ย้อนรอยเกมแบ่งแต้มเดือด ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเจ๊า อาร์เซนอล สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา - FEATURE

  • ลิเวอร์พูล เสมอกับ อาร์เซนอล แบบสุดมันส์เมื่อวันเสาร์
  • เยอร์เก้น คล็อปป์ เจอปัญหานักเตะบาดเจ็บ
  • “หงส์แดง” ยังคงอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์
Liverpool FC v Arsenal FC - Premier League
Liverpool FC v Arsenal FC - Premier League / Michael Regan/GettyImages
facebooktwitterreddit

ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำทัพของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ยังคงไม่พบกับชัยชนะในลีก 2 เกม “บิ๊กแมทช์” ล่าสุด หลังจากเปิดสนาม แอนฟิลด์ ไล่ตามตีเสมอ อาร์เซนอล 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

แม้จะต้องเป็นฝ่ายไล่ตามตีเสมอ แต่เกมนี้นักเตะ ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นถึงความกระหาย มุ่งมั่น และทุ่มเทอย่างเต็มที่ รวมทั้งมีโอกาสหลายจังหวะที่จะสามารถยิงประตูชัยเหนือ อาร์เซนอล ได้ แต่พลพรรค “หงส์แดง” ไม่เด็ดขาดจนสุดท้ายต้องแชร์แต้มกันไป

Kostas Tsimikas
Liverpool FC v Arsenal FC - Premier League / Michael Regan/GettyImages

อย่างไรก็ตาม ปัญหาของ ลิเวอร์พูล หลังจมเกบคือ อาการบาดเจ็บหัวไหล่ของ คอสตาส ซิมิกาส แบ็คซ้ายทีมชาติกรีซ ที่ถูก บูกาโย ซากา ปีก อาร์เซนอล เข้าปะทะก่อนจบครึ่งแรก และต้องโดนเปลี่ยนตัวออกทันที ซึ่งมีโอกาสที่ต้องพักยาวหลายสัปดาห์

ลิเวอร์พูล แทบไม่เหลือตัวเลือกในแนวรับฝั่งซ้ายที่เป็นแบ็คธรรมชาติอีกแล้ว หลังจาก แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่ได้รับบาดเจ็บไปก่อนหน้านี้ก็ยังไม่พร้อมลงสนาม โดยจะเหลือเพียง โจ โกเมซ กองหลังสารพัดประโยชน์ เป็นตัวเลือกในทีมชุดใหญ่เพียงรายเดียวเท่านั้น

ขณะเดียวกัน มีประเด็นถกเถียงกันภายในเกมอีกครั้ง ภายหลังผู้ตัดสิน คริส คาวานาห์ ไม่เป่าจุดโทษให้กับ ลิเวอร์พูล จากจังหวะที่ มาร์ติน โอเดการ์ด กองกลางกัปตันทีม อาร์เซนอล มือโดนบอล ซึ่ง เดวิด คูต ผู้ตัดสิน VAR ก็ปล่อยผ่านไป

ในฝั่งบรรดากูรูเสียงแตกเป็น 2 ฝั่ง โดยกลุ่มแรกมองว่า จังหวะของ โอเดการ์ด นั้น มันเป็นแฮนด์บอลอย่างชัดเจน แต่อีกกลุ่มมองว่า เพลย์เมคเกอร์ชาวนอร์เวย ลื่นล้ม และมือโดนบอลแบบไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งกรรมการตัดสินได้ถูกต้องแล้ว

Kai Havertz, Wataru Endo
Liverpool FC v Arsenal FC - Premier League / Michael Regan/GettyImages

หลังจบเกม นักเตะ ลิเวอร์พูล สมควรได้รับคำชื่นชมจากฟอร์มที่โดดเด่น เริ่มจาก วาตารุ เอ็นโด กองกลางกัปตันทีมชาติญี่ปุ่น ที่ยืนปักหน้าแผงแนวรับได้อย่างยอดเยี่ยม ควบคุมเกม และตัดบอลจากแนวรุกทีมเยือนได้อย่างเด็ดขาด

ขณะที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็คขวารองกัปตันทีม ลิเวอร์พูล ก็ฟอร์มดีต่อเนื่อง และแอสซิสต์ไป 1 ครั้งให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รวมถึงสร้างสถิติใหม่เป็นกองหลังที่ทำแอสซิสต์มากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก เทียบเท่ากับเพื่อนร่วมทีม “หงส์แดง” อย่าง โรเบิร์ตสัน ที่จำนวน 57 ครั้ง 

อิบราฮิมา โกนาเต้ กองหลังชาวฝรั่งเศสยืนเป็นกำแพงเหล็กในแนวรับให้ ลิเวอร์พูล ได้โดดเด่นตลอดทั้งเกม และเล่นแทบไม่มีข้อผิดพลาดเลย รวมถึงผ่านบอลขึ้นหน้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งทำให้ เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ เซ็นเตอร์แบ็คกัปตันทีมงานเบาไปพอสมควร

ลิเวอร์พูล ไม่มีเวลาที่นคิดถึงผลการแข่งขันในเกมนี้อีกแล้ว เนื่องจากโปรแกรมการแข่งขันช่วงคริสต์มาสแทบไม่มีเวลาให้พักมากนัก โดยลูกทีมของ คล็อปป์ จะกลับมาลงสนามอีกครั้งในวันบ็อกซิ่งเดย์ด้วยการออกไปเยือน เบิร์นลีย์ ที่กำลังมั่นใจ

ฤดูกาล 2023-2024 เพิ่งจะผ่านมาเพียงครึ่งทาง แต่ ลิเวอร์พูล เวอร์ชั่น 2.0 ของ คล็อปป์ ก็ยังคงอยู่ในเส้นทางที่ดี และมีลุ้นแชมป์ครบทุกรายการ ซึ่งทำให้สาวก “เดอะ ค็อป” คงพอใจกับผลงานของทีมที่กำลังสร้างขึ้นมาไม่มากก็น้อย