อังกฤษ 2-1 สโลวาเกีย : เก็บตกหลังเกม ยูโร 2024 สิงโตคำราม พลิกแซงเข้ารอบสุดดราม่า - FEATURE

  • ค็อบบี้ ไมนู ได้รับโอกาสลงเล่นตัวจริงเป็นครั้งแรกใน ยูโร 2024
  • สโลวาเกีย เล่นได้ดีตลอดทั้งเกมก่อนจะมาโดนประตูในนาทีบาปจาก จู๊ด เบลลิ่งแฮม ยึดเอาชัยชนะไป
  • แฮร์รี่ เคน เป็นผู้ทำประตูชัยพลิกแซงขึ้นนำ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ส่ง อังกฤษ เข้ารอบ 8 ทีม
England v Slovakia: Round of 16 - UEFA EURO 2024
England v Slovakia: Round of 16 - UEFA EURO 2024 / Richard Sellers/Allstar/GettyImages
facebooktwitterreddit

รายการ

ฟุตบอล ยูโร 2024 รอบ 16 ทีมสุดท้าย

วันแข่งขัน

คืนวันที่ 30 มิถุนายน 2567

สนาม

อารีน่า เอาฟชาลเก้ (เฟ็ลทินส์-อาเรนา)

ผลการแข่งขัน

อังกฤษ *2-1 สโลวาเกีย (1-1 ใน 90 นาที)


อังกฤษ และ เซาธ์เกต ยังเหมือนเดิม..

ก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้นเราคงเดาได้ไม่ยากว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต จะส่ง 11 ขุนพลคนไหนลงเล่นเป็นตัวจริงบ้าง ซึ่งก็ไม่ผิดคาด มีเพียง ค็อบบี้ ไมนู คนเดียวเท่านั้นที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง นอกนั้นเหมือนเดิมทุกประการ

ซึ่งคำพูดที่ว่าถ้าเราทำอะไรเดิม ๆ ผลลัพธ์ก็จะออกมาเหมือนเดิม ดูจะไม่เกินจริงแต่อย่างใด ทีมชาติ อังกฤษ ยังคงเล่นได้ทรมาณใจไม่มีเปลี่ยนแม้จะกรำศึกรายการนี้มาแล้วถึง 3 นัดก็ตาม สามผสานแนวรุกอย่าง โฟเด้น, เบลลิ่งแฮม, ซาก้า ยังคงประสานงานกันไม่เข้าขา ส่วนแนวรับก็ดูจะมีความกดดันในการเล่นอย่างเห็นได้ชัดจนมีความผิดพลาดให้เห็นอยู่หลายจังหวะ ก่อนจะมาโดนขึ้นนำในนาทีที่ 25 สร้างความยากลำบากแบบทวีคูณขึ้นไปอีก

น่าแปลกใจที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องใช้เวลาร่วมหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะเริ่มปรับหมากนักเตะให้เป็นแบบที่สมควรจะเป็นมาตั้งนานแล้ว..โคล พาลเมอร์ ลงมา, ซาก้า โยกไปทางซ้าย ตามมาด้วย เอเบริชี่ เอเซ่ และ ไอแวน โทนี่ย์ ซึ่งก่อนเกมจะเริ่มขึ้น แฟนบอลและสื่อมวลชนทั่วโลกต่างพยายามให้คำแนะนำว่า เซาธ์เกต ควรทำอะไรใหม่ ๆ บ้าง แต่ด้วยความหนักแน่น (หรือดื้อดึง) กุนซือทีมชาติ อังกฤษ เลือกที่จะไม่ฟัง จนสุดท้ายก็ต้องยอมจำนนเพราะแผนที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุดมันไปต่อไม่ไหวแล้ว ผลคือแนวทางการเล่นก็ดีขึ้นอย่างชัดเจน

England v Slovenia: Group C - UEFA EURO 2024
England v Slovenia: Group C - UEFA EURO 2024 / Eurasia Sport Images/GettyImages

ประตูขึ้นนำของ สโลวาเกีย

นับตั้งแต่กรรมการเป่านกหวีดเริ่มการแข่งขัน จริงอยู่ที่ทีมชาติ อังกฤษ เป็นฝ่ายครองบอลเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ความอันตรายในเกมรุกกลับหามีไม่ เพราะผู้เล่น สิงโตคำราม ใช้เวลากว่า 2-5 วินาที กว่าจะออกบอลเท้าสู้เท้าในแต่ละครั้งเหมือนผู้เล่นที่ไม่ได้ซ้อมกันมา ในทางกลับกัน แม้ผู้เล่นทีมชาติ สโลวาเกีย จะได้โอกาสครองบอลน้อยกว่า แต่พวกเขามาหนักและเน้นทุกลูก สร้างความปั่นป่วนสับสนให้บรรดาผู้เล่น อังกฤษ อยู่ไม่น้อย ถึงขนาดเรียกใบเหลืองได้ 3 ใบตั้งแต่ 30 นาทีแรกของเกม

จนกระทั่งนาทีที่ 24 สโลวาเกีย ใช้บอลยาวจากแดนหลังสาดขึ้นมาจนถึง ดาวิด สเตรเลก เอาบอลลงจากลูกโหม่งชงของเพื่อนได้อย่างสวยงาม ก่อนจะดึงจังหวะเล็กน้อยแล้วแทงบอลให้ อิวาน ชรานซ์ หลุดเข้าไปจบสกอร์ด้วยหลังเท้าอย่างเฉียบคม โดยพวกเขาใช้โอกาสต่อบอลในแดนคู่แข่งเพียง 2 จังหวะเท่านั้นก่อนจะส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้ นับเป็นคุณภาพการเข้าทำประตูที่ อังกฤษ ควรเอาเป็นแบบอย่างยิ่งนัก

Ivan Schranz
England v Slovakia: Round of 16 - UEFA EURO 2024 / James Gill - Danehouse/GettyImages

ค็อบบี้ ไมนู สอบผ่าน

หลังจากเฟ้นหาตัวตายตัวแทน "คาลวิน ฟิลลิปส์" มาหลายนัด ล่าสุดดูเหมือนว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต จะจบปัญในแดนกลางได้เสียทีเมื่อ ค็อบบี้ ไมนู เจ้าหนูวัย 19 ปีจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงมาทำหน้าที่คุมแดนกลางได้อย่างไหลลื่น หลังจากได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงครั้งแรกใน ยูโร 2024

โดย ไมนู มีส่วนในการเล่นเกมรุกของ อังกฤษ มากกว่า คอเนอร์ กัลลาเกอร์ และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อย่างชัดเจน เขาไม่เพียงแต่เป็นตัวรับถ่ายส่งบอลที่ไว้ใจได้ของทีม แต่ยังมีจังหวะตะลุยเลี้ยงบอลขึ้นไปหน้ากรอบเขตโทษซึ่งสร้างความแตกต่างได้ในเกมที่น่าอึดอัดใจแบบนี้

สถิติส่วนตัวก็มีความน่าสนใจ ด้วยการหาโอกาสสับไกได้ถึง 2 ครั้ง, สร้างสรรค์โอกาส 1 ครั้ง, ชนะการดวลลูกกลางอากาศ 1 ครั้ง, เลี้ยงบอลผ่าน 1 ครั้ง, เรียกฟาล์วสำเร็จ 1 ครั้ง, เข้าปะทะสำเร็จ 1 ครั้ง, และผ่านบอลแม่นยำถึง 95.6 เปอร์เซ็นต์ ดูแล้วน่าจะได้โอกาสลงตัวจริงยาว ๆ หาก เซาธ์เกต ไม่คิดสูตรอะไรแปลก ๆ ออกมาอีก

Kobbie Mainoo
England v Slovakia: Round of 16 - UEFA EURO 2024 / Chris Brunskill/Fantasista/GettyImages

จู๊ด ต่อลมหายใจในนาทีบาป และ ประตูชัยของ แฮร์รี่ เคน

ตลอดทั้งเกม จู๊ด เบลลิ่งแฮม พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในเกมรุกให้ทีมชาติ อังกฤษ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเขาทำได้น่าประทับใจ เพราะ จู๊ด ที่รู้ตัวดีว่าฟอร์มตกไปเมื่อ 2 นัดที่ผ่านมา พยายามวิ่งมากขึ้น ปรับการเล่นจนตัวเขามีส่วนร่วมกับเกมเยอะมากในวันนี้ เขาเป็นหัวใจในทั้งเกมรุกและรับของ อังกฤษ

โดยสถิติที่น่าสนใจคือ จู๊ด เป็นผู้เล่นที่เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งมากที่สุดเป็นอันดับสองของทีม (3ครั้ง) และยังเรียกฟาล์วได้ถึง 3 ครั้งซึ่งมากที่สุดในเกม ส่วนเกมรับก็เข้าปะสำเร็จมากที่สุดในทีมถึง 4 ครั้งอีกด้วย ก่อนจะมาตอกย้ำความสุดยอดด้วยการตีลังกายิงในนาทีบาป 90+4 ต่อลมหายใจให้ทีม สิงโตคำราม ยังอยู่ในเกมและพลิกกลับมานำได้สำเร็จ

ส่วน แฮร์รี่ เคน ในวันนี้ยังคงใช้โอกาสได้ไม่คุ้มค่าสักเท่าไร โดยตลอดทั้งเกม 90 นาที แฮร์รี่ เคน มีโอกาสสับไกยิงไปทั้งสิ้น 4 ครั้งซึ่งไม่สามารถคุมบอลให้ตรงกรอบได้เลย ซึ่งแน่นอนว่าถ้า เคน ส่งบอลเข้าไปนอนในก้นตาข่ายได้สักลูก แฟนบอล อังกฤษ อาจไม่ต้องมานั่งลุ้นตัวโก่งจนวินาทีสุดท้ายแบบนี้

อย่างไรก็ตาม ดาวยิงวัย 30 ปีมาแก้ตัวได้สำเร็จในโอกาสยิงครั้งที่ 5 ของเขา ซึ่งเป็นลูกที่ ไอแวน โทนี่ย์ โหม่งชงมาอย่างสวยงาม ก่อนที่ เคน จะตั้งหัวโขกเข้าไปจ่อ ๆ เป็นประตูพลิกแซงนำและส่งทีมชาติ อังกฤษ เข้าไปเล่นรอบ 8 ทีมสุดท้าย

Harry Kane, Jude Bellingham
England v Slovakia: Round of 16 - UEFA EURO 2024 / Carl Recine/GettyImages

ผู้ชนะใน 90 นาที..

หากจะพูดถึงความน่าปวดหัวของ อังกฤษ อย่างเดียวก็คงจะไม่แฟร์นัก เพราะทีมชาติ สโลวาเกีย ในวันนี้สู้ได้แบบสุดใจสุดความสามารถแล้ว ซึ่งถ้านับเฉพาะเกมในเวลา 90 นาที พวกเขาคือผู้ชนะอย่างปฏิเสธไม่ได้ โดยตั้งแต่เริ่มเขี่ยลูกฟุตบอลในครึ่งแรก ผู้เล่น สโลวาเกีย เล่นได้ตามหมากที่ ฟรานเชสโก้ คัลโซน่า วางไว้ทุกประการ แถมการได้ประตูขึ้นนำตั้งแต่ก่อนครึ่งชั่วโมงแรก ยิ่งทำให้สถานการณ์เข้าทางพวกเขาเข้าไปใหญ่

แต่น่าเสียดายที่ในโลกความเป็นจริง ฟุตบอลไม่ได้เล่นกันเพียง 90 นาที ด้วยการเล่นตั้งรับและวิ่งไล่บดบี้ตลอดทั้งเกม ทำให้กำลังขาของผู้เล่น สโลวาเกีย มีความอ่อนล้าลงไปในทุกขณะ จนกระทั่งพวกเขามาโดนประตูในนาทีบาปยึดเอาชัยชนะอันสวยงามไปก่อนจะจบเกมเพียง 1 นาทีเท่านั้น

หลังจากนั้น สโลวาเกีย ที่โดนปรับหมากมาให้เล่นเกมรับเต็มรูปแบบแล้ว จึงไม่อาจต่อกรกับ อังกฤษ ที่มีขุมกำลังพร้อมเพรียงกว่าได้ นับเป็นการเก็บกระเป๋ากลับบ้านที่น่าเสียดายแต่ก็น่าภาคภูมิใจสำหรับ สโลวาเกีย ใน ยูโร 2024 ครั้งนี้

Norbert Gyömber
England v Slovakia: Round of 16 - UEFA EURO 2024 / Visionhaus/GettyImages

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวในศึก ยูโร 2024 ได้ที่นี่

feed