สเปอร์ส 1-4 เชลซี : ประเด็นจากเกม พรีเมียร์ลีก นัดเผ็ดมันส์บันเทิง 2 ใบแดง, 1 แฮตทริก และทดเจ็บ 21 นาที! - FEATURE

• 2 ใบแดงที่เป็นของ สเปอร์ส ทำให้ทีมของ อันเก้ ปอสเตโคกลู แพ้เป็นนัดแรก
• 1 แฮตทริกของ นิโคลัส แจ๊คสัน ทำให้ เชลซี บุกชนะสวยๆ 4-1
• และการทดเจ็บรวม 21 นาที ไม่รวมพักครึ่งเวลา ก็ทำให้แฟนบอลสามารถลุกไปอาบน้ำและออกไปทำงานต่อได้เลยหลังเกมจบ
Tottenham Hotspur v Chelsea FC - Premier League
Tottenham Hotspur v Chelsea FC - Premier League / Robin Jones/GettyImages
facebooktwitterreddit

รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2023/24
วันแข่งขัน: วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2566
สนาม: ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม
ผลการแข่งขัน: สเปอร์ส 1-4 เชลซี


ไลน์อัพคาดเดาได้

ชัดเจนอยู่แล้วกับ 11 คนแรก สเปอร์ส ของ อันเก้ ปอสเตโคกลู ที่มี กูเยลโม่ วิคาริโอ เป็นประตูมือหนึ่ง, มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน กับ คริสเตียน โรเมโร่ เป็นคู่เซนเตอร์แบ็กตัวเลือกแรก, เจมส์ แมดดิสัน เป็นตัวปั้นเกม และมี ซน ฮึง-มิน สวมปลอกแขนกัปตันทีม ลงค้ำหน้าเป้า

แต่ที่เป็นเซอร์ไพรส์เล็กๆ คือ เบรนแนน จอห์นสัน ดาวรุ่งเวลส์เจ้าของค่าตัว 47.5 ล้านปอนด์ ได้ออกสตาร์ทก่อน ริชาร์ลิซอน บ้างแล้ว

ฝั่ง 11 ตัวจริง เชลซี ของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ไม่ถือว่ามีเซอร์ไพรส์อะไรมากมาย และแทบทั้งหมดเป็นทีมตัวจริงจากวันที่ฟื้นฟอร์มมาเอาชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-0 ในบอลถ้วย คาราบาว คัพ

ที่เปลี่ยนเล็กน้อยมีแค่เซนเตอร์แบ็กดาวรุ่ง ลีวาย โคลวิลล์ ถูกใช้งานในตำแหน่งแบ็กซ้ายอีกครั้ง แม้จะมีตัวเลือกอยู่ทั้ง มาร์ก กูกูเรย่า และ ยาน มาตเซ่น บนม้านั่งสำรอง ด้วยคงหวังถึงความเหนียวแน่นในเกมรับเป็นหลัก

ส่วนแนวรุก ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้ นิโคลัส แจ๊คสัน ลงที่หน้าเป้าต่อไป เมื่อ อาร์มันโด้ โบรย่า เจ็บอีกตามเคย และมีแค่เด็ก 18 อย่าง เดวิด วอชิงตัน เป็นออปชั่นสำรอง

Cole Palmer, Guglielmo Vicario
Tottenham Hotspur v Chelsea FC - Premier League / Robin Jones/GettyImages

1-0 มาเร็ว และหวิดเป็น 2-0

5 นาทีเศษเท่านั้น อันเป็นตอนที่แฟนบอลยังเข้าสนามไม่ครบ หรือเราๆ ท่านๆ ยังตื่นมาดูเกมแบบไม่เต็มตา สติยังไม่ครบดี สเปอร์ส ก็ขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว เดยัน คูลูเซฟกี้ ยิงไปชนหลัง ลีวาย โคลวิลล์ เปลี่ยนทางเข้าประตู

ไม่เท่านั้นนาที 13 ยังโดนอีก เบรนแนน จอห์นสัน ปาดจากซ้ายให้ ซน ฮึง-มิน เช้าชาร์จตุงตาข่ายอย่างแม่นยำ แต่โชคเป็นของ เชลซี ที่หอกพลังโสมล้ำหน้าแค่ปลายเท้า

1-0 ที่มาเร็ว และหวิดจะขึ้น 2-0 ด้วยนั้น ทำให้ภาพเก่าๆ ย้อนมาทันที

เช่นภาพที่โดน เวสต์แฮม ยิงนำตั้งแต่ 7 นาทีแรก (นาเยฟ อาแกร์ด) จากนั้นแพ้สบาย 1-3

หรือที่โดน เบรนท์ฟอร์ด นำ 1-0 กลางครึ่งหลัง แล้วสุดท้ายก็แพ้ง่ายๆ 0-2

อย่างไรก็ตาม เชลซี คงต้องขอบคุณท่านเปา ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ มา ณ ที่นี้...

Dejan Kulusevski
Tottenham Hotspur v Chelsea FC - Premier League / Alex Pantling/GettyImages

ผู้ตัดสินและ VAR ทำงานหนัก

นี่คือเกมที่ทั้งผู้ตัดสิน ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ และทีมงาน VAR ต้องทำงานหนักและพยายามจะเก็บรายละเอียดให้ได้ "ทุกเม็ด" เมื่อพวกเขาเริ่มตกเป็นประเด็นโจมตีอีกครั้งในสัปดาห์นี้

น.13 เบรนแนน จอห์นสัน ปาดจากซ้ายให้ ซน ฮึง-มิน เช้าชาร์จตุงตาข่าย VAR ฟ้องว่าหอกพลังโสมล้ำหน้าแค่ปลายเท้า

น.18 เดสตินี่ อูโดจี้ พุ่งเสียบ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ผู้ตัดสินต้องเช็คภาพช้าว่า "แดง" หรือ "เหลือง" สุดท้ายให้เป็นเหลืองแก่ๆ ไปก่อน

น.21 สเตอร์ลิ่ง ลุยเดี่ยวไปยิงเข้าประตู VAR จับได้ว่าเป็นแฮนด์บอล

น.28 มอยเซส ไคเซโด้ ยิงไกลเสียบมุม แต่ถูกขวางด้วยธงล้ำหน้าว่า นิโคลัส แจ๊คสัน ที่อยู่ในวิถีบอล (แม้ไม่ตั้งใจ) มีส่วนกับการเล่น

จังหวะต่อเนื่องกันนั้น VAR เช็คว่า คริสเตียน โรเมโร่ ทำฟาวล์ไหม กับทั้งการเตะสกัดลูกของ สเตอร์ลิ่ง และปั๊มบอลจาก เอ็นโซ เฟร์นานเดซ ที่มีการวางเท้าเข้าใส่ เอ็นโซ ในวินาทีที่บอลหลุด ซึ่งผู้ตัดสินออกไปดูจอด้วยตัวเอง และกลับมาเป่าจุดโทษให้ เชลซี พร้อมแจกใบแดง โรเมโร่ ออกไป (และ โคล พาล์มเมอร์ ยิงเป็น 1-1)

น.38 สเตอร์ลิ่ง หลุดทะลุขึ้นทางซ้ายแล้วปาดให้ แจ๊คสัน เข้าฮอสตุงตาข่าย แต่ยังไม่ทันได้เฮก็มีธงล้ำหน้าชูมาแล้ว

ทั้งหมดทั้งมวล เมื่อบวกกับตัวเจ็บของ สเปอร์ส แล้วก็ทำให้แค่ครึ่งแรกครึ่งเดียว ทดกันยาวๆ จุใจแฟนบอลถึง 12 นาที!

(ยังมีครึ่งหลัง น.78 เอริก ไดเออร์ ชาร์จฟรีคิกเสียบใต้คาน แต่โดนจับล้ำหน้า และ VAR ก็ยืนยันเช่นกัน ก่อนทดเพิ่มให้อีก 9 นาที รวมแล้วเกมนี้ทดสองครึ่ง 21 นาที)

Son Heung-min, Cristian Romero, Michael Oliver
Tottenham Hotspur v Chelsea FC - Premier League / Sebastian Frej/MB Media/GettyImages

สเปอร์ส สังเวย 4

คริสเตียน โรเมโร่ ได้รับการตัดเกรดจาก ฟุตบอล.ลอนดอน เหลือแค่ 1/10 จากข้อหา "เล่นนอกเกมจนทีมพัง" ตั้งแต่ที่จัดหนักใส่ ลีวาย โคลวิลล์ แล้วก็มาทำเสียจุดโทษ ที่กลายเป็นใบแดงไล่ออกในนาที 33

โรเมโร่ โดนแดง (และเตรียมโดนแบนนัดหน้า) แล้ว ท้ายครึ่งแรกนาที 44 ยังต้องมาเสีย มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน เจ็บแฮมสตริงไปเองจากจังหวะสปรินท์

เซนเตอร์แบ็กดัตช์ต้องถูกถอดทันทีให้ เอแมร์ซอน โรยัล ลงไปแทน

ไม่เท่านั้น นาทีเดียวกันนั้น ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก ก็ต้องถูกส่งลงไปแทน เจมส์ แมดดิสัน ที่ล้มเจ็บเองโดยไม่ได้เข้าปะทะกับใคร เช่นกัน

และมาต่อครึ่งหลัง น.55 เดสตินี่ อูโดจี้ ก็โดนเหลืองที่ 2 จังหวะเสียบใส่ สเตอร์ลิ่ง เป็นใบแดงและเหลือ 9 คน

โรเมโร่ แดง, อูโดจี้ แดง, ฟาน เดอ เฟน เจ็บ, แมดดิสัน เจ็บ

ตามข่าวกันต่อว่า 2 รายหลัง อาการเป็นอย่างไรและต้องพักนานขนาดไหน

James Maddison
Tottenham Hotspur v Chelsea FC - Premier League / Alex Pantling/GettyImages

แจ๊คสัน เฉิดฉาย

ที่จริง นี่คือเกมที่ นิโคลัส แจ๊คสัน จะได้เรตติ้งที่ประมาณ 3/10 หรือ 4/10 ไม่เกินนี้ หากว่าหลังบ้าน สเปอร์ส จะไม่พยายามลอยขึ้นสูงเพื่อดักล้ำหน้า (และพลาดซ้ำๆ) ในตลอดช่วงท้าย

เพราะ "แอฟริกันเนย์มาร์" มีโอกาสเองตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ไม่ผ่านเซฟ กูเยลโม่ วิคาริโอ, ต่อมาเมื่อยิงเข้าแล้ว ก็ไม่ได้ เป็นล้ำหน้า, มอยเซส ไคเซโด้ อุตส่าห์ยิงซะสวยเสียบมุมดิก ปรากฏถูกจับล้ำหน้าส้นเท้าของ แจ๊คสัน แถมยังไปตัดเกม ปาเป้ ซาร์ ตอนทดเจ็บครึ่งแรก จนโดนเหลืองที่ 6 ของซีซั่นนี้แล้ว

แต่อย่างที่ว่า เมื่อ สเปอร์ส เหลือแค่ 9 คน แถม อันเก้ ปอสเตโคกลู ยังสั่งให้แนวรับเล่นเสี่ยงด้วยการตั้งไลน์สูงหวังดักล้ำหน้า มันจึงเป็นโอกาสของ "คนกางมุ้ง" ข้างหน้าสุดอย่าง แจ๊คสัน ไปเต็มๆ

น.75 ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปาดให้เข้าฮอสง่ายๆ

น.90+4 คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ ทำลักษณะเดียวกับ สเตอร์ลิ่ง

น.90+7 ได้ลูกหลุดเดี่ยวมาจากครึ่งสนาม และล็อกหลบ วิคาริโอ ไปยิงแบบเอาชัวร์

แฮตทริกแรกมา...จากโอกาสยิงรวม 6 ครั้งในเกมนี้

Nicolas Jackson
Tottenham Hotspur v Chelsea FC - Premier League / Robin Jones/GettyImages

11:9 ไม่ชนะก็แปลก

ชัดเจนว่า ชัยชนะที่เกิดขึ้นนี้ เชลซี ต้องขอบคุณ "วิจารณญาณ" ของผู้ตัดสิน ไมเคิ่ล โอลิเวอร์

กับจังหวะของ คริสเตียน โรเมโร่ ที่เข้าสกัด เอ็นโซ เฟร์นานเดซ จนเสียจุดโทษพร้อมใบแดง ถือเป็นช็อต 50:50 ที่จะ "ให้จุดโทษ" หรือ "ไม่ให้จุดโทษ" ก็ได้ แล้วแต่การพิจารณาของท่านเปา

จุดโทษเพราะเปิดปุ่ม...ไม่จุดโทษเพราะที่จริงก็สกัดโดนบอล

เมื่อ โอลิเวอร์ เลือกเป่าและชี้จุดโทษและชูใบแดง ภาพจึงชัดเจนตั้งแต่ตอนนั้นว่า เชลซี พลิกเกมมาคุมสถานการณ์ได้เหนือกว่า

ยังเบ็ดเสร็จไปอีกเมื่อกลายเป็น 11:9 ที่ก็ควรเข้าข่าย "ต้องใช้วิจารณญาณ" ของผู้ตัดสินเช่นกัน กับลูกเสียบสกัดของ เดสตินี่ อูโดจี้ ใส่ สเตอร์ลิ่ง

เหลืองที่ 2 เป็นใบแดง ไม่ผิด แต่ก็จะไม่ผิดเหมือนกันถ้าเลือกปล่อยผ่าน เมื่อที่จริงเป็นการเข้าสกัดธรรมดาตามจังหวะ และไม่ได้ทำให้ใครบาดเจ็บ

สิบคนว่ายากแล้ว 9 คนก็ไม่ต้องสืบ เชลซี กำชัยตามสมควร เด้งขึ้นเล็กน้อยไปอยู่อันดับ 10

FBL-ENG-PR-TOTTENHAM-CHELSEA
FBL-ENG-PR-TOTTENHAM-CHELSEA / GLYN KIRK/GettyImages

สเปอร์ส แพ้แล้ว และน่าหวาดเสียวต่ออีก

ฟอร์มการเล่นไม่ใช่ปัญหา แต่เรื่องของ "สภาพทีม" ต่างหากจะเป็นจุดที่น่าหวาดเสียวของ สเปอร์ส ถัดจากนี้

เกมนี้ พวกเขาต้องเสีย คริสเตียน โรเมโร่ แดง, เดสตินี่ อูโดจี้ แดง, มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน เจ็บ และ เจมส์ แมดดิสัน เจ็บ

3 กองหลังตัวจริง และ 1 จอมทัพคนสำคัญ กำลังจะต้องหายหน้าจากทีม มากน้อยกี่นัดก็ว่ากันไป

สเปอร์ส จะเจอกับ วูล์ฟส์, แอสตัน วิลล่า, แมนฯ ซิตี้, เวสต์แฮม และ นิวคาสเซิ่ล ใน 5 เกมถัดไปของ พรีเมียร์ลีก

หากมีแพ้เพิ่มอีกถัดจากนี้ ก็อาจถึงเวลาที่ "ช้าง" จะก้าวลงจาก "ต้นไม้" แต่โดยดี...

Tottenham Hotspur v Chelsea FC - Premier League
Tottenham Hotspur v Chelsea FC - Premier League / Matthew Ashton - AMA/GettyImages