ปีที่แย่ที่สุด...ครั้งหนึ่ง : เปิดสารพัดสถิติน่าสนใจ ให้หลังจากเกม แมนยู ได้แค่เสมอ บอร์นมัธ 2-2 - FEATURE

ให้นิยามภาพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฤดูกาลนี้ คงได้ประมาณว่า "ดีสลับแย่" อาการออกน้อยออกมากสลับกันไปในตลอดช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังมานี้ ชัดเจนว่าออกในทรง "แย่" มากกว่าดี เมื่อ 7 เกมหลังสุดชนะแค่เกมเดียว และทำคะแนนหลุดมือแต้มแล้วแต้มเล่า จนใกล้เคียงกับการเป็น "ปีที่แย่ที่สุด" อีกครั้งหนึ่งของสโมสร

• แพ้เป็นผี ชนะสักทีเป็นมั้ย

• 24/02 แพ้ ฟูแล่ม 1-2
  
  03/03 แพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-3
  
  09/03 ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0
  
  30/03 เสมอ เบรนท์ฟอร์ด 1-1
  
  04/04 แพ้ เชลซี 3-4
  
  07/04 เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2
  
  13/04 เสมอ บอร์นมัธ 2-2
  

ภายหลังสิ้นสุดช่วงเข้าเบรค ชนะติดต่อกัน 4 เกมซ้อน (4-3 วูล์ฟส์, 3-0 เวสต์แฮม, 2-1 วิลล่า, 2-1 ลูตัน) กลางเดือนแห่งความรัก แฟนๆ ปีศาจแดงเริ่มฝันหวานกันแล้วถึงตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่มีโอกาสเข้ามืออย่างเต็มที่ เมื่อตามหลังอันดับ 4 แอสตัน วิลล่า แค่ 5 แต้ม (49:44) เท่านั้นเอง โดยไม่ต้องปรายตามอง สเปอร์ส ที่อยู่เหนือทีมผีแดงแค่ 3 คะแนนด้วย

เรียกว่าถ้า วิลล่า สะดุดอีกสัก 2-3 นัด แมนยู อาจจ้วงแซงขึ้นไปได้ง่ายๆ

ใครรจะรู้ อีก 7 เกมถัดมาจากนั้น เด็กๆ ของ เอริค เทน ฮาก จะชนะชาวบ้านเขาได้อีกแค่เกมเดียวถ้วน

ชนะนัดเดียว ที่เหลือเสมอ 3 แพ้อีก 3

และไม่ชนะใครตลอด 4 เกมหลัง -- ไม่ชนะมาเกิน 1 เดือนเต็มแล้ว จากเกมปราบ เอฟเวอร์ตัน เมื่อ 9 มี.ค.

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ถือว่า "จบแล้ว" อย่างไม่เป็นทางการ สำหรับโอกาสลุ้นตั๋ว ชปล.

กับการที่มองขึ้นไปอีกที อ้าว ตามหลัง แอสตัน วิลล่า 10 คะแนนเต็ม

• หลังอย่างรั่ว

• แพ้ ฟูแล่ม 1-2 : 17 ครั้ง
  
  แพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-3 : 27 ครั้ง
  
  ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 : 23 ครั้ง
  
  เสมอ เบรนท์ฟอร์ด 1-1 : 31 ครั้ง
  
  แพ้ เชลซี 3-4 : 28 ครั้ง
  
  เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 : 28 ครั้ง
  
  เสมอ บอร์นมัธ 2-2 : 20 ครั้ง
  

เป็นเรื่องเข้าใจได้ที่ เอริค เทน ฮาก โชคไม่ช่วย ดวงไม่ดี แทบไม่เคยได้ใช้งานขุมกำลังของเขาแบบครบถ้วน 100% มาตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะในแนวรับ ที่ไล่ชื่อมาได้เลยว่าใครบ้าง...ยังไม่ล้มเจ็บ

ที่ตามมาคือการเล่นกันอย่างปราศจากความเข้าขารู้ใจ เดี๋ยวคนนั้นวิ่งไปนั่น เดี๋ยวคนนั้นวิ่งมานี้

สับสน วุ่นวาย ไร้ราคา

ในบรรดา 7 เกมหลัง (ที่ชนะนัดเดียว) ทีมปีศาจแดงเสียไป 14 ประตู

โดยที่บรรดาคู่แข่งทั้ง 7 ของ แมนยู สามารถสร้างโอกาสจบรวมกันได้... 174 ครั้ง

นั่นคือ อองเดร โอนาน่า โดนทดสอบความเหนียวแน่นด้วยการโดนยิงเฉลี่ย 24.8 ครั้ง ต่อเกม

เมื่อวานนี้กับทีมอย่าง บอร์นมัธ ก็ปาไป 20 ครั้ง (ตรงกรอบเท่าไหร่ เป็นอีกเรื่อง)

เท่ากับนอกจากเกมรับจะยุ่ยเป็นทิชชู่เปียกน้ำแล้ว กองกลางก็ไม่ช่วยอะไรเลยเหมือนกัน

• โอ๊นาหน่านา

• แพ้ ฟูแล่ม 1-2 : 3 เซฟ
  
  แพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-3 : 5 เซฟ
  
  ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 : 6 เซฟ
  
  เสมอ เบรนท์ฟอร์ด 1-1 : 4 เซฟ
  
  แพ้ เชลซี 3-4 : 6 เซฟ
  
  เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 : 5 เซฟ
  
  เสมอ บอร์นมัธ 2-2 : 3 เซฟ
  

ไม่ว่าคุณจะรักหรือเกลียดเขา ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า อองเดร โอนาน่า มีความสำคัญกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในสัดส่วนมิใช่เบา

จากสถิติฟ้องว่า 7 เกม พรีเมียร์ลีก หลังสุดนี้ นายประตูแคเมอรูนต้องงัดเซฟมาช่วยเอาไว้ถึง 32 ครั้ง

เป็นเรื่องจริงที่ห้ามกันไม่ได้นั่นแหละว่าฉายา "ตรงเป็นตุง" ยังเกาะติดตัว โอนาน่า อยู่อย่างสลัดไม่หาย เมื่อหลายๆ จังหวะของการเสียประตู ก็ดูว่าตัวเขาควรทำได้ดีกว่านี้ เช่นสองลูกที่เสียให้กับ บอร์นมัธ ที่ไวทัลลิตี้ นี่ก็เช่นกัน

แต่ในการเสียง่ายเหล่านั้น แต่ละเกมก็แทรกด้วยจังหวะเซฟดีๆ มีให้เห็น

ลองถ้าเปลี่ยนจาก โอนาน่า เป็นคนอื่น ไม่รู้ แมนยู โดนเจาะไปแล้วสักกี่มากน้อยไปกว่านี้

• คลีนชีต & เซฟ ยังติดกลุ่มท็อป

• อันดับนายประตูคลีนชีต (ก่อนเกมวันอาทิตย์)
  
  12 เกม : ดาบิด ราย่า
  
  9 เกม : จอร์แดน พิคฟอร์ด
  
  8 เกม : เอแดร์ซอน โมราเอส, แบร์นด์ เลโน่, อองเดร โอนาน่า
  
  7 เกม : อลิสซอน เบ็คเกอร์, เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ, เนโต้
  

• จำนวนเซฟประตูพรีเมียร์ลีก (ก่อนเกมวันอาทิตย์)
  
  128 เซฟ : โธมัส คามินสกี้
  
  123 เซฟ : อองเดร โอนาน่า
  
  113 เซฟ : อัลฟงส์ อเรโอล่า
  
  112 เซฟ : แบร์นด์ เลโน่
  
  109 เซฟ : เนโต้
  

ก็นั่นล่ะฮะท่านผู้ชม ในการเสียประตูเป็นเทน้ำเทท่าในหลายเกมช่วงหลัง มันก็ยังแทรกด้วยทั้งจำนวนเซฟประตู และการทำคลีนชีต ที่ อองเดร โอนาน่า ล้วนแล้วแต่ติดกลุ่มผู้นำ

ก่อนเกมวันอาทิตย์นี้ (14 เมษายน) โอนาน่า กดแล้ว 8 คลีนชีต เป็นอันดับ 3 ร่วม พร้อมตามหลังผู้นำอย่าง ดาบิด ราย่า ของ อาร์เซน่อล อยู่แค่ 4 เกม

หรือจำนวนเซฟประตู อดีตจอมหนึบ อินเตอร์ มิลาน ก็เซฟแล้วมากถึง 123 จังหวะ เป็นอันดับ 2 ของลีก น้อยกว่าเบอร์ 1 อย่าง โธมัส คามินสกี้ ของ ลูตัน ทาวน์ แค่ 5 เซฟ เท่านั้นเอง

• โดนแล้ว 48

• อันดับทีมเสียประตูน้อยสุด (ก่อนเกมวันอาทิตย์)
  
  24 ประตู : อาร์เซน่อล
  
  30 ประตู : ลิเวอร์พูล
  
  32 ประตู : แมนฯ ซิตี้
  
  42 ประตู : เอฟเวอร์ตัน
  
  48 ประตู : แมนฯ ยูไนเต็ด
  
  49 ประตู : สเปอร์ส, แอสตัน วิลล่า
  

แมนฯ ยูไนเต็ด โดนเจาะแล้ว 48 ประตูจากการลงสนาม 32 นัด

เฉลี่ยคือโดนเกมละ 1.5 ประตู

น่าแปลกใจเล็กๆ ว่าเมื่อเทียบกับทีมอื่นๆ ก็ถือว่า แมนยู ไม่ได้เสียประตูในระดับ "เยอะมาก" จนน่าเกลียด

ยก 3 ทีมท็อปลุ้นแชมป์เอาไว้เป็นกลุ่มนึง จะพบว่า แมนยู เสียประตูไปมากกว่าแค่ เอฟเวอร์ตัน (42) ทีมเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ความดีความชอบคงอยู่ที่ช่วงปลายปีที่แล้ว ที่มีทำคลีนชีต 3 นัดติดต่อกัน รวมถึงบุกยัน ลิเวอร์พูล 0-0 ถึงแอนฟิลด์

เพราะในช่วงหลังมานี้ ก็อย่างที่เห็นกัน คือโดนไป 14 ประตูจาก 7 เกม

• ใช่ว่าเกมรุกจะดี

• อันดับทีมยิงประตูน้อยสุด (ก่อนเกมวันอาทิตย์)
  
  30 ประตู : เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
  
  32 ประตู : เอฟเวอร์ตัน
  
  33 ประตู : เบิร์นลี่ย์
  
  36 ประตู : คริสตัล พาเลซ
  
  42 ประตู : ฟอเรสต์
  
  46 ประตู : วูล์ฟแฮมป์ตัน, ลูตัน
  
  47 ประตู : แมนฯ ยูไนเต็ด, ฟูแล่ม, เบรนท์ฟอร์ด, บอร์นมัธ
  

อย่างไรก็ตาม ในภาพของการที่เสียประตูไม่ได้เยอะนัก (เมื่อเทียบกับชาวบ้าน) คือการที่สถิติตัวเลข บอกในคราวเดียวกันว่า เกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้ดีเลยนะตัวเองนะ

พวกเขายิงได้ 47 ประตูจาก 32 นัด เท่าๆ กับทีมอย่าง ฟูแล่ม, เบรนท์ฟอร์ด และ บอร์นมัธ

เวลาเดียวกันนี้ (ย้ำอีกทีว่าก่อนเกมวันอาทิตย์)

แมนฯ ซิตี้ ยิงแล้ว 76 ประตู, อาร์เซน่อล 75, ลิเวอร์พูล 72 หรือ นิวคาสเซิ่ล ก็รัวแล้ว 69 ลูก

แง่ดีคงมีแค่ว่า แมนยู ยิงได้เยอะกว่าบรรดาทีมหนีตาย ทั้ง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (30), เอฟเวอร์ตัน (32) หรือ เบิร์นลี่ย์ (33) เท่านั้นเอง

• ทั้งในและนอกบ้าน... "ไม่ดี"

• ในบ้าน
  
  ชนะ 8 เสมอ 2 แพ้ 5 ยิงได้ 23 เสีย 22 แต้ม 26
  
  เป็นอันดับ 9 ของลีก
  

• นอกบ้าน
  
  ชนะ 7 เสมอ 3 แพ้ 7 ยิงได้ 24 เสีย 26 แต้ม 24
  
  เป็นอันดับ 6 ของลีก
  

ไม่ได้ถึงกับแย่มากมาย แต่ทั้งเหย้าและเยือนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ปีนี้ ต่างก็ "ไม่มีจุดดี" ให้หยิบจับทั้งสองแง่

ในบ้าน 15 นัด คะแนนเต็ม 45 แมนยู เก็บได้ 26 คะแนน

นอกบ้าน 17 เกม คะแนนเต็ม 51 เพิ่งทำได้ 24 แต้ม

นี่คือผลงานของทีมระดับ "กลางตาราง" โดยแท้

นอกเหนือจากนั้น แม้อาจไม่แพ้ แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เอาชนะ บอร์นมัธ ไม่ได้ทั้งไป-กลับ

นัดแรกที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดนทีมเชอรี่ส์บุกขยี้ 3-0 นัดสองเมื่อคืนก็ต้องออกแรงหนักกว่าจะดึงเจ๊า 2-2 ออกมาได้

• ปีที่แย่ที่สุด...ครั้งหนึ่ง

• โปรแกรมที่ยังเหลือ
  
  33. (24/04) เหย้า เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
  
  34. (27/04) เหย้า เบิร์นลี่ย์
  
  35. (06/05) เยือน คริสตัล พาเลซ
  
  36. (12/05) เหย้า อาร์เซน่อล
  
  37. (15/05) เหย้า นิวคาสเซิ่ล
  
  38. (19/05) เยือน ไบรท์ตัน
  

ในทางทฤษฎี แน่นอนว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงมีลุ้นเต็มตัวสำหรับพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อยังคงเหลือแต้มให้ตักตวงอีกราวๆ 18 แต้ม ในเวลาที่ตามหลัง แอสตัน วิลล่า อยู่ 10 คะแนน

แต่ในทางปฏิบัติ อย่างที่บอกว่า มัน-จบ-แล้ว

เอริค เทน ฮาก ถึงกับของขึ้น เดินลุกออกจากห้องแถลงข่าวหลังจบเกมเมื่อคืน หลังถูกถาม "จี้ปม" ว่านี่จะเป็นซีซั่นที่เลวร้ายที่สุดของ แมนยู หรือไม่

กับอันดับ 7 ที่ยืนอยู่ตอนนี้ และยังมีความเป็นไปได้ในการจบที่ 6 ก็ใช่ คงไม่ถึงกับเลวร้ายที่สุด

แต่ "แย่ที่สุดครั้งหนึ่ง" นั่นโคตรจะจริงแท้และแน่นอน

กับโปรแกรมที่ยังเหลือ 6 นัดสุดท้าย ดูทรง ณ ตอนนี้ แมนยู มีโอกาสแพ้ได้อีกถึง 2-3 นัด และไม่มีการันตีแม้แต่เกมเดียวว่าจะเก็บ 3 แต้มเข้ากระเป๋าได้แน่ๆ

หากหลุดแพ้อีกแค่เกมเดียว แมนยูปีนี้ จะทำสถิติแพ้มากเกมที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์การเล่น พรีเมียร์ลีก แซงหน้าซีซั่น 2013/14 (เดวิด มอยส์) ที่แพ้กระจาย 12 นัด

ปีเดียวกันนั้น ยังเป็นอันดับที่แย่ที่สุดของปีศาจแดงในการเล่น พรีเมียร์ลีก ด้วยเช่นกัน กับการเข้าป้ายอันดับ 7

เพราะฉะนั้น การยืนอันดับ 7 ตอนนี้ แม้สายตาของพวกเขาอาจมองขึ้นบน แต่กับการที่นำหน้าอันดับ 8 เวสต์แฮม อยู่แค่ 2 คะแนน ก็เท่ากับ "ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้" ที่ แมนยู จะหลุดลงต่ำกว่าท็อป 7 ในตอนจบ

ลองพิจารณากันครับท่านผู้ชม หากว่าจบอันดับ 8 แต่สมมุติจับพลัดจับผลูมีแชมป์ เอฟเอ คัพ เป็นรางวัลตอบแทนในตอนท้าย (รอตัดเชือกกับ โคเวนทรี, ชิงกับ เรือ-สิงห์)

2023/24 จะเป็นซีซั่นที่แย่ที่สุดครั้งหนึ่ง...หรือไม่อย่างไร...