ปีใหม่แล้วไงต่อ... อัพเดต 'เบอร์ 1' สถิติด้านต่างๆ แห่งศึก พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ หลังเข้าสู่ปี 2024 - FEATURE
• แต่ไม่มาแบบธรรมดา คือมาแบบกะปริดกะปรอย ควบคู่ไปกับช่วงพักเบรคหนีหนาวประจำปี
• และในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2024 ลองไปสำรวจกันหน่อยว่า แข้งรายไหนคือ 'เจ้าสถิติ' ด้านต่างๆ ประจำ พรีเมียร์ลีก ที่เดินทางผ่านครึ่งซีซั่นเรียบร้อย
พ้นจากบรรยากาศของ เอฟเอ คัพ รอบ 3 ไปแล้ว กลางสัปดาห์นี้จัดเป็นคิวตัดเชือกนัดแรกของถ้วยเล็กสุดอย่าง คาราบาว คัพ แล้ว เสาร์-อาทิตย์ ก็ค่อยเป็น พรีเมียร์ลีก ที่จะมี เชลซี, แมนฯ ซิตี้ และ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงสนาม
อย่างไรก็ตาม คิวเตะสุดสัปดาห์นี้ถือว่ามาแบบไม่ธรรมดา คือมาแบบกะปริดกะปรอย ควบคู่ไปกับช่วงพักเบรคหนีหนาวประจำปี ที่บางทีมก็เริ่มกระจายตัวกันออกไปพักแล้ว ซึ่งในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2024 นี้ ลองไปสำรวจกันหน่อยว่าดาวเตะรายไหนคือ 'เจ้าสถิติ' ด้านต่างๆ ประจำ พรีเมียร์ลีก 2023/24 ก่อนจะเริ่มสาดแข้งกันอีกทีไม่กี่วันข้างหน้า
ดาวซัลโว
- 14 ประตู : เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์
12 ประตู : โดมินิก โซลันกี้, ซน ฮึง-มิน
11 ประตู : จาร์ร็อด โบเว่น
10 ประตู : ฮวาง ฮี-ชาน
ต่างไปจากภาพของซีซั่นก่อนอย่างสิ้นเชิง ที่คราวนั้น เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ ดาวยิง แมนฯ ซิตี้ ทะยานเข้าเส้นชัยแบบไร้คู่แข่ง มาซีซั่นนี้ แม้จอมปีศาจอย่าง ฮาแลนด์ จะยังคงมาตรฐานคล้ายเดิม แต่มีตัวละครสำคัญอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยอดแข้ง ลิเวอร์พูล เจ้าของดาวซัลโวปี 2018, 2019 และ 2022 โผล่เข้ามาชิงรองเท้าทองคำแบบเต็มตัว
20 เกมแรกผ่านไปโดยที่ ซาลาห์ ยิงเท่ากับ ฮาแลนด์ ที่ 14 ประตู
ที่น่าตลกคือ ฮาแลนด์ เจ็บจนต้องพักแข้งตลอดทั้งเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ส่วนเดือน ม.ค. นี้เป็นคิวของ ซาลาห์ บ้างที่ต้องหายหน้าจากทีม เพื่อไปเล่นใน แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ 2023 ฉะนั้นก็คงเป็นช่วงเดือน ก.พ. เป็นต้นไป ที่คู่นี้จะได้เปิดศึกชิงดาวซัลโวกันจริงๆ จังๆ อีกครั้ง
ส่วนที่น่าภูมิใจแทนคนเกาหลี คือในท็อปชาร์ตดาวซัลโวตอนนี้มีนักเตะพลังโสมติดมาถึง 2 ราย ทั้ง ซน ฮึง-มิน กัปตันทีม สเปอร์ส ที่กด 12 ลูก และตามมาด้วย ฮวาง ฮี-ชาน หัวหอก วูล์ฟแฮมป์ตัน ที่ซัดแล้ว 10 ตุง
ดาวแอสซิสต์
- 8 แอสซิสต์ : โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โอลลี่ วัตกิ้นส์
7 แอสซิสต์ : เปโดร เนโต้, คีแรน ทริปเปียร์
6 แอสซิสต์ : ฮูเลียน อัลวาเรซ, อันโธนี่ อีลันก้า, ฟิล โฟเด้น, ปาสกาล โกรสส์, ดาร์วิน นูนเยซ, เปโดร ปอร์โร่, เจมส์ วอร์ด-เพราส์, บูกาโย่ ซาก้า
เช่นเดียวกัน ถ้ารางวัลแข้งแห่งปีซีซั่นก่อน ฮาแลนด์ นอนมาด้วยผลงานจับต้องได้ ซีซั่นนี้ มันก็มีสิทธิ์จะหมุนไปสู่มือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ บ้าง ด้วยว่าทั้งดาวซัลโวและดาวแอสซิสต์ จนถึงตอนนี้ เป็นยอดแข้งอียิปต์จาก ลิเวอร์พูล ที่ยืนแท่นผู้นำอยู่ทั้ง 2 หมวด
ยิ่งถ้า ซาลาห์ รักษามาตรฐานยืนระยะได้ยาวๆ และ ลิเวอร์พูล ไปถึงแชมป์ด้วยแล้วล่ะก็...
จอมตะบัน
- 70 โอกาสยิง : ดาร์วิน นูนเยซ
65 โอกาสยิง : โมฮาเหม็ด ซาลาห์
58 โอกาสยิง : เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์
55 โอกาสยิง : โอลลี่ วัตกิ้นส์
ในแง่ของโอกาสยิงรวม ยังอยู่ที่นักเตะค่ายหงส์แดง ลิเวอร์พูล เช่นกัน แต่เป็นทาง ดาร์วิน นูนเยซ กองหน้าอุรุกวัย ที่ได้โอกาสยิงมากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้
ในแง่หนึ่งอาจต้องชมเชยว่า นูนเยซ หาโอกาสเก่ง มีการเคลื่อนที่ดี ประสานงานกับเพื่อนได้เยี่ยม
แต่แง่หนึ่งก็คงต้องยอมรับว่า จากโอกาสยิง 70 ครั้ง ได้มาแค่ 5 ประตู...ไม่ใช่เรตความเฉียบคมที่น่าพึงพอใจแต่อย่างใด
มือยิงเป้า
- 4 จุดโทษ : ชูเอา เปโดร, โคล พาลเมอร์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดั๊กลาส ลุยซ์
3 จุดโทษ : เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์, ไบรอัน เบโม่
สำหรับมือสังหารจุดโทษ ทำยอดสูงสุดเท่ากันถึง 4 ราย คือ ชูเอา เปโดร (ไบรท์ตัน), โคล พาลเมอร์ (เชลซี), โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล) และ ดั๊กลาส ลุยซ์ (แอสตัน วิลล่า)
เพียงแต่ในจำนวนนี้ ที่จริง ซาลาห์ จะกลายเป็นผู้นำเช่นกัน ถ้าไม่ซัดจุดโทษพลาดแล้วถึง 2 ลูก ในเกมกับ บอร์นมัธ (3-1) และ นิวคาสเซิ่ล (4-1)
ที่น่าปรบมือคือ โคล พาลเมอร์ ว่าด้วยวัยเพียง 21 และการเพิ่งย้ายมา เชลซี ปีแรก เจ้าหนูรายนี้ก็รับหน้าที่เพชฌฆาตได้อย่างน่าทึ่ง ยิง 4 ครั้ง เข้าทั้ง 4 ประตู
เจ้าแห่งคลีนชีต
- 6 คลีนชีต : อลิสซอน เบ็คเกอร์, จอร์แดน พิคฟอร์ด, อองเดร โอนาน่า
5 คลีนชีต : แซม จอห์นสโตน, แบร์นด์ เลโน่, เนโต้, นิค โป๊ป, ดาบิด ราย่า, เอแดร์ซอน, กูเยลโม่ วิคาริโอ
เอากับเขาสิ... เห็นเสียกระจาย โดนเจาะง่ายๆ เล่นผิดเล่นพลาดอยู่เรื่อยแบบนี้ แต่ อองเดร โอนาน่า นายทวาร แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยืนแท่นเบอร์ 1 คลีนชีต ร่วมกับตัวท็อปอย่าง อลิสซอน เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูล) และ จอร์แดน พิคฟอร์ด (เอฟเวอร์ตัน) หลังทำไป 6 คลีนชีตเท่ากัน
อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว ดูว่า อลิสซอน เบ็คเกอร์ มีโอกาสสูงกว่าใครในการคว้าถุงมือทองคำ จากการที่ ลิเวอร์พูล เป็นทีมเสียประตูน้อยสุดจนถึงตอนนี้ เสียไปแค่ 18 ลูกเท่านั้น (ขณะที่รองจ่าฝูง วิลล่า โดนแล้ว 27 ตุง)
จอมเซฟ
- 89 เซฟ : เวส โฟเดริงแฮม
81 เซฟ : เจมส์ แทร็ฟฟอร์ด
76 เซฟ : แบร์นด์ เลโน่
74 เซฟ : โธมัส คามินสกี้
69 เซฟ : อองเดร โอนาน่า
ในส่วนของนายด่านจอมเซฟ ยังมีชื่อ อองเดร โอนาน่า ติดมาในท็อป 5 ด้วย จากการที่จอมหนึบ แมนฯ ยูไนเต็ด ปัดป้องประตูไปแล้ว 69 หนจาก 20 นัด
กระนั้น นัมเบอร์วันเรื่องนี้ คือ เวส โฟเดริงแฮม ประตูวัย 32 ของทีมบ๊วย เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่เซฟแล้วถึง 89 ครั้งจาก 20 เกม ตีเฉลี่ยเซฟเกมละ 4 ครั้งกว่าๆ ทีเดียว
จอมรั่ว
- 5 พลาด : เวส โฟเดริงแฮม
3 พลาด : นาธาน คอลลินส์, แม็ตต์ เทอร์เนอร์
2 พลาด : เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ดาบิด ราย่า, ทิม รีม, คีแรน ทริปเปียร์, บาร์ท แฟร์บรุกเก้น, แอชลี่ย์ ยัง
สถิติส่วนนี้เองคงเป็นตัวที่หักล้างว่าทำไม เวส โฟเดริงแฮม ถึงไม่ได้รับการยกย่องมากนัก เมื่อพบว่านายด่านทีมดาบคู่ สร้างความผิดพลาดจนนำมาซึ่งการเสียประตู (Errors Leading To Goal) สูงที่สุดถึง 5 ครั้งเข้าไปแล้ว
โฟเดริงแฮม เป็นผู้นำในเรื่องนี้ และก็ยังมีแข้งชื่อดังหลายรายเลยที่ตามมาในท็อปชาร์ต เช่น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวา ลิเวอร์พูล หรือ ดาบิด ราย่า มือหนึ่ง อาร์เซน่อล ที่ต่างก็พลาดจนเสียประตูแล้ว 2 ครั้งด้วยกัน
จอมเสียบ
- 84 จังหวะเสียบ : ชูเอา ปาลินญ่า
66 จังหวะเสียบ : วินิซิอุส ซูซ่า
57 จังหวะเสียบ : เปโดร ปอร์โร่, ชูเอา โกเมส
54 จังหวะเสียบ : เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่
ยังคงเป็นเจ้าเก่าอย่าง ชูเอา ปาลินญ่า ขาโหดของ ฟูแล่ม ที่เป็นผู้นำในเรื่องของการสร้างช็อตเสียบสกัดสูงสุด 84 ครั้ง ซึ่งเป็นมาตรฐานเดิมจากซีซั่นก่อน
ส่วนเบอร์ 2 ตามมาห่างๆ ที่ 66 การเสียบสกัด ซึ่งเป็นชื่อใหม่อย่าง วินิซิอุส ซูซ่า กลางรับแซมบ้า ที่เพิ่งย้ายมาเล่นกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ซีซั่นนี้เท่านั้น
จอมโหด
- 8 ใบเหลือง : บรูโน่ กิมาไรส์, นิโคลัส แจ๊คสัน, ชูเอา ปาลินญ่า
7 ใบเหลือง : เอ๊ดสัน อัลวาเรซ, บรูโน่ แฟร์นันเดส, แอนโธนี่ กอร์ดอน, มาริโอ เลอมิน่า, คริสเตียน นอร์การ์ด, เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่
เช่นเดียวกัน เมื่อเสียบเยอะก็ต้องโดนเตือนเยอะ สำหรับ ชูเอา ปาลินญ่า ที่โดนใบเหลืองไปมากที่สุด 8 ใบ เท่ากันกับ บรูโน่ กิมาไรส์ มิดฟิลด์นิวคาสเซิล และ นิโคลัส แจ๊คสัน กองหน้าเชลซี
แปลกๆ หน่อยก็รายหลังสุดนี่แหละ เชลซี ทุ่มซื้อมาทำประตูแท้ๆ ดันเป็นเจ้าสถิติใบเหลืองเสียได้ ทั้งที่ก็ใช่ว่าจะขึ้นชื่อเรื่องเล่นหนักอะไร แต่ส่วนใหญ่โดนเตือนเพราะตัดจังหวะพลาด ทะเล่อทะล่าไม่ดูตาม้าตาเรือเสียมากกว่า
จอมโหดกว่า
- 2 ใบแดง : อีฟส์ บิสซูม่า, โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่
ในส่วนของใบแดง ถึงตอนนี้มีแค่ 2 คนที่โดนแล้ว 2 ใบ คือ อีฟส์ บิสซูม่า กองกลาง สเปอร์ส กับทาง โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่ กองหน้า เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
ขณะที่คนที่โดนแล้ว 1 ใบแดง มีมากถึง 37-38 คนเลยทีเดียว อาทิ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ, ดีโอโก้ ดาโล่ต์ หรือ รีซ เจมส์
จอมจ่าย
- 1,665 ลูกจ่าย : โรดรี้
1,657 ลูกจ่าย : ลูอิส ดังค์
1,584 ลูกจ่าย : วิลเลี่ยม ซาลิบา
1,413 ลูกจ่าย : อักเซล ดิซาซี่
1,405 ลูกจ่าย : เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
เห็นกันชัดถึงความสำคัญของ โรดรี้ ที่ แมนฯ ซิตี้ แทบจะเป็นคนละทีมกันเลย เมื่อมีกับไม่มีกองกลางตัวคุมจังหวะอย่าง โรดรี้ ในสนาม
สถิตินี้บอกว่า การออกบอลจากแดนกลาง แมนฯ ซิตี้ ส่วนใหญ่ก็มาจาก โรดรี้ นี่เอง เมื่อผ่านครึ่งซีซั่นด้วยการเป็นผู้นำ จ่ายแล้ว 1,665 ครั้ง ซึ่งในท็อปชาร์ตที่เหลือ ล้วนเป็นแข้งในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กของทีมอื่นๆ ทั้งหมด
จอมสาด
- 157 ครอส : คีแรน ทริปเปียร์
149 ครอส : อัลฟี่ โดห์ตี้
128 ครอส : บรูโน่ แฟร์นันเดส
123 ครอส : เจมส์ วอร์ด-เพราส์
115 ครอส : ลูก้าส์ ดีญ
คงไม่ได้เป็นตัวบอกว่า ฟุตบอลของ เอ๊ดดี้ ฮาว คือบอลสไตล์โบราณ เน้นลูกกลางอากาศเปิดโหม่งๆ แต่ข้อเท็จจริงก็คือ คีแรน ทริปเปียร์ วิงแบ็ก นิวคาสเซิ่ล เป็นเบอร์ 1 เรื่องสร้างจังหวะครอสจากริมเส้น โดยโยนแล้ว 157 ครั้ง ส่วนเรื่องเข้าเป้าไม่เข้าเป้าอย่างไร ไม่ได้มีบันทึกไว้
จอมอึด
- 1,800 นาที : โยอาคิม อันเดอร์เซ่น, วิลเลี่ยม ซาลิบา, มักซิมิเลียน คิลแมน, เวส โฟเดริงแฮม, แบร์นด์ เลโน่, อองเดร โอนาน่า, จอร์แดน พิคฟอร์ด, เจมส์ แทร็ฟฟอร์ด, กูเยลโม่ วิคาริโอ
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกสำหรับนายทวารของหลายๆ สโมสร เช่น แบร์นด์ เลโน่, อองเดร โอนาน่า, จอร์แดน พิคฟอร์ด หรือ กูเยลโม่ วิคาริโอ ที่จะได้ลงตลอดๆ อยู่แล้วในฐานะมือ 1 ถ้าไม่เจ็บไม่แบน
ที่ต้องยกย่องมากหน่อยคือพวก "เอาต์ฟิลด์" ที่ติดโผอันดับ 1 ลงสนามมากนาทีที่สุดในซีซั่นนี้ คือ โยอาคิม อันเดอร์เซ่น ปราการหลัง คริสตัล พาเลซ, วิลเลี่ยม ซาลิบา เซนเตอร์แบ็ก อาร์เซน่อล และ มักซิมิเลียน คิลแมน กัปตันทีม วูล์ฟแฮมป์ตัน ซึ่งทั้ง 3 ต่างฟิตสมบูรณ์ลงสนามครบถ้วน 1,800 นาที ไม่มีเปลี่ยนเข้าถอดออกจนถึงตอนนี้
ซูเปอร์ซับ
- 15 เกม : ปิแอร์ เอมิล-ฮอยเบิร์ก
14 เกม : ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์
13 เกม : แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้, ยอน ดูรัน
จาก 20 เกมที่ผ่านไป มีถึง 15 นัดที่ ปิแอร์ เอมิล-ฮอยเบิร์ก กองกลางเดนมาร์กของ สเปอร์ส ถูกส่งลงไปเสริมเกมแดนกลาง สเปอร์ส ในฐานะแข้งสำรอง
แง่หนึ่งอาจชัดเจนว่า อดีตแข้ง บาเยิร์น มิวนิค เสียตำแหน่งตัวจริงในทีมไปแล้ว แต่แง่หนึ่งก็บอกได้เหมือนกันว่า เขายังคงมีความสำคัญกับแท็กติกของ อันเก้ ปอสเตโคกลู อยู่ ในฐานะ "สำรองเบอร์แรก" ที่จะถูกส่งลงเล่น
จอมวืด
- 18 ยิงพลาด : ดาร์วิน นูนเยซ
17 ยิงพลาด : เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์
13 ยิงพลาด : โอลลี่ วัตกิ้นส์
12 ยิงพลาด : นิโคลัส แจ๊คสัน
9 ยิงพลาด : ราสมุส ฮอยลุนด์, โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน, อเล็กซานเดอร์ อิซัค
นอกจากเป็นนักเตะที่มีโอกาสยิงประตูสูงสุดจนถึงตอนนี้แล้ว สิ่งที่ฟ้องถึงความเป็น ดาร์วิน นูนเยซ อีกอย่างก็คือการ "พลาดโอกาสทอง" (Big Chances Missed) ที่หอกอุรุกวัยพลาดแล้วถึง 18 ครั้งด้วยกัน
70 โอกาสยิง, 24 ตรงกรอบ, 18 พลาดโอกาสทอง และ 5 ประตูที่ได้มา
พูดลำบากจริงๆ ว่านี่คุ้มค่าตัว 85 ล้านปอนด์แล้วหรือยัง
จอมล้ำ
17 ล้ำหน้า : ดาร์วิน นูนเยซ
16 ล้ำหน้า : อันโธนี่ อีลันก้า, ซน ฮึง-มิน
15 ล้ำหน้า : นิโคลัส แจ๊คสัน
และอีกอย่างที่เป็นสถิติตัวเลขชัดเจน ก็คือ ดาร์วิน นูนเยซ ล้ำหน้ามากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก จนถึงตอนนี้ ที่ 17 จังหวะล้ำ
รองลงมาคือบรรดาปีกและกองหน้าเช่นกัน อย่าง อันโธนี่ อีลันก้า (ฟอเรสต์), ซน ฮึง-มิน (สเปอร์ส) ที่ล้ำ 16 ครั้ง และ นิโคลัส แจ๊คสัน (เชลซี) ล้ำแล้ว 15
แถม : ปีใหม่แล้วไงต่อ?
อย่างที่เป็นธรรมเนียมมาตลอด ว่าสุดสัปดาห์แรกของปี คือคิวเตะ เอฟเอ คัพ รอบ 3 ของบรรดาทีม พรีเมียร์ลีก แต่ที่แตกต่างก็คือ สุดสัปดาห์ถัดมา (วันเด็ก) ของปีนี้ ไม่เหมือนอย่างที่เคยรู้จักสักเท่าไหร่
เพราะ พรีเมียร์ลีก จะแบ่งเตะวันละนิดละหน่อยใน 2 เสาร์-อาทิตย์ ด้วยกัน ตามคิวออกจอถ่ายทอดสด (ของที่โน่น) และการจัดโปรแกรมให้สอดคล้องกับระยะ "เบรคหนีหนาว" ที่บางทีมก็เริ่มพักกันแล้วหลังจบเกม เอฟเอ คัพ แต่บางทีมก็ยังต้องรออีกหน่อย ให้พ้นสุดสัปดาห์นี้ค่อยพักเบรค
- เสาร์ 13 มกราคม
เชลซี v ฟูแล่ม
นิวคาสเซิ่ล v แมนฯ ซิตี้
อาทิตย์ 14 มกราคม
เอฟเวอร์ตัน v แอสตัน วิลล่า
แมนฯ ยูไนเต็ด v สเปอร์ส
จันทร์ 15 มกราคม
เบิร์นลี่ย์ v ลูตัน ทาวน์
- เสาร์ 20 มกราคม
อาร์เซน่อล v คริสตัล พาเลซ
เบรนท์ฟอร์ด v ฟอเรสต์
อาทิตย์ 21 มกราคม
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด v เวสต์แฮม
บอร์นมัธ v ลิเวอร์พูล
จันทร์ 22 มกราคม
ไบรท์ตัน v วูล์ฟส์
พ้นจากโปรแกรมนัดที่ 21 ซึ่งแบ่งเตะกะปริดกะปรอยตามข้างต้นแล้ว สุดสัปดาห์ 27-28 ม.ค. จะไม่มีคิวเตะใดทั้งสิ้น ก่อน พรีเมียร์ลีก กลับมาโรมรันอีกครั้งเป็นเกมกลางสัปดาห์นัดที่ 22 อังคารพุธ 30-31 ม.ค. รวมถึงพฤหัสบดี 1 ก.พ. ด้วย เช่นเดียวกับสุดสัปดาห์นั้น ก็จะเตะต่อเกมที่ 23 ต่อเนื่องไปทันที