ควันหลงหลังเกมนัดชิง คาราบาว คัพ ลิเวอร์พูล เชือด เชลซี ต่อเวลา คว้าแชมป์สั่งลา เยอร์เก้น คล็อปป์ - FEATURE

• แม้โอกาสลุ้นจะมีไม่น้อย แต่ผลออก 0-0 ใน 90 นาที
• ทว่าก่อนจะต้องไปดวลจุดโทษชี้ขาด ลิเวอร์พูล ก็เจาะตาข่ายเข้าสำเร็จ
• หงส์แดง ครองแชมป์ คาราบาว คัพ 2024 เป็นการอำลา เยอร์เก้น คล็อปป์
Chelsea v Liverpool - Carabao Cup Final
Chelsea v Liverpool - Carabao Cup Final / Robin Jones/GettyImages
facebooktwitterreddit

รายการ: นัดชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ 2024
วันแข่งขัน: อาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567
สนาม: เวมบลีย์ สเตเดี้ยม
ผลการแข่งขัน:
เชลซี 0-0 ลิเวอร์พูล, ต่อเวลา ลิเวอร์พูล ชนะ 1-0


เกมแห่งความไม่สมบูรณ์

ในขณะที่ เชลซี คงถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จะมีสภาพทีมไม่สมบูรณ์ ในการเดินลงสนามแต่ละนัด

เกมสำคัญนัดนี้ ไม่ถือว่าเปลี่ยนไปจากระยะหลังมากนัก ที่แปลกๆ หน่อยคือ กุนซืออาร์เจนไตน์เลือกจะกลับไปใช้งาน นิโคลัส แจ๊คสัน ยืนหน้าเป้าอีกครั้ง นอกนั้นคงเดิม ราฮีม สเตอร์ลิ่ง - คอนเนอร์ กัลลาเกอร์, โคล พาลเมอร์

ที่ต่างไปนิดคือหลังบ้าน ปรากฏว่า ติอาโก้ ซิลวา เจ็บเพิ่มไปอีกคน และกลายเป็น ลีวาย โคลวิลล์ ได้ลงจับคู่กับ อักเซล ดิซาซี่ แทน

ฝั่ง เยอร์เก้น คล็อปป์ แม้ไม่ได้มีข่าวร้ายเพิ่มเติม ไม่ได้เสียใครไปเพิ่มก่อนเกม แต่ก็ควรถือว่าการที่ไม่มีข่าวดี ไม่มีตัวที่ล้มเจ็บไปในระยะหลัง ฟิตกลับมาทันเวลา "แม้แต่รายเดียว" นั้น เข้าข่ายข่าวร้ายนั่นเอง

เพราะฉะนั้น รายชื่อวันนี้...

เชลซี : เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, รีซ เจมส์, เบอนัวต์ บาเดียชิล, มาร์ก กูกูเรย่า, โรมิโอ ลาเวีย, เลสลี่ย์ อูโกชุควู

ลิเวอร์พูล : อลิสซอน เบ็คเกอร์, สเตฟาน ไบจ์เซติช, โจเอล มาติป, ติอาโก้ อัลกันตาร่า, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เคอร์ติส โจนส์, โดมินิค โซบอสซ์ไล, ดีโอโก้ โชต้า, ดาร์วิน นูนเยซ, โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ไม่ใช่ตัวลงนะ ตัวเจ็บล้วนๆ !

Mohamed Salah, Darwin Nunez
Chelsea v Liverpool - Carabao Cup Final / Julian Finney/GettyImages

ใครกันหนอ

สืบเนื่องจากความไม่สมบูรณ์ของขุมกำลังสองฝั่ง ก็ทำให้ต่างฝ่ายต่างใส่ชื่อบรรดาดาวรุ่งหน้าใหม่ ใครกันนะครับน้องๆ ลงหลายรายทีเดียว

รู้จักกันหน่อยแบบพอสังเขป เผื่อโตไปดังขึ้นมา...

ชิมี่ ทัวริไอเน่น : ตัวรุกฟินแลนด์ เด็กปั้น เชลซี สามารถเล่นได้ทั้งกลางและหน้า อายุแค่ 19 แต่ส่วนสูงปริ่มๆ 190 ซม. เป็นลูกชายของ พาซี่ ทัวริไอเน่น อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติฟินแลนด์ ปลายยุค 80 ต่อต้น 90

บิลลี่ จี : กองกลางลอนดอนเนอร์วัย 18 ค่ายสิงห์น้ำเงิน ถนัดเล่นกลางรับ แต่ก็ถอยไปยืนเซนเตอร์แบ็กได้อยู่ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยเล่นชุดใหญ่มาก่อนเลย

บ๊อบบี้ คล้าร์ก : ผ่านการเล่นทีมชุุดใหญ่ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว 6 เกมในซีซั่นนี้ และถือเป็นหนึ่งในกองกลางเด็กอังกฤษที่น่าจับตามอง เพิ่งอายุครบ 19 ได้ไม่กี่วัน และเริ่มติดทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชน ไล่มาตั้งแต่ ยู-15 จนถึง 19

เจมส์ แม็คคอนเนลล์ : หนุ่มเหนือชาวเมืองนิวคาสเซิ่ล เข้าสู่อะคาเดมี่หงส์แดงตอนอายุ 14-15 และดูจะ "เก่งเกินวัย" จนทีม ยู-18 ลิเวอร์พูล เรียกตัวไปเล่นแบบแบกอายุในวัย 16 ขวบ เช่นเดียวกับตอนนี้ที่เริ่มแทรกซึมเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ในวัย 19

เทรย์ ไนโอนี่ : มิดฟิลด์เด็กแสนเด็ก อายุ 16 เท่านั้นเองที่ ลิเวอร์พูล ดึงมาจากอะคาเดมี่ เลสเตอร์ ซิตี้ เพื่อปั้นต่อ โดยมีเชื้อสายแอฟริกันซิมบับเว และ คล็อปป์ ประทับใจฟอร์มด้วยตาตัวเอง จากการได้เข้าร่วมซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ปีที่แล้ว

ลูอิส คูมาส : กองหน้า-กองกลาง ตัวเยาวชนทีมชาติเวลส์ ชุดยู-19 ในขณะที่ตัวเขาอายุแค่ 18 เท่านั้น และย้ายจาก ทรานเมียร์ โรเวอร์ส มาสู่แคมป์เยาวชน ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ 2016 เป็นต้นมา

เจย์เดน แดนน์ส : หอกหัวฟูวัย 18 ตัวทีมชาติอังกฤษรุ่นยู-18 ลูกชาย นีล แดนน์ส อดีตกองกลาง คริสตัล พาเลซ เพิ่งขึ้นชั้นมาเล่นให้ทีมของ คล็อปป์ ในช่วงสัปดาห์นี้เอง โดยประเดิมเกม พรีเมียร์ลีก นัดชนะ ลูตัน ทาวน์ 4-1

Lewis Koumas, Jayden Danns, Trey Nyoni
Chelsea v Liverpool - Carabao Cup Final / Nigel French/Allstar/GettyImages

เด่นที่นายประตู

จากที่ยิงกันสลุต ลิเวอร์พูล ถล่ม เชลซี 4-1 สิ้นเดือนที่แล้ว กลายเป็นว่า 90 นาทีที่เวมบลีย์ อันมีเดิมพันอยู่ที่ "แชมป์แรก" ของมุมน้ำเงิน กับ "แชมป์สุดท้าย" ของมุมแดง

กลับไปเข้าอีหรอบเดิม คือ "กินกันไม่ลง" เหมือนหลายๆ ปีที่ผ่านมา

  • ส.ค. 2021 เสมอ 1-1

    ม.ค. 2022 เสมอ 2-2

    ก.พ. 2022 เสมอ 0-0 (ลิเวอร์พูล ชนะจุดโทษ 11-10 คาราบาว คัพ)

    พ.ค. 2022 เสมอ 0-0 (ลิเวอร์พูล ชนะจุดโทษ 6-5 เอฟเอ คัพ)

    ม.ค. 2023 เสมอ 0-0

    เม.ย. 2023 เสมอ 0-0

    ส.ค. 2023 เสมอ 1-1

    (ม.ค. 2024 ลิเวอร์พูล 4-1)

    และ ก.พ. 2024 ก็ออกเสมอ 0-0 จนต้องต่อเวลาตัดสิน

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เกมที่ "จืดชืด" แต่อย่างใด ตรงกันข้าม ต่างฝ่ายต่างก็สร้างสรรค์โอกาสจบสกอร์ได้ไม่น้อย

ครึ่งแรก : เชลซี ยิง 3 เข้ากรอบ 2 / ลิเวอร์พูล ยิง 8 เข้ากรอบ 3

ครึ่งหลัง : เชลซี ยิง 14 เข้ากรอบ 6 / ลิเวอร์พูล ยิง 17 เข้ากรอบ 6

ปัญหาก็คือ นี่คือวันที่ทั้ง ยอร์เย่ เปโตรวิช กับ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ห้อยพระเครื่องสักยันต์ลงคาถามาพร้อม -- เหนียวทั้งคู่

เปโตรวิช ต้องเซฟถึง 3-4 รอบใน 15 นาทีแรก ทั้งจาก หลุยส์ ดิอาซ และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และมามีเซฟสำคัญตอนต่อเวลา น.115 ที่ป้องกันลูกโขกของ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ที่เสาแรกได้แบบใจหายใจคว่ำ ฟอร์มแบบนี้ หลายเสียงแฟนบอลบอก เป็นมือ 1 แทน โรเบิร์ต ซานเชซ (เกมนี้ฟิตกลับมานั่งสำรอง) ยาวๆ ไปเลยดีกว่า

ฝั่ง เคลเลเฮอร์ ก็มีเซฟสำคัญในนาทีที่ 21 จังหวะซัดจ่อๆ ของ โคล พาลเมอร์ หรือ คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ และจากนั้นก็ชัวร์มากตลอดเกม ทั้งโอกาสของ เชลซี 3-4 หนซ้อนตอนท้ายเกม และช่วงต่อเวลาที่ โนนี่ มาดูเอเก้ ได้ยิงแฉลบเข้าหา ล้วนแต่ไม่ผ่านเซฟทั้งหมด เรียกว่าลืม อลิสซอน เบ็คเกอร์ ไปได้เลยสำหรับวันนี้

Caoimhin Kelleher, Conor Gallagher
Chelsea v Liverpool - Carabao Cup Final / Robbie Jay Barratt - AMA/GettyImages

ยังเพียบด้วยรายละเอียด

นอกจากโอกาสลุ้นประตูที่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาและกินนายทวารทั้งคู่แทบไม่ลง (จนกระทั่ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โขกเตะมุม น.118) เกม 120 นาทีที่เวมบลีย์ ยังอัดแน่นไปด้วยรายละเอียดอีกเพียบ สมกับเป็นนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย

ลิเวอร์พูล มีโอกาสใกล้เคียงต่อประตูอย่างยิ่ง จังหวะที่ โคดี้ กัคโป ขวิดไปชนเสาเข้าอย่างจัง

เชลซี เองก็หวุดหวิดเฉียดฉิวประมาณเดียวกัน จังหวะที่ คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ ตวัดยิงไปกระแทกเสาเข้าเต็มๆ

ในเรื่องของการตัดสินของท่านเปา คริส คาวานาจ์ ก็มีบ้างบางจังหวะที่ออกจะค้านสายตา และ ลิเวอร์พูล ดูเป็นฝ่ายเสียประโยชน์จากทั้งสอง

เริ่มที่ในครึ่งแรก มอยเซส ไคเซโด้ เปิดปุ่มย่ำใส่ ไรอัน กราเฟนแบร์ก แบบไม่ติดเบรค จนฝ่ายหลังเล่นต่อไม่ไหว ต้องหามออกจากสนามไปก่อนถึงครึ่งชั่วโมงแรกของเกม

หลายๆ ฝ่ายมองว่า ไคเซโด้ สามารถโดนใบแดงเอาได้ง่ายๆ หรืออย่างน้อยก็ควรมีการพิจารณาภาพช้าซ้ำสักนิด แต่ปรากฏว่า มิดฟิลด์ เชลซี ไม่โดนแม้แต่ใบเหลือง

จากนั้นลูกโขกแรกของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่ตัดหน้า เบน ชิลเวลล์ ทิ่มตุงตาข่าย ก็ถูกจับล้ำหน้าไปแบบงงๆ

หลายฝ่ายพยายามตีความว่า เป็นเพราะ วาตารุ เอ็นโด ไปขัดขวางการเล่นของแนวรับสิงห์น้ำเงิน และตัวเองยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ก็เลยโดนเป่ายกเลิกประตูไปเสีย

ที่สุดแล้ว เรื่องนี้ยังคงเข้าข่าย "ดุลยพินิจ" ของผู้ตัดสิน ที่แม้จะค้านสายตาหลายๆ ฝ่ายไปบ้าง แต่เมื่อผู้มีอำนาจสูงสุดกลางสนาม เลือกแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ก็ต้องเป็นแบบนี้ไป

Virgil Van Dijk
Chelsea v Liverpool - Carabao Cup Final / Julian Finney/GettyImages

ไม่เกินจริง

หนึ่งในประโยคที่ปลิวว่อนโลกโซเชียลหลังจบเกม คือการที่ แกรี่ เนวิลล์ บอกว่า "ช่วงต่อเวลาพิเศษเป็นการดวลกันระหว่างเด็กๆ ของ คล็อปป์ กับฝั่งสีน้ำเงินที่มีมูลค่าหลายพันล้านปอนด์ แต่กลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง"

ก็ควรถือว่า "ไม่เกินจริง" แต่อย่างใด

เพราะค่อนข้างชัดอยู่แล้วว่า เกมนี้ ลิเวอร์พูล ดูเป็นฝ่ายน่าชนะมากกว่า โอกาสเข้าทำจะแจ้งกว่า และโดยเฉพาะในช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาที ที่ก็ ลิเวอร์พูล นั่นเองที่เป็นฝ่ายพยายามคว้าชัย ในขณะที่ เชลซี ส่อเจตนาค่อนข้างชัดว่าหวังยื้อไปจนตัดสิน 50:50 ด้วยการดวลจุดโทษ

ซึ่งในช่วงต่อเวลานั่น คล็อปป์ ส่งเด็กลงมาบู๊ทั้ง บ๊อบบี้ คล้าร์ก, เจย์เดน แดนน์ส และ เจมส์ แม็คคอนเนลล์ ไม่นับ จาร์เรลล์ ควอนซาห์ ที่คงถือเป็นสมาชิกทีมชุดใหญ่ไปเต็มตัวแล้ว

สำหรับ เชลซี ถ้าจะโทษอะไร ก็คงต้องโทษนโยบายของ ท็อดด์ โบห์ลี่ และทีมงานเบื้องหลังสรรหานักเตะเข้าสู่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ มากกว่าจะตำหนิติเตียนเฮดโค้ชอย่าง โปเช็ตติโน่

เพราะในการจ่ายเสริมทัพไปร่วมพันล้านปอนด์นั่น ถามว่ามีสักกี่คน กี่สิบกี่ร้อยล้านปอนด์กัน ที่ประสบความสำเร็จ แกะซองปุ๊บกินได้ปั๊บ

นอกนั้น, ถ้าไม่ล้มเหลว, ก็ล้วนแต่ต้องใช้เวลาเพาะบ่มประสบการณ์ เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแกร่งต่อไป

ซึ่งเผอิญว่า เวลานั้นยังไม่บรรจบกับนัดชิง คาราบาว คัพ วันนี้

Christopher Nkunku, Ibrahima Konate
Chelsea v Liverpool - Carabao Cup Final / Mike Hewitt/GettyImages

พระรองตลอดศก

เหนื่อยจนท้อ ต้องรออีกนานเท่าไหร่...

แม้ โปเช็ตติโน่ จะพูดไทยไม่ได้ แต่ก็อาจฮัมเพลงนี้อยู่ในใจ เมื่อเขายังคงต้องเป็น "รองแชมป์" ต่อไป โดยไม่สามารถเอื้อมมือไปคว้าโทรฟี่มาฉลองได้อีกครั้ง ถัดจากช่วงเวลากับ สเปอร์ส นานปี และเริ่มต้นนัดชิงถ้วยแรกกับ เชลซี ที่นี่

เช่นกัน คล็อปป์ ยังต้องทำใจยอมรับความพ่ายแพ้ต่อ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต่อไปอีกนัด และหวังว่าในถ้วย เอฟเอ คัพ ที่ต่างก็ยังอยู่ในเกมด้วยกันทั้งคู่ จะไม่โคจรมาพบกันอีกในรอบถัดๆ ไป

14 เกมของการประมือกัน คล็อปป์ชนะ 8 ที่เหลือ โปเช็ตติโน่ ชนะ 1 เกมถ้วนๆ เท่านั้น

ที่สำคัญอีกอย่างคือ เชลซี ยังแพ้ "เกมชิงชนะเลิศในเวมบลีย์" มาแล้วถึง 6 ครั้งติดต่อกัน

  • 2019 คาราบาว คัพ : แพ้จุดโทษ แมนฯ ซิตี้ 3-4

    2020 เอฟเอ คัพ : แพ้ อาร์เซน่อล 1-2

    2021 เอฟเอ คัพ : แพ้ เลสเตอร์ ซิตี้ 0-1

    2022 คาราบาว คัพ : แพ้จุดโทษ ลิเวอร์พูล 10-11

    2022 เอฟเอ คัพ : แพ้จุดโทษ ลิเวอร์พูล 5-6

    2024 คาราบาว คัพ : แพ้ต่อเวลา ลิเวอร์พูล 0-1
Conor Gallagher, Mauricio Pochettino
Chelsea v Liverpool - Carabao Cup Final / Mike Hewitt/GettyImages

แชมป์สุดท้าย บ๊ายบาย คล็อปป์

สำหรับ ลิเวอร์พูล อย่างที่บอกว่าก่อนเกมแล้วว่า อันที่จริง มองจากดาวอังคารลงมาก็เห็นว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ มี คาราบาว คัพ เป็นเป้าหมาย...ซะที่ไหนกันล่ะ!?!

เพราะ คล็อปป์ ซื่อสัตย์ชัดเจนกับถ้วยนี้มาแต่แรกว่า "เข้าก็ดี ตกก็ได้ ไม่ซีเรียส" แต่เมื่อปีนี้กรุยทางผ่านมาได้ทีละรอบๆ ไม่ตกเสียที ก็ถึงเวลาต้องซีเรียสเข้าให้บ้าง

น่าปรบมือให้อย่างยิ่ง กับการที่อุตส่าห์ขาดนักเตะเจ็บแล้ว 10 คน ก็ยัง "ไม่ยุบ" และฮึดขึ้น เบียดชนะช่วงต่อเวลาได้ 1-0

ลิเวอร์พูล ครองแชมป์ ลีก คัพ เป็นสมัยที่ 10 มากที่สุดตลอดกาล (แมนฯ ซิตี้ 8, แมนฯ ยูไนเต็ด 6)

และแน่นอนว่า นี่คือแชมป์ คาราบาว คัพ ใบสั่งลาของ คล็อปป์ ก่อนที่จะวางมือไปจากงานที่ แอนฟิลด์ ซัมเมอร์นี้

อย่างไรก็ตาม 1 มาแล้ว ก็น่าลุ้นต่อว่า 2-3-4 จะมาไหม

เอฟเอ คัพ : พุธนี้ เตะรอบ 5 กับ เซาแธมป์ตัน

พรีเมียร์ลีก : นำจ่าฝูงเหนือ แมนฯ ซิตี้ 1 แต้ม กับ อาร์เซน่อล 2 แต้ม หลังผ่าน 26 นัด

ยูโรป้า ลีก : รอบ 16 ทีมไม่น่าใช่ปัญหา กับคู่แข่งอย่าง สปาร์ต้า ปราก จากเช็ก (7 / 14 มี.ค.) และคงอยู่ที่ชื่อชั้นคู่แข่งแต่ละรอบ ว่า ลิเวอร์พูล จะไปสุดที่ตรงไหน

ถ้วยเล็กสุดมาแล้ว...มีโอกาสเลยที่จะไม่ใช่แค่ใบเดียว

แต่จะ 2 หรือ 3 หรือ 4 โปรดติดตามตอนต่อไป...

Jurgen Klopp
Chelsea v Liverpool - Carabao Cup Final / Nigel French/Allstar/GettyImages