ลิเวอร์พูล 4-1 ลูตัน : เก็บตกหลังเกม พรีเมียร์ลีก นัด หงส์แดง กำชัยได้ตามเป้าแม้ (จำใจ) ปรับส่งสำรองเพียบ - FEATURE
• เปลี่ยน 5 ตัวจากนัดก่อน และครึ่งแรกก็เป็นฝ่ายตามหลัง
• แต่ครึ่งหลังยังฮึดขึ้น รัว 4 เม็ดจนคว้าชัยได้ต่อเนื่อง
รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก 2023/24
วันแข่งขัน: วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567
สนาม: แอนฟิลด์
ผลการแข่งขัน: ลิเวอร์พูล 4-1 ลูตัน ทาวน์
32 ปีที่รอคอย
ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ ลูตัน ทาวน์ อาจเพิ่งเจอกันไปเมื่อ 5 พ.ย. และออกผลเซอร์ไพรส์อย่างการเสมอ 1-1 ที่ เคนิลเวิร์ธ โร้ด (หลุยส์ ดิอาซ 90+5) รวมถึงย้อนไปก่อนนี้ก็มีเจอกันบ้างประปรายในบอลถ้วย
แต่ข้อเท็จจริงคือ นี่เป็นการพบกัน "ครั้งแรก" ที่แอนฟิลด์ ในศึก พรีเมียร์ลีก
ความที่ ลูตัน ทาวน์ ตกชั้นจากลีกสูงสุดไปนานแสนนานและเพิ่งจะขึ้นมาสูดอากาศ พรีเมียร์ลีก หนแรกก็ในซีซั่นนี้เองเท่านั้น ทำให้นี่คือทริปเยือน แอนฟิลด์ หนแรกสุดเลยของพวกเขา สำหรับเกมลีก
การมาแอ่วแอนฟิลด์หนก่อนในลีก ต้องย้อนไปไกลโพ้นถึง 32 ปีที่แล้ว ยุคสมัยที่ยังคงเป็น "ดิวิชั่น 1 โบราณ" ม.ค. 1992 (ซีซั่น 1991/92) สตีฟ แม็คมานามาน กับ ดีน ซอนเดอร์ส ซัดคนละเม็ดใน 5 นาทีท้าย พลิกสกอร์จากตามหลังมาเป็นชนะ 2-1
สำหรับเกมนี้ ลูตัน ทาวน์ คงมาเยือนแบบกล้าๆ กลัวๆ เมื่อแม้ว่าฟอร์มกลางสนามจะไม่แย่ แถมมีแรงส่งจากปัญหาสภาพทีม ลิเวอร์พูล แต่พวกเขาก็ชนะแค่เกมเดียวเท่านั้นจากระยะ 6 นัดหลัง โดยเฉพาะล่าสุดที่แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด คาบ้าน 1-2 อย่างโชคไม่ช่วย ทั้งที่เล่นดีแล้ว
ในทางตรงกันข้าม เยอร์เก้น คล็อปป์ อาจเจอปัญหาตัวเจ็บเพิ่มจนน่าปวดหัว แต่ ลิเวอร์พูล ก็ชนะมาถึง 6 จาก 7 เกมหลังสุด
และเกมนี้ที่ถูก "ขยับขึ้นหน้า" มาเนื่องจากสุดสัปดาห์จะเตะ คาราบาว คัพ นัดชิง ก็จัดเป็นเกมที่ "ต้อง 3 แต้มเต็ม" เท่านั้นด้วย หลังโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไล่จี้มาเหลือแต้มเดียว จากเกมตกค้างชนะ เบรนท์ฟอร์ด 1-0 ใน 24 ชั่วโมงก่อนหน้า
11 คนแรกแบบ 'ว้าวซ่า'
เกมที่แล้ว เยอร์เก้น คล็อปป์ ขาดตัวเจ็บไปทั้ง อลิสซอน เบ็คเกอร์, สเตฟาน ไบจ์เซติช, โจเอล มาติป, ติอาโก้ อัลกันตาร่า, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ โดมินิค โซบอสซ์ไล เท่ากับนับรวมได้ 7 คน
แต่มาวันนี้ ต้องบวกเพิ่มไปอีก 4 คน : ดีโอโก้ โชต้า, ดาร์วิน นูนเยซ, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เคอร์ติส โจนส์
นั่นเท่ากับ 1) คล็อปป์ ขาดขุนพลตัวหลักไปถึง 11 รายในเกมนี้
และ 2) อีก 4 วันข้างหน้า ชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ
เพราะฉะนั้น แม้ไม่อยากโรเตชั่น ก็จำเป็นและจำใจต้องทำ ผลคือการเปลี่ยน 5 ตำแหน่งจากนัดก่อน โจ โกเมซ กลับมายืนแบ็กซ้าย (พัก แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ให้พร้อมเล่นนัดชิง), จาร์เรลล์ ควอนซาห์ ลงมาจับคู่เซนเตอร์กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, ไรอัน กราเฟนแบร์ก ออกสตาร์ทกลางสนาม และข้างหน้า กลายเป็นแผงใหม่ที่ไม่ค่อยจะเคยเห็น (หรือไม่เคยเลย) เล่นด้วยกันเท่าไหร่
หลุยส์ ดิอาซ - โคดี้ กัคโป - ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์
อย่าหวังถึงสำรอง
ด้วยไลน์อัพนี้ ยังหมายถึงว่า ลิเวอร์พูล ต้องเช็คบิลให้ได้ภายใน 11 คนแรกนี่แหละ อย่าหวังถึง "กำลังสำรอง" ว่าจะลงมาเปลี่ยนเกม พลิกสถานการณ์ได้
เพราะ 9 คนที่ข้างสนาม ประกอบด้วย
1. ประตูสำรอง อาเดรียน
2. กองหลังสำรอง 3 ราย - อิบราฮิมา โกนาเต้, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, คอสตาส ซิมิคาส
3. ก๊วนเด็กเยาวชน 5 ราย
บ๊อบบี้ คล้าร์ก : กองกลางวัย 19 ก่อนนี้มีแทรกขึ้นเล่นชุดใหญ่มาแล้วบางนัด ซีซั่นนี้ก็เล่นไปแล้ว 5 เกม
ไคเด้ กอร์ดอน : ปีกวัย 19 เคยยิงประตูในทีมชุดใหญ่มาแล้ว 1 ลูก ใน เอฟเอ คัพ
เจมส์ แม็คคอนเนลล์ : มิดฟิลด์วัย 19 มีได้เล่นตัวจริงใน เอฟเอ คัพ ซีซั่นนี้ไปบ้างแล้ว
เจย์เดน แดนน์ส : กองหน้าอายุ 18 เท่านั้น ลูกชายของ นีล แดนน์ส อดีตแข้ง คริสตัล พาเลซ, เลสเตอร์, โบลตัน ฯลฯ
เทรย์ ไนโอนี่ : กองกลางเด็กอายุแค่ 16 เพิ่งย้ายจากอะคาเดมี่ เลสเตอร์ มาร่วมทีมเด็กหงส์ได้ไม่นาน
ครึ่งแรกที่แย่ (อีกครั้ง)
เกือบจะคล้ายๆ นัดก่อน ที่ ลิเวอร์พูล มีครึ่งแรกที่น่าหงุดหงิด ไม่ได้ทำให้กองเชียร์ได้เชียร์อย่างสบายใจ
แต่แตกต่างตรงที่ เกมก่อน แย่เพราะเสียตัวเจ็บพรวดเดียว 3 คน แต่ยังขึ้นนำ เบรนท์ฟอร์ด ได้ 1-0 (ดาร์วิน นูนเยซ ตักหล่อๆ)
มาวันนี้ แย่เพราะ, ทั้งที่ก็เล่นดี, แต่ดันเสียประตูให้กับ ลูตัน ทาวน์ ไปก่อน จังหวะทุ่มข้างสนามที่บอลมาถึง ทาฮิธ ชอง ตะบันยัดไปหาเซฟของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ แล้วบอลปลิ้นไปเสาสอง เสร็จ ชิโดซี่ อ๊อกเบเน่ เช็คบิลประตูที่ 4 ของตัวเองซีซั่นนี้
สภาพทีมไม่พร้อม ตัวสำรองแก้เกมไม่มี แล้วยังต้องเป็นฝ่ายตามหลัง
เมื่อสิ้นครึ่งแรกลงไปที่สกอร์ 0-1 จึงน่าหวาดหวั่นเป็นพิเศษของ เดอะ ค็อป ว่าครึ่งหลังจะกลับมาไหว หรือแยกย้ายเข้านอนดีกว่า
หวิดหลับแต่กลับมาไหว
แต่ชัดเจนว่า คุณภาพของ ลิเวอร์พูล ด้วยตัวผู้เล่นชุดนี้ ก็ยังมากเกินกว่าที่ ลูตัน ทาวน์ จะเอาอยู่
ลิเวอร์พูล เหมือนบิดรูบิคแค่แกร๊กเดียว ลงล็อก และพลิกให้เกมนี้กลายเป็นของพวกเขาอย่างสมบูรณ์
น.56 อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ สาดเตะมุมให้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โขกที่จุดนัดพบ ตีเสมอ 1-1
น.58 อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ตวัดเปิดจากสุดเส้นหลังขวาให้ โคดี้ กัคโป ทิ่มโขกแสกหน้า โธมัส คามินสกี้ 2-1
น.71 แอนดี้ โรเบิร์ตสัน จิ้มให้ หลุยส์ ดิอาซ กระชากเข้าไปส่องยัดเสาแรก 3-1
ปิดท้าย น.90 ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ เก็บตกลูกสกัดของกองหลัง ซัดป้าบเสยตาข่ายไม่ต้องสืบ 4-1
ป้ายถัดไป คาราบาว คัพ
ชนะ 7 จาก 8 เกมหลัง และทิ้งระยะเหนือ แมนฯ ซิตี้ ชั่วคราว 4 แต้ม
แน่นอนว่าระดับ "ความมั่นใจ" ของ ลิเวอร์พูล นาทีนี้ พร้อมชนทุกทีม อย่าว่าแต่ เชลซี
แต่ก็อีกนั่นแหละ ปัญหาขาดตัวเจ็บไปพร้อมกัน 11 คน คือเรื่องน่ากังวลอย่างยิ่งของ คล็อปป์ ก่อนถึงเกมชิงถ้วยแรกของซีซั่นนี้
ประเมินจากทิศทางของกระแสข่าว ดูมีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาทันเวลา อย่างน้อย 2-3 คน เช่น โดมินิค โซบอสซ์ไล, ดาร์วิน นูนเยซ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แต่ที่เหลืออีก 7-8 ไม่น่าฟื้นทัน
นั่นเท่ากับ ลิเวอร์พูล จะลงสู่ เวมบลีย์ วันอาทิตย์นี้ด้วยสภาพทีมที่ไม่สมบูรณ์ และสภาพร่างกายก็อาจเป็นรอง เชลซี ที่ได้พักมาตลอดสัปดาห์
เพียงแต่ว่า การเจอกันเมื่อเร็วๆ นี้ (31 ม.ค.) จบลงด้วยชัยชนะขาดลอยของ ลิเวอร์พูล 4-1 แบบที่หงส์เหนือกว่าสิงห์แบบเบ็ดเสร็จ และที่จริงก็น่าชนะมากกว่า 4 เม็ดด้วย
สภาพทีมอาจต่างไป แต่ใครจะรู้ หนังม้วนเดิมอาจถูกฉายซ้ำขึ้นมาอีก ก็เป็นได้...
