บทสัมภาษณ์ฉบับเต็มของ อันจ์ โปสเตโคกลู กับเป้าหมายที่จะพา สเปอร์ส คว้าแชมป์ซีซันนี้ - FEATURE

  • โปสเตโคกลู แง้มว่าโดยปกติแล้วเขามักจะพาทีมคว้าแชมป์ได้ในซีซันที่สองที่คุมทีม
  • เผยว่าในปีนี้จะเน้นเรื่องความคงเส้นคงวา หลังจากปีที่แล้วออกสตาร์ทได้ดีแต่หลุดโค้งในช่วงต่อมา
  • ยืนยันว่าจะคัดสรรนักเตะอย่างละเอียดในการดึงแต่ละคนเข้ามาร่วมทัพ
Tottenham Hotspur v FC Bayern Munich - Pre-Season Friendly
Tottenham Hotspur v FC Bayern Munich - Pre-Season Friendly / Vince Mignott/MB Media/GettyImages
facebooktwitterreddit

เข้าสู่ปีที่สองใน พรีเมียร์ลีก ของ อันจ์ โปสเตโคกลู กุนซือใหญ่จอมเก๋ากับ ไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ซึ่งล่าสุดได้มีการให้สัมภาษณ์กับ สกายสปอร์ต ถึงเป้าหมายและความมุ่งมั่นในซีซันนี้ที่ต้องการพา สเปอร์ส คว้าถ้วยแรกในรอบ 16 ปีให้ได้

วันนี้ 90MIN จึงอยากพาทุกท่านไปชมบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มของ 'อันจ์' ว่าเขามีแผนการณ์อย่างไรที่จะนำทีม ไก่เดือยทอง กลับไปสัมผัสถ้วยรางวัลอีกครั้ง

Queens Park Rangers v Tottenham Hotspur - Pre-Season Friendly
Queens Park Rangers v Tottenham Hotspur - Pre-Season Friendly / Peter Nicholls/GettyImages

คุณได้อะไรบ้างจากช่วงปรีซีซัน ?

"แน่นอนว่าเหล่าผู้เล่นเติบโตขึ้น พวกเขามีความเข้าใจและเปิดรับแนวทางการฝึกซ้อมรวมถึงวิธีการต่าง ๆ มากขึ้น มันยุติธรรมที่จะพูดว่าสิ่งต่าง ๆ ใหม่สำหรับพวกเขาในปีที่แล้ว และมันเป็นการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเดิม ๆ ที่พวกเขาเคยทำมาก่อน"

"เมื่อไรก็ตามที่คุณเจอกับการเปลี่ยนแปลง มันมีความไม่แน่นอนแฝงมาด้วยเสมอ แต่ในปีนี้พวกเขาดูมีความสบายใจมากขึ้นที่จะเปิดรับสิ่งที่เราต้องทำและสิ่งที่เราทำมาโดยตลอด ซึ่งแน่นอนว่ามันดีสำหรับผมและโค้ชทุกคน เพราะมันทำให้เราพูดได้ว่าเราจะก้าวขึ้นไปท้าทายทีมอื่นรวมถึงตัวเราเอง และเราจะนำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาสู่สโมสรได้มากกว่าปีที่ผ่านมา"

คุณรู้สึกยังไงบ้างในการคุมทีมเป็นซีซันที่สอง ?

"ผมก็คงไม่ใช่น้องใหม่อีกต่อไปแล้วมั้ง เพราะมีกุนซือหน้าใหม่หลายคนเข้ามา ผู้คนจะได้หันไปสนใจพวกเขาและเริ่มขุดคุ้ยประวัติแล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกับผมอีก"

"ปกติแล้วผมจะคว้าแชมป์สักอย่างในซีซันที่สองนะ นั่นคือเป้าหมาย เพราะในปีแรกคือการสร้างหลักการและวางรากฐานให้กับทีม ดังนั้นผมหวังว่าเราจะเริ่มได้อะไรกลับมาบ้างแล้วในซีซันที่สอง แน่นอนว่าคำพูดมันง่ายกว่าการกระทำโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแข่งขันระดับ พรีเมียร์ลีก แต่มันเป็นสิ่งที่ผมตั้งเป้ามาโดยตลอดว่าในปีที่สองคุณจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่คุณสามารถไปต่อได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราทำได้มากแค่ไหนในปีแรกด้วย"

"เรามีช่วงเวลาที่ดีเมื่อปีที่แล้วนะ และแน่นอนว่าเราก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นกัน ผมคิดว่าเราเรียนรู้จากช่วงเวลาเหล่านั้นได้เยอะเลย ซึ่งในปีนี้ผมมั่นใจว่าเราเตรียมทีมได้ดีกว่าปีที่แล้ว"

ก้าวต่อไปของทีมนี้เป็นยังไง ?

"สิ่งที่เราค้นพบเมื่อปีที่แล้ว คือเมื่อเราเริ่มสะดุด ไม่ว่าจะเพราะอาการบาดเจ็บหรือผู้เล่นโดนแบน เราขาดระเบียบวินัยเกินไป และเราไม่สามารถรักษามาตรฐานการเล่นฟุตบอลไว้ได้เหมือนช่วงแรก"

"ไม่ว่ายังไงคุณก็จะต้องเจอกับความท้าทายในแต่ละปี ดังนั้นมันเกี่ยวกับว่าเราต้องจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้ดีขึ้น การมีทีมที่แข็งแกร่งก็จะช่วยจัดการตรงนั้นได้ระดับหนึ่ง เราต้องมุ่งมั่นที่จะทำความเข้าใจช่วงเวลาเหล่านั้น เพราะมันจะหมายความว่าเราจะพร้อมรับมือกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่พร้อมเกิดขึ้นอยู่ตลอด"

"มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะมีผลงานยังไงในปีที่แล้ว เพราะทุกทีมจะก้าวเข้าสู่ซีซันใหม่โดยมีความคิดว่าพวกเขาจะต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก และผมหวังว่าเราจะเรียนรู้และพัฒนาจากสิ่งที่เราเคยผ่านมาเมื่อปีที่แล้วได้ เพราะกลุ่มผู้เล่นของเรายังเป็นกลุ่มที่เด็กมาก และหลายคนก็เพิ่งย้ายมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก เป็นปีแรก หรืออาจจะเป็นปีแรกของพวกเขากับ ท็อตแน่ม เลยก็ได้ แต่ถ้าคุณมองไปที่มาตรฐานคุณจะเห็นเลยว่าแต่ละคนทำไว้ดีมากในปีที่แล้ว และถ้าเราสามารถพัฒนาต่อยอดไปได้ มันจะพาทีมเราก้าวกระโดดไปอยู่ในจุดที่ดีเลยทีเดียว"

Ange Postecoglou
Celtic FC v Dundee United - Cinch Scottish Premiership / Ian MacNicol/GettyImages

มีจุดไหนไหมที่คุณอยากปรับปรุง ?

"ผมคิดว่าทุกจุดแหละ สิ่งแรกที่ต้องถามคือ ผมมีกลุ่มผู้เล่นที่เชื่อในแนวทางของเราหรือไม่ ? ผมคิดว่ามันคือขั้นแรกของกระบวนการทั้งหมด เรานำแนวทางการเล่นแบบนี้เข้ามาเพราะมันท้าทาย คุณต้องกล้าหาญ และต้องสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ให้ไม่เหมือนเดิมเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของตำแหน่งหรือการสร้างเกม คุณจะต้องทำใจเปิดรับมัน ซึ่งในปีแรกพวกเราพยายามทำให้นักเตะเปิดใจรับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้"

"อาจจะเป็นเพราะเราออกสตาร์ทได้ดีเลยทำให้ไม่โดนแรงต่อต้านมากนัก เหล่าผู้เล่นก็สนุกและสนใจที่จะลงเล่นแบบนั้น แต่ตอนนี้มันเป็นเรื่องของความคงเส้นคงวามากขึ้นและเราต้องไม่ยอมให้คู่ต่อสู้หรือปัจจัยภายนอกมาดึงเราออกจากเส้นทางเด็ดขาด ซึ่งผมคิดว่ามันเกิดขึ้นบ่อยเมื่อปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแผนการเล่นของคู่แข่งหรือสิ่งที่เราทำย้อนกลับมาเล่นงานตัวเอง หรือแม้กระทั่งการขาดระเบียบวินัยและอาการบาดเจ็บที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนทีมไปมา เราไม่ได้มีความคงเส้นคงวามากพอ แต่ผมก็ยังเชื่อว่าส่วนใหญ่แล้วเหล่าผู้เล่นมีความพยายามทำในสิ่งที่พวกเราอยากให้พวกเขาทำ ผมหวังว่าเราจะจัดการมันได้ดีขึ้น"

หลัง เจมส์ แมดดิสัน โดนหั่นชื่อออกจากทีมชุด ยูโร 2024 คุณได้มีโอกาสพูดคุยกับเขาหรือยัง ?

"ผมไม่ได้พูดคุยกับเขาเป็นการพิเศษส่วนตัว แต่คิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางฟุตบอลมากกว่า ผมพูดเสมอว่าบางครั้งเรามองเรื่องต่าง ๆ แบนจนเกินไปและเราคิดว่าสิ่งต่าง ๆ จะต้องออกมาดีซึ่งมันไม่เป็นแบบนั้น คุณสามารถทำบางสิ่งบางอย่างได้ชำนาญมากแต่ก็ยังจะต้องเจอความท้าทายอยู่ดี คุณจะต้องล้มลุกคลุกคลานไปตลอดเส้นทาง สิ่งสำคัญคือคุณจะจัดการมันอย่างไรมากกว่า และคุณจะพร้อมจัดการกับความท้าทายครั้งใหม่อย่างไร"

"สำหรับ แมดเดอร์ส (แมดดิสัน) ผมมั่นใจว่าเขาต้องผิดหวังมากที่ถูกตัดชื่อออก เพราะเขาเคยเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดนั้นมาโดยตลอด แต่เขายังมีฝีเท้าที่ดีมากและมีความท้าทายอยู่เสมอ มันขึ้นอยู่กับว่าเขาจัดการความรู้สึกยังไง คุณเป็นคนประเภทที่สามารถโยนความผิดหวังทิ้งไป หรือจะนำมันมาต่อยอดเป็นแรงผลักดัน ? คุณใช้มันเป็นกระจกสะท้อนตัวเองหรือไม่ หรือคุณสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ไหม ? ซึ่งเมื่อคุณจริงใจพอจะถามคำถามเหล่านั้นกับตัวเอง คุณอาจพบว่าที่จริงแล้วคุณยังอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องก็ได้ แค่คุณต้องก้าวเดินต่อไปเท่านั้น"

"เขาดูดีมากนะตั้งแต่กลับมาซ้อม ผลงานในซีซันก่อนของเขาก็เป็นกระจกสะท้อนให้เราเหมือนกัน ฟอร์มการเล่นของเขาน่าเหลือเชื่อมากก่อนจะบาดเจ็บไป หลังจากนั้นมันเป็นช่วงที่ยากลำบากเล็กน้อยตอนที่เขากลับมา เช่นเดียวกับทีมของเรา ดังนั้นผมหวังว่าสิ่งที่เราเรียนรู้ร่วมกันกับทีม เขาจะได้บทเรียนส่วนตัวกลับไปด้วยเพราะเขาคือนักเตะที่สำคัญของเรา ทีมของเรายังอ่อนวัยมาก และเขาเป็นหนึ่งคนที่มีประสบการณ์พอตัว เขามีคุณภาพและเป็นคนที่เราหวังว่าจะนำพาทีมผ่านสิ่งต่าง ๆ ไปได้"

James Maddison
Tottenham Hotspur v FC Bayern Munich - Pre-Season Friendly / Warren Little/GettyImages

คุณคิดว่าการเซ็นสัญญานักเตะจะช่วยได้มากขนาดไหน ?

"มันก็เป็นส่วนสำคัญในกระบวนการ ซึ่งก็กลับมาแบบที่ผมเคยพูดเสมอ การเลือกคนเข้ามาคือการทำความเข้าใจว่าคุณไม่ได้เซ็นสัญญานักฟุตบอล แต่คุณเซ็นคน ๆ นึงเข้ามาสู่ทีม พวกเขาเป็นคนแบบไหน ? ทำไมอยากจะมา ท็อตแน่ม ? พวกเขามุ่งมั่นไหม ? พวกเขาเป็นคนที่เปิดรับไหม ? พวกเขาพร้อมที่จะเผชิญความท้าทายเพื่อสร้างความสำเร็จให้สโมสรไหม ? มันเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ทั้งหมด ผมหวังว่ามันจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่พวกเขาเชื่ออยู่แล้ว เพราะเมื่อพวกเขามาที่นี่ก็จะได้รู้สึกว่ามันเป็นที่ที่พวกเขาสบายใจ"

"ผมหวังว่าพวกเขาจะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีทัศนคติแบบเดียวกัน เพราะมันจะช่วยให้มองเห็นภาพในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ได้ชัดขึ้น มันจะง่ายกว่าสำหรับผู้เล่นใหม่ที่จะเข้ามาในปีนี้ เพราะพวกเขาจะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวที่มีความชัดเจนว่าพวกเรากำลังพยายามทำอะไรอยู่ ในขณะที่เมื่อปีที่แล้ว เป็นผมที่พยายามสร้างสภาพแวดล้อมแบบนั้น เป็นผมที่พยายามวาดภาพให้ทุกคนเห็น ซึ่งไม่ใช่แค่กับผู้เล่นหรือทีมงาน แต่เป็นต่อทุกคนภายในสโมสรนี้"

"ผมหวังว่าในปีนี้ เหล่าผู้เล่นที่เข้ามาใหม่จะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วรับรู้ได้ทันทีว่าพวกเรากำลังพยายามทำอะไรอยู่"

ในทางเทคนิค ตัวรุกแบบไหนที่คุณกำลังมองหาอยู่ ?

"ถ้าผมกำลังมองหาผู้เล่นในตำแหน่งปีกซ้าย มันก็จะเป็นคุณสมบัติหลักที่เฉพาะเจาะจงที่ผมต้องการเห็นในตัวผู้เล่นคนนั้น เพราะสุดท้ายแล้วคุณจะเลือกนักฟุตบอลเก่ง ๆ คนไหนเข้ามาในทีมก็ได้ คุณเลือกชื่อนักเตะมาคนนึงแล้วเขาก็อาจจะโคตรเก่งเลยก็ได้ แต่ผมจำเป็นจะต้องเลือกผู้เล่นที่เข้ากับทีมของเราที่สุด มันจำเป็นมากที่เขาจะต้องมีคุณสมบัติแบบที่เราต้องการ"

"มันจะช่วยให้งานของเราง่ายขึ้นมากในแง่มุมหนึ่ง แต่อีกมุมก็คือมันค่อนข้างท้าทายเพราะการเลือกสรรของเรามีความเฉพาะเจาะจงมาก ซึ่งในตลาดนักเตะปัจจุบัน มันไม่ง่ายเลยที่คุณจะได้ทีมตามแบบที่คุณต้องการเป๊ะ สำหรับผมไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นตัวรุกหรือตำแหน่งไหน มันเกี่ยวกับว่าผมเห็นคุณสมบัติของพวกเขาอยู่ในการฝึกซ้อมทีมวันพรุ่งนี้หรือไม่ ? แน่นอนว่าเราจะต้องสอนพวกเขาและนำพวกเขาผ่านกระบวนการไป แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีคุณสมบัติตามที่เราต้องการหรือไม่ ? ถ้าใช่ เราก็จะบอกว่า 'โอเค เราคิดว่าคุณเหมาะสมนะ' "

Heung-Min Son, Ange Postecoglou
Sheffield United v Tottenham Hotspur - Premier League / Chris Brunskill/Fantasista/GettyImages

คุณมีอะไรจะพูดเกี่ยวกับแฟนบอลที่กังวลกับตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้ไหม ? (พูดก่อนที่จะเซ็นสัญญา โดมินิค โซลันกี้ และ วิลสัน โอโดเบิร์ต)

"ผมเข้าใจความกังวลนั้นเป็นอย่างดี เพราะช่วงตลาดนักเตะจะเป็นโอกาสเดียวที่คุณสามารถพัฒนาผู้เล่นและทีมของคุณได้"

"ผมชอบคิดว่าในทุกตลาดนักเตะทีมเราจะต้องแข็งแกร่งขึ้น แน่นอนว่าปีที่แล้วทีมเราเสริมนักเตะเก่ง ๆ หลายคนเข้ามา เราดึง ราดู ดรากูซิน และ ติโม แวร์เนอร์ เข้ามาในเดือน มกราคม เรานำสองนักเตะอย่าง อาร์ชี่ เกรย์ ดาวรุ่งพรสวรรค์ และ ลูคัส (เบิร์กวัลล์) เข้ามาแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะเซ็นเขาในช่วง มกราคม แต่เราก็ยังมีงานต้องทำ แน่นอนว่ามันคือธรรมชาติของตลาดนักเตะ"

"สำหรับผม ผมก็กังวลไม่น้อยไปกว่าคุณ เพราะมันคือช่วงเวลาที่ผมมีอำนาจควบคุมน้อยที่สุดในปี มันคงจะดีถ้าผมมีอำนาจจัดการเบ็ดเสร็จด้วยตัวเองทุกอย่าง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้"

"ผมเข้าใจถึงอารมณ์ของแฟนบอลในตอนนี้ แต่หน้าที่ของผมคือการพยายามใจเย็น มีระเบียบ และรอดูจนถึงวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก เราเคยมีช่วงเวลาที่ดีในการเซ็นสัญญานักเตะที่ดีเข้ามาแล้วเสริมให้ทีมเราแกร่งขึ้น"