อูไน เอเมรี่ บนเส้นทางล้างแค้น อาร์เซนอล ของเจ้าพ่อยูโรปาลีก - FEATURE
เคยฝากฝีมืออันลือลั่นไปทั่ววงการลูกหนังยุโรปเมื่อหลายปีก่อน สำหรับ อูไน เอเมรี่ กุนซือคนเก่งของ "เรือดำน้ำ" บียาร์เรอัล ทีมดังแห่งศึกลาลีกา สเปน เพราะเคยนำทัพ เซบีญ่า ทีมดังแห่งแคว้นอัลดาลูเซียยึดแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปาลีก ได้ถึง 3 สมัยซ้อน ระหว่างปี 2014-2016 นั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ เอเมรี่ จึงได้รับขนานนามให้เป็น "เจ้าพ่อยูโรปาลีก" เพราะได้สร้างสถิติเป็นผู้จัดการทีมคว้าแชมป์รายการนี้ได้มากที่สุดถึง 3 สมัย เทียบเท่ากับผลงานของ "อิลแทร็ป" โจวานนี่ ตราปัตโตนี่ ตำนานกุนซือชาวอิตาเลียน ซึ่งเคยฝากผลงานเอาไว้ 2 ทีมใหญ่ในบ้านเกิด นั่นก็คือ "ม้าลาย" ยูเวนตุส 2 สมัยในปี 1977 กับ 1993 และ "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน อีกหนึ่งสมัยในปี 1991 เมื่อตอนสมัยที่ยังใช้ชื่อการแข่งขันว่า ยูฟ่า คัพ ก่อนจะมีการเปลี่ยนชื่อเป็นแบบปัจจุบันตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา
หลังสร้างชื่อกับ เซบีญ่า จนโด่งดัง จึงได้รับการเชื้อเชิญให้ย้ายไปคุมทีมใหญ่ขึ้นไปอีก โดยเคยสวมบทเป็นกุนซือ "เปแอสเช" ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ระหว่างปี 2016-2018 แม้จะกวาดแชมป์ในฝรั่งเศสได้ทุกรายการ แต่กลับตัดสินใจอำลาตำแหน่ง เพราะทนแรงกดดันจากความคาดหวังของบอร์ดบริหารสโมสรไม่ไหว ซึ่งเป้าหมายสูงสุดคือต้องคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองให้ได้
แต่คนมีฝีมืออย่าง เอเมรี่ ตกงานได้ไม่นานนัก เพราะหลังจากนั้นก็ได้รับการเชื้อเชิญจาก "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ให้มารับงานคุมทัพในช่วงกลางปี 2018 เพื่อสานงานต่อจาก อาร์แซน เวนเกอร์ ตำนานกุนซือชาวฝรั่งเศสที่ขอก้าวเท้าลงจากตำแหน่ง แม้จะพาทีมผ่านเข้านัดชิง ยูฟ่า ยูโรปาลีก ในปี 2019 แต่กลับพลาดท่าแพ้ เชลซี 1-4 จึงทำได้ดีที่สุดเพียงรองแชมป์ ก่อนจะถูกไล่ออกตำแหน่งในช่วงปลายปี 2020 เพราะทำผลงานในศึก พรีเมียร์ลีก ได้ต่ำกว่าตั้งเป้าที่วางเอาไว้ เพื่อเปิดทางให้ มิเกล อาร์เตต้า อดีตกัปตันทีมเข้ามารับงานคุมทีมต่อทันที และตอนนี้ทำผลงานในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีไม่ได้ดีกว่าเขาเลยด้วย
ทำให้ เอเมรี่ ตัดสินใจย้ายกลับบ้านเกิดเพื่อรับงานคุมทัพ "เรือดำน้ำ" บียาร์เรอัล ในฤดูกาลนี้ แม้จะทำผลงานไม่โดดเด่นในศึกลาลีกา แต่สามารถพาทีมไปได้ไกลในศึกลูกหนังสโมสรยุโรป เพราะทะลุเข้าสู่ถึงรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรปาลีก แต่โชคชะตาฟ้าลิขิตให้ต้องเตรียมเผชิญหน้ากับ อาร์เซนอล ทีมเก่าในรอบตัดเชือกทั้ง 2 เกมด้วย หากผ่านไปได้จะมีโอกาสสร้างสถิติเป็นกุนซือที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้มากที่สุดถึง 4 ครั้งเลยด้วย
จึงเป็นภาระกิจของ เอเมรี่ ซึ่งจะได้มีโอกาสล้างแค้นทีมเก่าที่เคยไล่ตะเพิดออกจากตำแหน่งกุนซือมาก่อน และเพื่อลุ้นต่อยอดสู่ความเป็น "เจ้าพ่อยูโรปาลีก" แบบตัวจริงเสียงจริงไปด้วยเลย
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด