สารพัดสถิติ จากนัดชิง ยูโร 2024 และแชมป์ยุโรปสมัย 4 ของทัพกระทิงดุ สเปน - FEATURE
• นี่คือเวทีแจ้งเกิดของ ลามีน ยามัล และอีกหลายแข้งกระทิงดุ
• และนี่คือสารพัดสถิติจากนัดชิง ยูโร 2024 และแชมป์ยุโรปสมัย 4 ของทัพกระทิงดุ
เกือบจะลุ้นกันแบบยืดเยื้อ ต่อเวลากันยาว ดูกันตาเหลือกจนเกือบรุ่งสาง แต่แล้ว ประตูชัยจาก มิเกล โอยาร์ซาบัล ก็บันดาลแชมป์ ยูโร 2024 ให้กับ สเปน ได้เป็นผลสำเร็จด้วยชัยชนะเหนือ อังกฤษ 2-1 และนี่คือสถิติตัวเลขและข้อมูลน่าสนใจต่างๆ นานา ที่คุณอาจยังไม่รู้สำหรับแชมป์ยุโรปใบนี้ของพี่กระทิง
7-15-4-3
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ว่า สเปน เดินหน้าเข้าวิน 7 เกมซ้อน จนคว้าแชมป์ ยูโร 2024 ไปครองในที่สุด
แต่ใน 7 เกมนั้นเอง ก็ยังมีรายละเอียดและตัวเลขอื่นแทรกอยู่ เป็นต้นว่า...
- 15 - สเปน ยิงได้ถึง 15 ประตูตลอดทัวร์นาเมนต์ เฉลี่ยอยู่ที่ 2.15 ลูกต่อเกม
4 - สเปน (อูไน ซิมอน และบรรดาแผงหลัง) เสียไปแค่ 4 ประตูเท่านั้น เฉลี่ย 0.58 ลูกต่อเกม
3 - สเปน ทำคลีนชีตได้ 3 ครั้งในทัวร์นาเมนต์นี้
18 - อูไน ซิมอน เซฟไป 18 หนจาก 7 เกม เฉลี่ยเกมละ 2.58 ครั้ง
16 - ขุนพลกระทิงดุ โดนไปทั้งสิ้น 16 ใบเหลือง
1 - มีใบแดงอยู่ด้วย 1 ใบ เป็นของ ดานี่ การ์บาฆัล ในเกมกับ เยอรมนี
832.65 - คือจำนวนกิโลเมตรที่ สเปน ทำไว้ในการวิ่งตลอดรายการ
หนึ่งเดียวทีมนี้
สเปน เป็นเพียง "ทีมเดียว" เท่านั้นในประวัติศาสตร์การโรมรัน ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ รอบสุดท้าย ที่สามารถ "ชนะรวด" ได้ทุกเกมในรอบแบ่งกลุ่มและรอบน็อกเอาต์ ถึง 2 ทัวร์นาเมนต์ คือปี 2008 และปี 2024 ล่าสุดนี้
- ยูโร 2008
ชนะ รัสเซีย 4-1
ชนะ สวีเดน 2-1
ชนะ กรีซ 2-1
ชนะจุดโทษ อิตาลี 4-2 หลังเสมอ 0-0
ชนะ รัสเซีย 3-0
ชนะ เยอรมนี 1-0
- ยูโร 2024
ชนะ โครเอเชีย 3-0
ชนะ อิตาลี 1-0
ชนะ อัลเบเนีย 1-0
ชนะ จอร์เจีย 4-1
ชนะ เยอรมนี 2-1 (ต่อเวลา)
ชนะ ฝรั่งเศส 2-1
ชนะ อังกฤษ 2-1
อย่างที่ว่า สเปน คือทีมเดียวที่ทำได้ 2 ครั้ง ในขณะที่ ฝรั่งเศส (1984) และ อิตาลี (2020) เคยชนะรวดในทัวร์นาเมนต์ของตัวเองเช่นกัน แต่ก็คนละครั้งเดียว
ขณะเดียวกัน สเปน ยังเป็นเพียงทีมเดียว ที่ชนะ 7 เกมติดต่อกันใน ยูโร รอบสุดท้าย โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาโชคดวงในการดวลจุดโทษแม้แต่แมตช์เดียว
ยิ่งกว่านั้น 15 ประตูที่ลูกทีมของ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ ทำได้บนแผ่นดินเยอรมัน ก็นับเป็นจำนวนยิงได้มากที่สุดตลอดกาล ทำลายสถิติ 14 ประตูของ ฝรั่งเศส ชุดแชมป์ ยูโร 1984 ลงด้วยเช่นกัน
แชมป์ยุโรปฟันน้ำนม
เริ่มต้นเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์พร้อมหิ้วการบ้านไปทำด้วยตามที่คุณครูสั่ง ก่อนทำสถิติลงสนามด้วยวัยเด็กที่สุดตลอดกาล เพียง 16 ปี 338 วัน ในเกมเปิดกลุ่มนัดชนะ โครเอเชีย 3-0
พังประตูใส่ ฝรั่งเศส เป็นสถิติแข้งอายุน้อยสุดที่ยิงได้ใน ยูโร ด้วยวัย 16 ปี 362 วัน
แล้วก็ร่วมครองแชมป์กับ สเปน ด้วยชัยชนะเหนือ อังกฤษ 1-0 พร้อมสถิติแข้งอายุน้อยสุดที่ลงตัวจริงนัดชิงชนะเลิศ 17 ปีกับ 1 วัน เช่นเดียวกับการทำแอสซิสต์
ยิ่งไปกว่านั้น เด็ก 17 หยกๆ 16 หย่อนๆ รายนี้ ยังเป็นนักเตะสแปนิชคนแรกสุด ที่สามารถทำแอสซิสต์ได้ถึง 4 ครั้งใน ยูโร รอบสุดท้าย
ฉะนั้น จึงเหมาะสมกับรางวัล "ดาวรุ่งยอดเยี่ยม" UEFA EURO 2024 Young Player of the Tournament ด้วยประการทั้งปวง
ลามีน ยามัล นาสราอุย เอบาน่า...
ดาวซัลโว (ด้วยคน)
อาจไม่ใช่คนที่โดดเด่นที่สุดในนัดชิงชนะเลิศ แต่ก็ทำหน้าที่อย่างมุ่งมั่น และเป็นอีกหนึ่งตัวอันตรายในการสอดแถวสองที่แนวรับ อังกฤษ ต้องปวดหัวกับการจัดกระบวนท่ามารับมือ
ซึ่งในที่สุดแล้ว ดานี่ โอลโม่ ก็เป็นหนึ่งใน "ดาวซัลโว ยูโร 2024" กับเขาด้วย ด้วยจำนวน 3 ประตูเท่ากับ แฮร์รี่ เคน, จอร์เจส มิคอทัดเซ่, จามาล มูเซียล่า, โคดี้ กัคโป และ อีวาน ชรานซ์
แต่อันที่จริงแล้ว ถ้า ยูฟ่า ใช้วิธีนับแบบเก่า โอลโม่ ที่ยิงได้ 3 และมีแอสซิสต์อีก 2 ก็คือคนที่จะได้รางวัลรองเท้าทองคำไปนอนกอดที่บ้านแต่เพียงผู้เดียว
- และนี่คือ โอลโม่ ใน ยูโร 2024
6 เกม
431 นาที
3 ประตู
17 โอกาสยิง
2 แอสซิสต์
84.5% จ่ายเข้าเป้า
อ้อ แล้วก็ 1 ลูกโขกสกัดจากเส้นโคตรสำคัญ ขัดขวางไม่ให้ อังกฤษ ได้ประตูตีเสมอ 2-2 เฮือกท้ายก่อนจบเกมที่โอลิมเปียสตาดิโอน
ซูเปอร์ซับ
ในขณะที่สปอตไลท์พุ่งตรงไปยัง ลามีน ยามัล, นิโก้ วิลเลี่ยมส์, โรดรี้ หรือกระทั่งกุนซืออย่าง หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ แล้ว คนหนึ่งที่ควรได้รับเสียงปรบมือกระหึ่ม ก็คือเจ้าของประตูชัยปลิดชีพ อังกฤษ ก่อนจบเกมแค่ 4 นาที
มิเกล โอยาร์ซาบัล
ในยูโรเที่ยวนี้ ตัวรุกวัย 27 จาก เรอัล โซเซียดัด ยิงได้แค่ประตูเดียวเท่านั้น ก็คือประตูสยบ อังกฤษ นี่เอง แต่แน่นอนว่ามันคือประตูสำคัญสุด อาจจะที่สุดในชีวิตตัวเขาเอง
แต่ยังพบว่า โอยาร์ซาบัล ยิงให้กับ สเปน ไปแล้ว 12 ประตูจากการรับใช้ชาติ 37 นัด ที่มีถึง 9 ประตูเกิดขึ้นจากการลงสำรอง แถม 5 ลูกหลังสุดที่ทำได้ ยังเกิดจากการลงสำรองล้วนๆ เสียด้วย
และ โอยาร์ซาบัล ก็คือ "ซูเปอร์ซับ" รายที่ 4 ในหน้าประวัติศาสตร์ยูโร ที่ลงสำรองไปสังหารประตูตัดสินเกม ถัดจาก โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์ (เยอรมนี) 1996, ดาวิด เทรเซเก้ต์ (ฝรั่งเศส) 2000 และ เอแดร์ (โปรตุเกส) 2016
3 แชมป์
คุณอาจไม่รู้ชัดว่า หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ เป็นใครมาจากไหนนัก
และอาจรู้แค่ว่า กุนซือวัย 63 นำแชมป์มามอบให้กับชนชาติสเปน เป็นผลสำเร็จในที่สุด
แต่กระซิบให้ตรงนี้ว่า นี่คือ "แชมป์ยุโรปสมัยที่ 3" แล้วของอดีตนายใหญ่ อลาเบส
เด ลา ฟวนเต้ เริ่มคุมทีมเยาวชนกระทิงดุ ยู-19 มาตั้งแต่กว่าสิบปีก่อน
ปี 2015 เขาพาทีม ยู-19 ครองแชมป์ ยูโร รุ่นเล็ก ที่กรีซ -- โรดรี้ กับ มิเกล เมริโน่ เป็นตัวจริงในนัดชิง (ชนะรัสเซีย 2-0)
ปี 2019 เขาพาทีม ยู-21 ครองแชมป์ ยูโร รุ่นเล็ก ที่อิตาลี -- ดานี่ โอลโม่, ฟาเบียน รุยซ์, มิเกล โอยาร์ซาบัล เป็นตัวจริงนัดชิง (ชนะ เยอรมนี 2-1)
และเมื่อวานนี้ เขาพาทีมชาติชุดใหญ่ ครองแชมป์ ยูโร 2024 ที่เยอรมนี
"รากฐาน" และการวางโครงสร้างอย่างเข้มแข็งเป็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน สำคัญขนาดไหน
สเปน และ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ ทำให้เห็นอย่างชัดเจนกระแทกตาไปเรียบร้อย
ผู้เชี่ยวชาญด้านการคว้าแชมป์
ร่ายไว้แบบเต็มระบบเมื่อวานนี้ ถึงการที่ "สเปนและสโมสรสเปน" ไม่เคยแพ้ให้ใครอีกเลย นับตั้งแต่ที่ อลาเบส พ่ายดวลจุดโทษต่อ ลิเวอร์พูล ในนัดชิง ยูฟ่า คัพ ปี 2001
ตั้งแต่ปี 2002 มาจน 2024 นับรวม 22 นัดชิงชนะเลิศ สเปน-สโมสรสเปน ลงเล่นนัดชิงเมื่อไหร่ ก็คว้าแชมป์ได้เมื่อนั้น จนอาจพูดได้ว่า สเปน คือ "ผู้เชี่ยวชาญด้านการคว้าแชมป์" ด้านการเอาตัวรอด กำชัยในนัดชิงถ้วย
และแน่นอน ชัยชนะเหนือ อังกฤษ 2-1 เกมนี้ ก็ทำให้ สเปน "กวาดเรียบ 100%" ต่อไป
ชิง 23 ครั้ง ชนะรวด 23 ครั้ง
เพราะฉะนั้นก็คงรู้ชัดกันแล้ว ว่าถ้าจะตีกระทิงให้ตาย ก็ต้องเขี่ยให้ร่วงรอบอื่นเท่านั้น เร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งดี
อย่าปล่อย สเปน เข้าชิงเด็ดขาด!