ย่องดูเพื่อนบ้าน : สถานการณ์ลุ้นแชมป์ 4 ลีกใหญ่ยุโรป เป็นไปแบบไหนกันบ้าง - FEATURE

อย่างที่ทราบ พรีเมียร์ลีก ดำเนินมาถึง "เกมชิงชนะเลิศ" อย่างไม่เป็นทางการ สำหรับคู่ซูเปอร์บิ๊กแมตช์ แมนฯ ซิตี้ vs อาร์เซน่อล ในคืนวันพุธ ที่เมื่อพ้นจากเกมนี้แล้ว ก็เหลือลุ้นกันอีกแค่สี่ซ้าห้าเกมสุดท้าย (ไม่รวมคิวตกค้าง) เป็นอันถึงตอนจบ

พรีเมียร์ลีก งวดลงก้นหม้อไปทุกขณะ เวลาเดียวกัน ลีกใหญ่เพื่อนบ้านร่วมทวีปยุโรป ก็ใกล้จะได้บทสรุปเช่นเดียวกันทั้งหมด โอกาสนี้ ลองไปสำรวจกันหน่อยถึงสถานการณ์ลุ้นแชมป์ของ 4 ลีกแถวหน้า ว่ากำลังเป็นไปแบบไหนอย่างไรกันบ้าง...

กัลโช่ เซเรีย อา : 100% นาโปลี

ไม่รู้ป่านนี้ การเตรียมงานฉลองรื่นเริง จัดโต๊ะจีนหรือขบวนแห่รอบเมือง จะเดินหน้าไปถึงไหน พร้อมต้อนรับฝูงชนแล้วหรือยัง

เพราะยิ่งซีซั่นงวดลงทุกวัน นาโปลี ก็ยิ่งเข้าใกล้วันฉลองใหญ่มากขึ้นเท่านั้น

ไม่เป็นที่ติดค้างสงสัยอะไรอีกแล้วว่า สคูเด็ตโต้ 2022/23 จะตกเป็นของ นาโปลี อย่างแน่นอนในทางปฏิบัติ อันจะนับเป็นแชมป์ เซเรีย อา สมัย 3 และหนแรกสุดในรอบ 33 ปีทีเดียว

จากยุคผลิบานของ ดีเอโก้ มาราโดน่า 1989/90 (แชมป์เหนือ เอซี มิลาน 2 แต้ม) ก็ทำใจให้เชื่อได้ยากอยู่เหมือนกัน ว่าโชคชะตาจะเล่นตลกให้แชมป์ เซเรีย อา ครั้งถัดมาของพวกเขา เกิดขึ้นในวันที่ มาราโดน่า อำลาโลกนี้ไปเรียบร้อยแล้ว

4 คีย์แมนของ นาโปลี ซีซั่นนี้ ต้องจิ้มไปที่ วิกเตอร์ โอซิมเฮน, ควิช่า ควารัตสเคเลีย, คิม มิน-แจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขงเบ้งผู้คอยสั่งการอย่าง ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ ที่ช่วยกันทำให้ นาโปลี โหดเป็นพิเศษ ระดับที่ชนะ 11 นัดติดต่อกันในครึ่งซีซั่นแรก และชนะอีก 8 เกมติดต่อกัน ในครึ่งซีซั่นหลัง

แรงจัดขนาดนี้ นาโปลี ก็ไร้คู่แข่งแย่งแชมป์ทันที -- เหลือแค่รอเวลาให้การันตีสคูเด็ตโต้เป็นทางการเท่านั้น (ส่วนหัวแถวที่เหลือ มีหน้าที่แค่แย่งตั๋ว ชปล. กันไป, รวมถึง ยูเวนตุส ที่ได้ 15 แต้มกลับคืนมาแล้วด้วย)

หัวแถว เซเรีย อา ล่าสุด (หลังเกมมันเดย์ไนท์ 24 เมษายน)

ลา ลีกา : หวานหมู บาร์ซ่า

แต้มอาจไม่ได้ขาดลอยสบายใจเตะไปผิวปากไปเหมือนที่ นาโปลี เป็นในลีกอิตาลี แต่ บาร์เซโลน่า ก็พอจะวางใจได้แล้วว่า ปีนี้--ทั้งที่ต้องปวดหัวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ แต่ถึงแชมป์ ลา ลีกา เป็นแน่

นั่นเพราะในขณะที่ บาร์ซ่า ของ ชาบี เอร์นานเดซ รักษามาตรฐานได้ค่อนข้างดี คู่แข่งแย่งแชมป์อย่าง เรอัล มาดริด กลับเดี๋ยวตกเดี๋ยวหล่น แผ่วไปกันเองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ว่าภาพตรงหน้า สิเป็นความจริง

ในขณะที่ บาร์ซ่า แพ้แค่ 2 จาก 30 เกมนั้น เรอัล มาดริด กลับเจ๊งแล้ว 6 เสมออีก 5 -- ล่าสุดเมื่อคืนอังคารก็ทำช็อกด้วยการออกไปแพ้ทีมกลางตาราง คิโรน่า ขาดลอย 2-4

เมื่อ มาดริด เตะหลุดไปเสียเฉยๆ ในลีกปีนี้ (ซึ่งเป็นภาพตรงข้ามกันถ้าว่าถึงถ้วยยุโรป) ก็ทำให้ บาร์ซ่า ยิ้มแฉ่ง รอรับแชมป์ลีกหนแรกในยุค ชาบี เอร์นานเดซ ได้เลย

ยิ่งถ้าคืนพุธนี้ บาร์ซ่า เช็คบิล ราโย บาเยกาโน่ ได้ไม่พลาด ก็ยิ่งน่าเชื่อได้ว่า แชมป์จะเป็นของพวกเขาแบบที่ไม่ต้องรอเตะให้ครบโปรแกรม

หัวแถว ลา ลีกา ล่าสุด (ก่อนเกมคืนพุธ 26 เมษายน)

ลีก เอิง : ไม่น่าต่างจากเดิม

แรงอะไรเล่าจะสู้แรงเงิน... ลีก เอิง 10 ปีหลัง แชมป์ตกเป็นของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ซะ 8 หน

และดูทรงก็กำลังจะเป็นรอบที่ 9 จาก 11 ปีหลัง เมื่อนับรวมซีซั่นนี้เข้าไปด้วย

เพราะแม้อันที่จริง เปแอสเช ยุค คริสตอฟ กัลติเยร์ จะแพ้เยอะจนโดนแฟนโห่ ถึงตรงนี้ (32 นัด) แพ้แล้ว 5 เกม แพ้มากกว่าอันดับ 3 ล็องส์ ที่แพ้ไป 4 นัดเสียอีก แต่บรรดาคู่แข่งแย่งแชมป์ของพวกเขาก็กระเสาะกระแสะ สะเงาะสะแงะเกินกว่าที่จะสร้างแรงเสียดทานได้ดีพอ

หัวแถว ลีก เอิง ล่าสุด (หลังผ่านสุดสัปดาห์ 23 เมษายน)

เข้าช่วง 6 เกมสุดท้าย เปแอสเช นำหน้า โอลิมปิก มาร์กเซย อยู่ 8 คะแนน เงื่อนไขจึงขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเองว่าจะทำให้ตอนจบมาถึงเร็วช้าขนาดไหน

เกิดถ้าสั่งลา ลิโอเนล เมสซี่ แบบรถผ้าป่าคว่ำ ทำแชมป์ลีกหลุดมือเข้าล่ะก็...บ้านแตกแหง!

บุนเดสลีกา : ไม่มีการันตีสำหรับพี่เสือ

10 ปี 10 ซีซั่นต่อเนื่องกันแล้วที่ บาเยิร์น มิวนิค ขึ้นครองบัลลังก์แห่ง บุนเดสลีกา เยอรมนี แบบไม่คิดแบ่งพื้นที่ให้ใคร

กระนั้นบางที ความต่อเนื่องนั้นก็อาจสิ้นสุดลงตรงซีซั่นนี้

เพราะอย่างที่เราเห็นกันตลอดช่วงหลัง ถึงความผันผวนไม่อยู่กับร่องกับรอยของ บาเยิร์น ในหลายๆ ด้าน ทั้งฟอร์มการเล่นและบุคลากรสโมสร

เป็นตลกร้ายที่สาวกเสือใต้ก็คงไม่ได้คิดฝันมาก่อน ว่าหลังจากถอด ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ ออกกลางทาง แล้วไปคว้า โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามาทำทีมแทน (24 มี.ค.) จะกลายเป็นว่าพวกเขาค่อยๆ หมดลุ้นแชมป์ลงทีละรายการ ทั้งตกรอบ 8 ทีม เดเอฟเบ โพคาล และ 8 ทีม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

แล้วกับถ้วยเดียวที่เหลืออย่าง บุนเดสลีกา ก็ต้องใช้คำว่า "ลูกผีลูกคน" ด้วย เมื่อ 2 เกมหลังสุดได้แค่ผลเสมอ ฮอฟเฟ่นไฮม์ 1-1 กับแพ้ ไมนซ์ 1-3 จนแม้ว่าคู่แข่งเบอร์แรกอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะไม่ได้ร้อนแรงนัก (6 เกมหลังชนะแค่ 3) แต่ตำแหน่งจ่าฝูงนาทีนี้ก็เป็นของ ดอร์ทมุนด์ นั่นเอง

หัวแถว บุนเดสลีกา ล่าสุด (หลังผ่านสุดสัปดาห์ 23 เมษายน)

บุนเดสลีกา เหลือคิวฟาดแข้ง (34 นัด) กันอีกแค่ 5 เกมสุดท้าย ฉะนั้นจึงอยู่ที่ว่าใครจะทำพลาดมากน้อยกว่ากัน และคงต้องจับตาดูกันนัดต่อนัด สัปดาห์ต่อสัปดาห์ทีเดียว

(แถม) เอเรดิวิซี่ : ปีนี้ไม่ใช่ อาแจ็กซ์!

ปิดท้ายด้วยของแถม กับลีกเกือบๆ หัวแถวอย่างฟุตบอลแดนกังหัน เอเรดิวิซี่ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งต้องบอกว่า ซีซั่นนี้ ไม่ใช่ "เรื่องของ อาแจ็กซ์ กับทีมอื่นๆ" อีกแล้ว

เพราะใครกันมันจะไปทานทนแผลใหญ่ของการเสียนักเตะย้ายออกได้ทุกปีไป อาแจ็กซ์ 2022/23 ที่เสียทั้งกุนซือ เอริค เทน ฮาก กับกลุ่มนักเตะสารพัด ลิซานโดร มาร์ติเนซ, อันโตนี่, เซบาสเตียง อัลแลร์, นิโกลัส ตายาฟิโก้, อันเดร โอนาน่า และ ไรอัน กราเฟนเบิร์ช กับ นูสแซร์ มาซราอุย อำลาทีมไปพร้อมกันตอนซัมเมอร์ (ยังมี ดาลี่ย์ บลินด์ ย้ายออกหน้าหนาวอีกคน) จึงมาถึงจุดเสื่อมถอย

กุนซือใหม่อย่าง อัลเฟรด ชรอยเดอร์ ต้องแบกรับภาระของการสร้างทีมชุดใหม่ ครั้นเมื่อ "ปั้นไม่ขึ้น" ก็โดนเด้งตกเก้าอี้ไปแล้ว ตอนนี้เป็นอดีตกองหลังอย่าง จอห์นนี่ ไฮติงก้า (เอฟเวอร์ตันนั่นเหละ) ที่ได้ประเดิมคุมทีมแบบรักษาการ ไปจนจบซีซั่น

อย่างที่ว่า ปีนี้ไม่ใช่ปีของ อาแจ็กซ์ แต่อย่างใด -- หลังจากครองแชมป์มา 3 ปีซ้อน ก็ถึงเวลาส่งมอบถ้วยแชมป์ให้คู่แข่งไปเชยชมบ้าง

ณ ตอนนี้ เฟเยนูร์ด ร็อตเตอร์ดัม มีภาษีดีสุด แล้วจึงตามมาห่างๆ ด้วย พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ส่วน อาแจ็กซ์ อยู่แค่ที่ 3 เท่านั้น ด้วยแต้มที่ไม่ห่างจากที่ 4 อาแซด อัล์คมาร์ ด้วย

หัวแถว เอเรดิวิซี่ ล่าสุด (หลังเกมตกค้าง 25 เมษายน)

จะเห็นว่า เฟเยนูร์ด ของกุนซือ อาร์เน่ สล็อต (กำลังถูกเชื่อมโยงกับ สเปอร์ส) ทิ้งห่างชาวบ้านเขาอยู่ไกลโข นำรองจ่าฝูง พีเอสวี อยู่ 8 แต้ม ซึ่งก็มาจากผลงานชิ้นโบว์แดงที่ทำมาตลอด ว่าพวกเขาผ่าน 30 นัดด้วยการหลุดแพ้แค่เกมเดียวถ้วนเท่านั้น (3-4 พีเอสวี, 18 ก.ย. 2022)

สำคัญคือ เฟเยนูร์ด เข้าเบรคชนะเกมลีกมาถึง 10 เกมติดต่อกันแล้ว ดีเลิศระดับสถิติสโมสรทีเดียว

และด้วยความที่ เอเรดิวิซี่ มีสมาชิกแค่ 18 รายเท่านั้น ทำให้โปรแกรมของพวกเขาคือจะเล่นกันแค่ 34 เกมเป็นอันจบ -- กับ 8 แต้มที่นำอยู่และฟอร์มร้อนแรงที่เป็น จึงแทบจะแบเบอร์แล้วว่า ปีนี้ เฟเยนูร์ด มาแน่!