ฟูแล่ม 1-3 ลิเวอร์พูล : เก็บตกหลังเกม พรีเมียร์ลีก นัด หงส์แดง ฟื้นคืนฟอร์มเจ๋ง กลับมาชนะได้อีกรอบ - FEATURE
• แต่ 3 ประตูที่ได้ ก็ช่วยให้ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังอยู่ในเส้นทาง
• ฉากจบกำลังใกล้เข้ามา... กับ 5 เกมที่ยังเหลือ
รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก 2023/24
วันแข่งขัน: วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2567
สนาม: คราเวน ค็อตเทจ
ผลการแข่งขัน: ฟูแล่ม 1-3 ลิเวอร์พูล
เกมที่ 'ต้องเอา'
นี่คือแมตช์ที่ ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้สถานเดียว แพ้ไม่ได้เด็ดขาด หรือแม้แต่เสมอ ก็เหมือนแพ้อยู่ดี
นั่นเพราะในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เด็กๆ ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เข้าสู่ช่วง "แย่ที่สุด" ประจำซีซั่น ของแทร่แทร่วา
ไม่เพียงแต่เสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่สภาพดูไม่ได้ 2-2 และแพ้ คริสตัล พาเลซ เจ้าเก่าเล่ายี่ห้อ 0-1 คาบ้านแล้ว
มันยังมีการแพ้ แมนยู ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย เอฟเอ คัพ เมื่อเดือนก่อน
และไม่สามารถข้ามผ่าน อตาลันต้า ไปได้ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเช่นกัน ของถ้วย ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก
อย่างที่ทราบกันดี จาก "4 แชมป์" ที่เป็นเป้าหมายฝันหวาน ก็ทยอยหลุดมือกันไปทีละอันสองอัน จนพบว่าซีซั่นนี้ มีที่เข้ามือแล้วแค่ คาราบาว คัพ รายการเดียว
ส่วน พรีเมียร์ลีก ก็นั่นล่ะฮะท่านผู้ชม ถ้าชนะเกมนี้ไม่ได้ ก็คง "จบ" ไปด้วยกัน
ฟรีคิกแรกของหงส์
น่าแปลกเหมือนกันว่า จนป่านนี้ที่เป็นเกมที่ 33 ของฤดูกาล ทีมจอมแพรวพราวคุณภาพคับแน่นอย่าง ลิเวอร์พูล ยังไม่เคยได้ประตูจาก "ฟรีคิก" โดยตรง มาก่อนเลย
ใช่แหละที่การยิงฟรีคิก ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ใช่ว่าหงส์แดงชุดนี้จะไม่มีตัวสังหารมือฉมังๆ อยู่ในทีม
ทว่าก็นั่นแหละ ข้อเท็จจริงคือ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็นคนแรกของ ลิเวอร์พูล ซีซั่นนี้ ที่ "จัดแจ่มๆ" ให้ได้สำเร็จ จากฟรีคิกหน้าเขตโทษเยื้องซ้าย นาที 32 ที่แบ็กขวาชาวอังกฤษปั่นด้วยขวาข้ามกำแพงให้ลูกฮุกลงเสียบตาข่ายพอดิบพอดี หมดสิทธิ์ที่ประตูมือดีอย่าง แบร์นด์ เลโน่ จะเอื้อมถึง
และจากประตูนับพันลูกที่มีเกิดขึ้นในซีซั่นนี้จนถึงตอนนี้ TAA ก็เพิ่งเป็นคนที่ 8 เท่านั้นเองที่กระทุ้งตาข่ายได้จาก Direct Freekick
- - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ลิเวอร์พูล)
- ฮูเลียน อัลวาเรซ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
- ฟิล โฟเด้น (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
- ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (เชลซี)
- จอห์น แม็คกินน์ (แอสตัน วิลล่า)
- เอเบเรชี่ เอเซ่ (คริสตัล พาเลซ)
- ไอแวน โทนี่ย์ (เบรนท์ฟอร์ด)
- มัทเธียส เยนเซ่น (เบรนท์ฟอร์ด)
ไรอัน กราเฟนแบร์ก
ต้องยอมรับว่าการเลือกปรับทัพสะบั้นหั่นแหลกของ เยอร์เก้น คล็อปป์ 5-6 ตำแหน่ง โดยเฉพาะแดนกลางที่ปรับทั้งยวง ทำให้เกิดอาการฝืดเคืองติดขัดเล็กน้อยในการเดินเกม
วันนี้ ต้องยอมรับว่า วาตารุ เอ็นโด ไม่เฉิดฉาย
ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ขยัน วิ่งเยอะเหมือนเคย แต่ยังขาดจังหวะเข้าทำสุดท้าย
แต่อย่างไรก็ตาม ไรอัน กราเฟนแบร์ก ก็ยัง "ตอบโจทย์" ให้ได้ในวันที่เพื่อนรอบข้างไม่โดดเด่น
นาที 53 อเล็กซ์ อิโวบี้ จ่ายพลาดไปโดน เอลเลียตต์ ตัดได้กลางสนาม และเจ้าหนูมิดฟิลด์หงส์แดงถ่ายขึ้นหน้าต่อให้ กราเฟนแบร์ก ตะบันเปรี้ยงเข้าประตูไปอย่างยอดเยี่ยม
นี่คือลูกสำคัญยิ่งที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ขยับนำอีกครั้ง 2-1 ในเวลาพอเหมาะพอเจาะ ต้นครึ่งหลังนาที 53 และทำให้หลังจากนั้นพวกเขาเล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้น ก่อนจะปิดเกมได้ด้วยการบวกเพิ่มอีกเม็ด
สำหรับ กราเฟนแบร์ก นี่คือประตูที่ 4 แล้วของมิดฟิลด์ดาวรุ่งดัตช์วัย 21 ภายหลังหอบผ้าหอบผ่อนย้ายมาจาก บาเยิร์น มิวนิค เมื่อซัมเมอร์ (40 ล้านยูโร)
อาจยังไม่ส่งอิทธิพลตูมตามโครมครามเหมือนตอนมี จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม ขับเคลื่อนตรงกลางหงส์ แต่ด้วยผลงาน 4 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ จากจำนวนเกม 34 นัด ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่
และแน่นอน ไม่ใช่การลงทุนที่สูญเปล่าของ ลิเวอร์พูล แต่อย่างใด
ลูกที่ 15 ของ โชต้า
อาจอยู่แบบเงียบๆ ไม่มีปากมีเสียง ฟิตก็ลง ไม่ฟิตก็พัก ไม่ได้ทำตัวเป็นซุปตาร์ประจำแอนฟิลด์
แต่เมื่อ ดีโอโก้ โชต้า อยู่ในสนามเมื่อใด เกมรุกหงส์แดง ก็มักอันตรายมากขึ้นเมื่อนั้น
ประตูที่เกิดขึ้นในนาที 72 ของเกมนี้ ช่วยถ่างสกอร์เป็น 3-1 และการันตีชัยชนะไว้อยู่มือ
นี่คือเม็ดที่ 15 แล้วของกองหน้าโปรตุเกสในซีซั่นนี้
นั่นหมายถึงในช่วงสวมเครื่องแบบหงส์แดง มีแค่ปีเดียวเท่านั้นที่ โชต้า ยิงได้ต่ำกว่าสิบลูก คือวีซั่นที่แล้วซึ่งเจอปัญหาเจ็บหนักพักยาว จนพร้อมเล่นแค่ 28 นัด ซัดเบาะๆ 7 ประตู
- ส่วน 2020/21 มี 13 ประตูจาก 30 นัด
รุ่งขึ้น 2021/22 กด 21 ประตูจาก 55 นัด
และข้ามมาซีซั่นนี้ ซัดแล้ว 15 ตุงจาก 32 เกม
ไม่ว่าจะมีการปรับทัพมากน้อยขนาดไหนในยุค "โพสต์-คล็อปป์" แต่คนนึงที่ ลิเวอร์พูล ต้องเก็บไว้ห้ามปล่อยไปไหนทั้งนั้น ก็คือ ดีโอโก้ โชต้า
อีก 5 นัดท้าย
- อาร์เซน่อล 33 นัด 74 แต้ม
ลิเวอร์พูล 33 นัด 74 แต้ม
แมนฯ ซิตี้ 32 นัด 73 แต้ม
กลางสัปดาห์นี้ น่าตื่นขึ้นถ่างตากลางดึกอีกเหมือนเดิม กับคิวโปรแกรมเพชรบอลพันล้าน
- อังคาร : อาร์เซน่อล v เชลซี
พุธ : เอฟเวอร์ตัน v ลิเวอร์พูล
พฤหัสบดี : ไบรท์ตัน v แมนฯ ซิตี้
แล้วพ้นจากกลางสัปดาห์นี้ไป ก็คือการเข้าสู่ระยะ "นับถอยหลัง" อย่างเป็นทางการ เมื่อ ปืนกับหงส์ จะเหลือคิวเตะกันแค่ฝั่งละ 4 นัด ส่วนเรือมีให้เก็บสแปร์ที่ 5 เกม
จุดจบมีรออยู่แล้วปลายทาง...
แต่ใครจะรู้ได้ล่ะว่าจะจบอย่างไร... เผลอๆ อาจมีวัดผลด้วย "ผลต่างประตูได้เสีย" เหมือนที่ซูเปอร์คอมฯ ทำนายไว้ ก็-เป็น-ได้