี้ หรือไม่บางที ก็อาจยังพอมีลุ้นตั๋ว ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก อยู่จางๆ
ข้อเท็จจริงที่ทับซ้อนอยู่คือ คู่นี้... "เดายาก"
นี่คือการเจอกันเป็นหนที่ 4 เข้าไปแล้วของฤดูกาลนี้ หลังจาก 3 เกมที่ผ่านมา ทุกอย่างบวกลบกันแล้ว เสมอกัน
- หนแรกใน พรีเมียร์ลีก ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ แอสตัน วิลล่า บุกชนะ 1-0
หนสองใน เอฟเอ คัพ รอบ 4 ที่เดอะบริดจ์ที่เดิม เสมอกัน 0-0
หนสามในนัดรีเพลย์ เอฟเอ คัพ ที่ วิลล่า พาร์ค กลายเป็น เชลซี บุกชนะ 3-1
นี่รึเปล่าอาจเป็นตัวที่บอกใบ้ว่า ไม่ว่าฝ่ายไหนจะฉีกขึ้นนำในวันนี้ 2 หรือ 3 สกอร์
โอกาสจบเสมอมีอยู่ และมีสูงด้วย
0-2 และเกือบเป็น 0-3
แต่ก็ด้วยความไม่เอาไหนของกองหลัง เชลซี นั่นเองที่ทำให้ครึ่งแรก เกิดสกอร์อย่างที่เห็น
แรกสุดคือใช่ ต้องชมเชยความวูบวาบฉับไวของเกมรุก แอสตัน วิลล่า
แต่สำคัญกว่าก็คือความหละหลวม ยืนตำแหน่งกันผิดพลาด เชื่องช้าในปฏิกิริยาของแผงหลัง มาร์ก กูกูเรย่า - ติอาโก้ ซิลวา - เบอนัวต์ บาเดียชิล - เทรโวห์ ชาโลบาห์
ลูกแรกขึ้นทางซ้าย ตบกลับเข้ากลางให้ จอห์น แม็คกินน์ เข้าชาร์จไปชนเท้า มาร์ก กูกูเรย่า จิ้มต่อเข้าประตูตัวเองไป ในแค่นาทีที่ 3 เศษๆ
ลูกสองรอนานหน่อยถึงช่วงท้ายครึ่งแรก ก็ขึ้นทางเยื้องซ้ายเหมือนกัน มอร์แกน โรเจอร์ส ปีกเด็กปั้นวัย 21 ของเจ้าถิ่น กดเปรี้ยงยัดเสาเข้าไป
ยังมีอีกบางจังหวะที่ ยอร์เย่ เปโตรวิช ต้องช่วยเซฟไว้ เพื่อไม่ให้ เชลซี เพลี่ยงพล้ำไปไกลถึง 0-3
ถ้าต้องเข้าครึ่งหลังแบบตามหลัง 3 เม็ด ชะรอยว่าสกอร์ 0-5 จากเกมก่อน อาจเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง
ภาพที่ชัดของแนวรุก เชลซี
เกมชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 4-3 : มิไคโล มูดริค กับ โคล พาลเมอร์ เป็นสองตัวริมเส้น กลางรุกใช้ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ซึ่งผลลงเอยด้วยแฮตทริกของ พาลเมอร์
เกมเสมอ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-2 : เหมือนนัดก่อน แต่เปลี่ยนส่ง โนนี่ มาดูเอเก้ ตัวจริงแทน มูดริค และ มาดูเอเก้ นั่นเองก็ยิงได้1 ประตู
เกมถล่ม เอฟเวอร์ตัน 6-0 : เอ็นโซ เฟร์นานเดซ ไม่อยู่ กัลลาเกอร์ ต้องถอยลงต่ำ ขยับ พาลเมอร์ มากลางรุก มูดริค กับ มาดูเอเก้ ขึ้นริมเส้น และจบที่อีกหนึ่งแฮตทริกของ พาลเมอร์
เกมแพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-1 ตกตัดเชือก เอฟเอ คัพ : มูดริค หลุดไปเมื่อ เอ็นโซ เฟร์นานเดซ กลับมาประจำการ นอกนั้นเหมือนเกมก่อน
เกมที่แล้ว แพ้ อาร์เซน่อล 0-5 : พาลเมอร์ ไม่อยู่ แผงรุกจึงเป็น มูดริค - กัลลาเกอร์ - มาดูเอเก้ สนับสนุนหอกเป้า นิโคลัส แจ๊คสัน
และเกมนี้ เสมอ วิลล่า 2-2 : เอ็นโซ เฟร์นานเดซ ไม่อยู่อีกแล้ว กัลลาเกอร์ ถอยต่ำ พาลเมอร์ กลางรุกตรงกลาง มูดริค กับ มาดูเอเก้ ขึ้นริมเส้น
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่เริ่มจะชัดขึ้นเรื่อยๆ
คือ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ชักจะไม่มีที่ยืนใน 11 คนแรกของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เข้าไปทุกที
ฟันธง ณ ตรงนี้... ถ้า โปเช็ตติโน่ ยังอยู่คุม เชลซี ต่อ
ทางเลือกของ สเตอร์ลิ่ง คือ 1) ย้าย หรือไม่ก็ 2) สำรองยาว มีเท่านี้
ระหว่าง กัลลาเกอร์ กับ เอ็นโซ
ที่จริงครึ่งแรก ไม่มีใครในทีม เชลซี ทั้งนั้นที่ "เล่นดี"
แต่ว่าครึ่งหลัง เมื่อมีการปรับหมากเน้นเกมรุก ขยับ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ขึ้นไปเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรุก โดยที่ห้อย มอยเซส ไคเซโด้ เป็นกลางรับตัวเดียว
เออ... เข้าท่าดี
ลูกตีตื้นอาจบอกได้ว่ามีโชคช่วยเล็กๆ กับการพาบอลเข้าไปโดนตัดของ กัลลาเกอร์ ที่กลายเป็นดี เข้าทาง มาดูเอเก้ กดเรียดเข้าไป
แต่ลูกตีเสมอ ต้องชมเชยความยอดเยี่ยมของ กัลลาเกอร์ โดยแท้ กับจังหวะซัดโค้งๆ ด้วยซ้ายผ่าน โรบิน โอลเซ่น เข้าไปอย่างเฉียบขาด
เพราะฉะนั้น พูดได้ว่านี่คืออีกเกมที่ กัลลาเกอร์ เฉิดฉาย...เมื่อไม่มีกลางที่ "คล้ายกัน" อย่าง เอ็นโซ เฟร์นานเดซ ในสนาม
เคยเอ่ยถึงไปแล้วว่าด้วยสไตล์การเล่นคล้ายคลึงกัน การเป็นตัวเปิดเกมจ่ายบอลจากกลางสนาม ทำให้หลายๆ ครั้ง กัลลาเกอร์ - เอ็นโซ ทับซ้อนในหน้าที่กันเกินไป จนกลายเป็นไม่ลงตัวในการเซ็ตเกม
สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งในเกมนี้ และเกมก่อนนี้ที่ ขยี้ เอฟเวอร์ตัน 6-0 (เอ็นโซ ไม่ลงสนาม) คงจะ--และควรจะ เป็นตัวที่ทำให้ โปเช็ตติโน่ คิดอะไรออกได้บ้าง
แต่ถ้าคิดไม่ได้...ก็แล้วแต่!
3-2 ที่ไม่มา
เสี้ยววินาทีให้หลังจากที่ อักเซล ดิซาซี่ โถมเข้าโขกเปรี้ยงจมตาข่าย 90+7
มันคือการฉลองอย่างบ้าคลั่งของแข้งสิงห์ในสนามและข้างสนาม เช่นเดียวกับกองเชียร์ เชลซี ที่ยกพลไปอยู่บนอัฒจันทร์ วิลล่า พาร์ค
แต่เดี๋ยวก่อน... 3-2 ที่ควรมา ไม่มานะครับผม
ล้ำหน้า ตัดไปได้เมื่อมีนักเตะ วิลล่า ยืนต่ำหรือพอดีๆ ไลน์ที่ ดิซาซี่ ยืน
แต่ปัญหาคือ ในจังหวะก่อนหน้านั้น ดันมีช็อตที่ เบอนัวต์ บาเดียชิล ผลักใส่คู่แข่งจนตัวเอียง เกิดขึ้นเสียก่อน
เจอภาพช้าฟ้องชัดแบบนี้เข้าไป เชลซี ก็โต้เถียงไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
ใจสิงห์
เกมจบด้วยผลเสมอ 2-2 ซึ่งแม้ว่าจะเป็นอีกนัดที่ เชลซี ทำแต้มหลุด ไม่อาจเอาชนะได้
แต่ไม่มีใครที่กล่าวโทษพวกเขาแม้แต่น้อย
เพราะ เชลซี แสดงออกให้เห็นว่าพวกเขาพยายามแล้ว ทุ่มเทแล้ว สู้แล้ว ฮึดแล้ว
ต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากเกมก่อนที่แพ้ อาร์เซน่อล ตั้งแต่อยู่ในอุโมงค์ พอลงสนามไป ยิ่งเล่นก็ยิ่งเละ ไม่ไหวทั้งฟุตบอลและหัวจิตหัวใจ
วันนี้ ไม่ใช่แบบนั้น
ใช่หรือไม่ว่า ฟุตบอล ที่จริงมันก็ง่ายๆ เท่านี้
สู้อย่างที่สมควรสู้ ใส่ให้หมดเท่าที่มี ผลจะออกแบบไหนเป็นอีกเรื่อง
"เสื้อพวกเอ็งน่ะ ข้าไม่ได้ต้องการหรอก แต่ขอให้สู้เพื่อมัน เต็มที่หน่อยโว้ย!"