อังกฤษ 2-2 เบลเยียม : เก็บตกหลังเกม สิงโตคำราม ได้ 'เบลลิงแฮม' ฮีโร่ 90+5 ไม่แพ้คา เวมบลีย์ สองเกมซ้อน - FEATURE
• มีทั้งข้อดีและข้อด้อยที่สามารถตักตวงได้
• เหล่านี้คือสิ่งที่เก็บตกได้จาก 90 นาทีล่าสุดนี้ที่เวมบลีย์
รายการ: ฟุตบอล กระชับมิตรทีมชาติ เตรียมความพร้อม ยูโร 2024
วันแข่งขัน: วันอังคารที่ 26 มีนาคม 2567
สนาม: เวมบลีย์ สเตเดี้ยม
ผลการแข่งขัน: อังกฤษ 2-2 เบลเยียม
สิงโตกับปีศาจแดง
มีประวัติศาสตร์ผูกพันกันอย่างยาวนาน เมื่อพบกันมาหนแรกในปี 1921 ตามที่มีการบันทึกเอาไว้ และจนถึงก่อนเกมนี้ก็เจอกันมาถึง 25 ครั้งแล้ว -- อังกฤษ ชนะ 16 / เสมอ 4 / เบลเยียม ชนะแค่ 5
แม้ว่าภาพรวม อังกฤษ จะออกข่มเสียมาก แต่การเจอกันระยะหลัง เบลเยียม พลิกกระดานเป็นฝ่ายทำได้ดีกว่า
โดยเฉพาะใน ฟุตบอลโลก 2018 ที่ ปีศาจแดงแห่งยุโรป สยบ สิงโต จนคำรามไม่ออกทั้งขึ้นทั้งล่อง
- 2018 (รอบแรก ฟุตบอลโลก) เบลเยียม ชนะ 1-0
2018 (ชิงที่ 3 ฟุตบอลโลก) เบลเยียม ชนะ 2-0
2020 (ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก) อังกฤษ ชนะ 2-1
2020 (ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก) เบลเยียม ชนะ 2-0
เบลเยียม เหนือกว่าชัดเจนในระยะหลัง สมกับที่ครั้งหนึ่งเคยก้าวไปถึงอันดับ 1 ฟีฟ่า แรงกิ้ง มาแล้ว...แม้จะไม่มีแชมป์รายการใดติดมือเลยก็ตาม
อันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2018 นี่เองที่คือ "เกียรติยศสูงสุด" แห่งฟุตบอลทีมชาติเบลเยียม
เป๊ปคงต้องปวดใจ
กับการจัดทีมลงสนามวันนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ปรับทัพสนั่นหวั่นไหวตามที่หลายฝ่ายคาด 11 ตัวจริงที่คงไว้จากเกมแพ้ บราซิล มีเพียง จอร์แดน พิคฟอร์ด, เบน ชิลเวลล์, จอห์น สโตนส์, ดีแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิงแฮม และ ฟิล โฟเด้น
ส่วน เบลเยียม ในมือโค้ชอิตาเลียน โดเมนิโก้ เทเดสโก้ ใช้ชุดผสมสำรองแซมๆ แต่โดยรวมคือตัวจริงซะเป็นส่วนใหญ่ นำมาโดย โรเมลู ลูกากู, เชเรมี่ โดกู, เลอันโดร ทรอสซาร์, ยูรี่ ตีเลมันส์ และคุณปู่ ยาน แฟร์ตองเก้น ที่ยังอุตส่าห์จะคุมเกมรับอยู่อีกในวัยใกล้จะ 37
แต่แค่ 10 นาทีแรกเท่านั้น ที่เกมต้องหยุดลง และมีการเปลี่ยนสำรองเป็นคนแรก
จอห์น สโตนส์ ไปต่อไม่ไหว ต้องออกจากสนามเพื่อให้ โจ โกเมซ ลงไปแทน
นี่คือ "ข่าวร้ายของเป๊ป" ต่อเนื่องจากเกมก่อนที่เสีย ไคล์ วอล์คเกอร์ เจ็บต้องออกจากเกมกับ บราซิล ในเพียงนาทีที่ 20 และถูกส่งกลับแคมป์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปหลังจากนั้น ไม่ต้องมีส่วนร่วมกับเกมนี้
ทั้ง วอล์คเกอร์ และ สโตนส์ ต่างเดี้ยงจากการรับใช้ชาติ รวมไปถึง มานูเอล อคานจี เจ็บต้องถอนตัวจาก สวิตเซอร์แลนด์ ในเวลาที่ เควิน เดอ บรอยน์, แจ๊ค กรีลิช และ เอแดร์ซอน โมราเอส ไม่พร้อมอยู่ก่อนแล้ว
โดยที่วันอาทิตย์นี้ 31 มี.ค. ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม...
แมนฯ ซิตี้ VS อาร์เซน่อล!
โทนี่ 1-0 วัตกิ้นส์
หนึ่งในจุดที่หลายคนจับตามอง และดูเป็น "ปมปัญหา" จากเกมแพ้ บราซิล 0-1
ก็คือ อังกฤษ นาทีที่ แฮร์รี่ เคน ไม่พร้อม ใครกันจะมาทำหน้าที่ล่าตาข่ายแทน
เห็นกันไปแล้วใน 90 นาทีก่อน ว่า โอลลี่ วัตกิ้นส์ เข้าข่ายมุม "สอบตก" กับการเผชิญหน้าแนวรับแซมบ้า และการขว้างโอกาสทองทิ้งไปในวันนั้น
แต่สำหรับ 90 นาทีล่าสุดนี้ ภาพที่เห็นคือ ไอแวน โทนี่ย์ สอบ... "ผ่านฉลุย" ไปโลดครับเจ้านายยยย
กองหน้าวัย 28 จาก เบรนท์ฟอร์ด ที่ลงรับใช้ชาติเป็นเกมที่ 2 ได้รับเสียงปรบมือผ่านการ "ตัดเกรด" ของสื่อหลายเจ้า เฉลี่ย 8/10 ภายหลังเล่นดีและทำตัวมีประโยชน์ คุกคามแนวรับ เบลเยียม อย่างเห็นผล ทั้งเรียกจุดโทษได้และสังหารจุดโทษนั้นเข้าไปอย่างเยือกเย็น
ฉะนั้น รักษาตัวให้รอดเป็นยอดดี โทนี่ย์ จะได้ไป ยูโร 2024 กลางปีนี้แน่
และอาจในฐาแนะ "ดาวยิงมือวางอันดับ 2" เหนือ โอลลี่ วัตกิ้นส์ ด้วย
ไมนู อู้หูอร๊อยอร่อย
ชักเข้าชักออก จะเรียกไม่เรียกดี จะโทรไม่โทรดี
สุดท้าย แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ต้านทานกระแสสังคมไม่ไหว ต่อสายหาเจ้าหนูวัย 18 เมดอินแมนเชสเตอร์ ให้มาประเดิมทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ หลังเพิ่งผ่านประสบการณ์ พรีเมียร์ลีก ไปแค่ 15 นัดถ้วน (14 ปีนี้ 1 ปีก่อน)
ไม่ใช่แค่เรียกตัวมาซ้อมกับชุดใหญ่ แต่ยังหย่อนลงน้ำไปดวลกับแผงกลางแซมบ้าวันก่อน
และวันนี้ ก็จัดพื้นที่ตัวจริงให้ ค็อบบี้ ไมนู ไปซะเลย
ประเด็นก็คือ ไมนู ไม่ทำให้ผิดหวังเสียด้วย ทำได้ดีทั้งรับรุก เล่นด้วยมาตรฐานดีเยี่ยม ใกล้เคียงกับที่เล่นให้ต้นสังกัด
"โดดเด่นอะไรขนาดนี้... เล่นด้วยความนิ่ง แน่นอน ในเกมลงตัวจริงนัดแรก เดินหน้าด้วยคุณภาพจนนำมาซึ่งจุดโทษของ ไอแวน โทนี่ย์ และแสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นมากกว่าโฮลดิ้งมิดฟิลด์ ด้วยการหาโอกาสจู่โจมขึ้นหน้าอยู่ตลอด มีโอกาสยิงไปติดเซฟนายประตู มีจังหวะเสียบสกัดดีๆ และเพรสซิ่งสูงจนคู่แข่งเกิดข้อผิดพลาด" สกาย สปอร์ตส์ สดุดีเอาไว้
เห็นแบบนี้ ถ้า เซาธ์เกต ยังอุตส่าห์จะเปิดพื้นที่ให้ แคลวิน ฟิลลิปส์ ไปยูโรอีกล่ะก็...
เบลลิงแฮม เดอะ ฮีโร่
แต่แม้ว่า โทนี่ย์ & ไมนู จะโดดเด่นเป็นพิเศษในเกมนี้ อังกฤษ ก็จะแพ้อยู่ดี และเป็นการแพ้นัดที่ 2 ต่อเนื่องกันคาเวมบลีย์
...ถ้าไม่ได้ จู๊ด "เดอะ ฮีโร่" เบลลิงแฮม ช่วยไว้
ที่จริง นี่เพิ่งเป็นประตูที่ 3 เท่านั้น จากการรับใช้ชาติ 29 นัดของมิดฟิลด์ขาห้าววัย 20
แต่ว่าถ้านับใน "ซีซั่นนี้" ทั้งกับ อังกฤษ และ เรอัล มาดริด
บ้าไปแล้ว... นี่คือประตูที่ 22 ของแข้งเจ้าของค่าตัว 103+31 ล้านยูโร
อาจคิดผิดก็ได้ แต่กลิ่นตุๆ ของ บัลลง ดอร์ มันโชยมายังไงไม่รู้...
ถัดจากนี้ของทั้งคู่
ในภาพของเกมรุกร้อนแรง ที่แม้ว่าตัวจะไม่สมบูรณ์ ก็ยังควานหาสกอร์เจอได้นั้น ชัดเจนว่า อังกฤษ ยังคงมีร่องรอยตำหนิที่ "เกมรับ" ซึ่งมาตรฐานตัวผู้เล่นยังไม่ปึ้กพอ
นี่คือการบ้านที่ เซาธ์เกต ต้องสะสางให้ทันก่อนพาทีมไปเยอรมนี
เบื้องต้น อังกฤษ จะมีคิวลับแข้งอีก 2 นัด ก่อน ยูโร รอบสุดท้ายมาถึง
- 3 มิถุนายน พบ บอสเนียฯ
7 มิถุนายน พบ ไอซ์แลนด์
จากนั้นให้หลังอีก 9 วัน คือเกมเปิดหัว ยูโร พบ เซอร์เบีย ที่เกลเช่นเคียร์เช่น (เซอร์เบีย / เดนมาร์ก / สโลวีเนีย)
ด้าน เบลเยียม ก็เช่นกัน จะพบ มอนเตเนโกร 5 มิ.ย. กับ ลักเซมเบิร์ก 8 มิ.ย. ก่อนเตะยูโรนัดแรก ปะทะ สโลวาเกีย (ต่อด้วย โรมาเนีย และ ยูเครน)
สองนัดที่เหลือ ไม่มีอะไรมากกว่า "เตรียมตัวให้พร้อม" เสริมจุดแข็งให้พุ่งพล่าน ปิดจุดอ่อนให้มิด
เหยาะโชคเหยาะดวงลงไปเสริมหน่อย ไม่ว่าใครก็ใคร บางทีอาจมี "แชมป์ยูโรสมัยแรก" รออยู่ปลายทาง