ชัยชนะเหนือ เชฟฟิลด์ ที่พา ลิเวอร์พูล ทวงคืนตำแหน่งจ่าฝูง - FEATURE
- ลิเวอร์พูล คว้าชัยชนะเหนือ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-1
- “หงส์แดง” กลับคืนสู่ตำแหน่งจ่าฝูงอีกครั้ง
- ในเกมต่อไปเจองานหนักที่ต้องไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
โดย Navapun Munarsa
ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน เดินหน้าทวงตำแหน่งจ่าฝูงคืนได้สำเร็จหลังเปิดสนาม แอนฟิลด์ ทุบเอาชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-1 ในเกมลีกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ในเกมนี้ ลิเวอร์พูล ต้องเจอกับงานหนักพอสมควรหลังจาก เชฟฟิลด์ ปักหลักเล่นเกมรับในแดนตัวเองได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งทำให้พลพรรค “หงส์แดง” ต้องออกแรงหนักกว่าจะไล่บดเอา 3 คะแนนสุดสำคัญมาครอบครองได้
หนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล เก็บชัยชนะได้สำเร็จก็ยังคงเป็น อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เช่นเคย โดยเกมนี้ ดาวเตะอาร์เจนไตน์ ถูกปรับลงมายืนต่ำในบทบาทห้องเครื่องหมายเลข 6 หน้าแผงแบ็คโฟร์แทนที่ วาตารุ เอ็นโด ที่มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน
การที่ คล็อปป์ จับเอา แม็ค อัลลิสเตอร์ ลงมาเล่นหน้าแผงแนวรับ นั้น ทำให้แฟนบอล “เดอะ ค็อป” หลายคนเสียดายพอสมควร เนื่องจาก เจ้าตัวกำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์หมายเลข 10
อย่างไรก็ตาม แม้จะลงมายืนต่ำ แต่ แม็ค อัลลิสเตอร์ ยังคงมีอิทธิพลกับเกมของ ลิเวอร์พูล เช่นเคย และเป็นคนช่วยซัดประตูสุดสวยพาทีมขึ้นนำอีกด้วย และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อดีตแข้ง ไบรท์ตัน กลายเป็นคีย์แมนทีมของ คล็อปป์ เรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกัน ลิเวอร์พูล จะมีตัวเลือกในแดนกลางมากขึ้นหลังจาก เคอร์ติส โจนส์ ที่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บไปนานกว่า 2 เดือน กลับคืนสู่ทีมแล้ว โดยเกมนี้ ดาวเตะวัย 23 ปี ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง และก็สร้างประโยชน์ให้กับทีมได้มากมาย และเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมเลยก็ว่าได้
จุดที่น่าเสียดายคือ ผลต่างประตูได้เสีย ซึ่งบางทีลูกทีมของ คล็อปป์ อาจต้องมองไปที่ลูกได้-เสียด้วย เพราะมันเป็นจุดสำคัญที่จะตัดสินแชมป์ในกรณีที่ทีมอันดับ 1 และ 2 มีคะแนน เท่ากัน แต่เกมนี้พวกเขากลับยิง เชฟฟิลด์ ได้ไม่มากพอ
เหนือสิ่งอื่นใดการเก็บ 3 แต้มเหนือ เชฟฟิลด์ ได้ นั้น ถือเป็นจุดสำคัญที่สุด เพราะมันทำให้ ลิเวอร์พูล สามารถทวงตำแหน่งจ่าฝูงกลับคืนมาจาก อาร์เซนอล ได้อีกครั้ง โดยที่เหลืออีก 8 เกมสุดท้ายของฤดูกาลนี้ ให้ลงแข่งขัน
งานของ ลิเวอร์พูล กับ เชฟฟิลด์ ลุล่วงไปตามเป้าหมาย โดยตอนนี้ความสนใจหันกลับไปสู่เกม “แดงดือด” กับ แมนเชสเตอร์ ไนเต็ด ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายนนี้ และการปราชัยต่อ “ปีศาจแดง” 4-3 ในศึก เอฟเอ คัพ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ยังวนเวียนอยู่ในหัวแข้ง “หงส์แดง” แน่นอน
ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องเก็บชัยชนะเหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ได้ หากยังหวังต่อยอดลุ้นแชมป์ในช่วงที่เหลอของซีซัน และบางทีลูกทีมของ เอริก เทน ฮาก อาจจะให้คำตอบว่า “หงส์แดง” เวอร์ชั่น 2.0 ดีพอจะก้าวไปสู่ความสำเร็จหรือไม่