โคตรดราม่า! เกิดอะไรใน 'ปารีส 2024' อาร์เจนติน่า แพ้ โมร็อกโก 1-2 กับประตูที่ถูกริบ และเกมหยุดลง 2 ชั่วโมง- FEATURE

โอลิมปิก เกมส์ "ปารีส 2024" เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันพุธ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยที่เหมือนเช่นเคยคือกีฬาแม่เหล็ก (และใช้เวลานานกว่าจะจบ) อย่าง "ฟุตบอลชาย" ลงเล่นกันก่อนใคร และที่สำคัญคือ เกมเปิดสนามยังนำ "ดราม่าร้อนๆ" มาเสิร์ฟ กับการที่ อาร์เจนติน่า พังประตูไล่ตามตีเสมอ โมร็อกโก ได้ในเฮือกสุดท้ายของการทดเจ็บ 90+15 แต่ปรากฏว่าเรื่องราวไม่ได้จบที่ตรงนั้น ความยุ่งเหยิงดราม่าซ้ำซ้อนยังตามมา และ อาร์เจนติน่า กลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ประเดิม ปารีส 2024 ไปเสีย

เหนือกว่าเยอะ...โดยชื่อชั้น

ระหว่าง อาร์เจนติน่า กับ โมร็อกโก แม้นี่จะเป็นบอลเยาวชน ยู-23 (บวกโควตาอายุเกิน) แต่ทุกฝ่ายต่างก็เชื่อว่า ไม่น่าใช่งานยากอะไรมากนักที่ทีมฟ้าขาวจะผ่านไปได้พร้อม 3 แต้มเต็ม ประเดิมสนามกลุ่มบี

เว็บไซต์ปรีวิวฟุตบอลเช่น SportsMole ฟันธงว่า อาร์เจนติน่า จะมาวิน 2-1 หรือ Sportskeeda ก็เชื่อว่าฟ้าขาวจะยาวไป ที่สกอร์ 3-1

นั่นเพราะเมื่อมองในขุมกำลัง อาร์เจนติน่า ชุดนี้ ดูเข้าท่าเข้าทีดีทีเดียว กับ 3 โควตาแข้งอายุเกินอย่าง ฮูเลียน อัลวาเรซ ดาวยิงจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้, นิโกลัส โอตาเมนดี้ ปราการหลังประสบการณ์สูงจาก เบนฟิก้า หรือนายประตูอย่าง เคโรนิโม่ รูยี่ จอมหนึบวัย 32 จาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ซึ่งก็อยู่ในชุดแชมป์ โคปา อเมริกา 2024 ด้วย เช่นเดียวกับบรรดาตัว ยู-23 จากทั้ง โบคา จูเนียร์ส, ริเวอร์เพลท หรือทีมอื่นๆ ไหนเลยก็ยังมีอดีตดาวเตะ ลิเวอร์พูล อย่าง ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กุมบังเหียนดูแลทีมอยู่ด้วย

เทียบกับ โมร็อกโก ที่มีแค่ อัชราฟ ฮาคิมี่ เป็นตัวชูโรงรายเดียว นอกนั้นชื่อไม่ค่อยจะคุ้นหูแล้ว ก็ควรถือว่า อาร์เจนติน่า เหนือกว่าเยอะเลย--ในหน้ากระดาษ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่่ทุกฝ่ายอาจลืมไป คือมาตรฐานของ "บอลเด็ก" ไม่ได้ห่างกันขนาดนั้น และเกมเปิดสนามก็มักนำมาซึ่งเรื่องเซอร์ไพรส์อยู่เสมอ

เกมนี้ก็เช่นกัน...

จานเซอร์ไพรส์ by โมร็อกโก

นิยามเดียวคือ "ไม่น่าเชื่อ" กับการที่ โมร็อกโก ฉีกสกอร์นำหน้า อาร์เจนติน่า ไปถึง 2-0 ในช่วงต้นครึ่งหลัง

เพราะกลายเป็นว่า อาร์เจนติน่า ไม่อาจสร้างเกมขึ้นไปทำอันตรายอะไรกับแนวรับ โมร็อกโก ได้มากเท่าที่ควร ตรงกันข้าม เป็นทาง โมร็อกโก ที่ออกจะวูบวาบกว่า สร้างจังหวะหวาดเสียวได้มากกว่าด้วยซ้ำไป

จนกระทั่งทดเจ็บ 45+2 สกอร์ 1-0 ของโมร็อกโกก็มา

จังหวะขึ้นเกมทางกราบขวา อิเลียส อโคมัช ดาวรุ่งวัย 20 จาก บียาร์เรอัล โชว์เหนือตอกส้นให้ บิลัล เอล คันนุส ทะลุขึ้นไปปาดเข้าใน ถึง ซูฟียาน ราฮิมี่ หัวหอกเบอร์ 9 เข้าชาร์จ 4-5 หลาตุงตาข่าย

ส่วน 2-0 ตั้งต้นจากความผิดของ โอตาเมนดี้ ที่พยายามเก็บบอลสุดเส้นหลังแต่เอาไม่อยู่ โดน อิเลียส อโคมัช ฉกไปได้ แล้วก็ซ้ำเติมด้วยความพลาดของ ฮูลิโอ โซแลร์ ที่ยื่นแขนไปผลักคู่แข่งล้มลง จนผู้ตัดสินจากสวีเดน (เกล็นน์ นีเบิร์ก) ไม่มีทางเลือก เป่าจุดโทษทันที และ ซูฟียาน ราฮิมี่ กดเปรี้ยงไม่เหลือ เป็นลูกเบิ้ลของตัวเอง

โมร็อกโก ฉีกสกอร์นำ 2-0 หลังจากเกมผ่านไป 51 นาที

แม้เวลาจะยังเหลือเยอะพอควรให้ อาร์เจนติน่า พลิกเกมได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อลูกตีไข่แตกกว่าจะมาจริง ก็เกือบเข้า 20 นาทีสุดท้ายของเกมแล้ว

2-2 ที่มาแล้ว และ 'นึกว่า' จบแล้ว

นาที 68 อาร์เจนติน่า ไล่ตามมา 1-2 กับจังหวะสาดขึ้นหน้าที่เลยไปทางซ้ายเขตโทษ ฮูลิโอ โซแลร์ พักลงแล้วตวัดกึ่งยิงกึ่งผ่านย้อนมาเสาแรก พอดีตรงนั้นมี จูเลียโน่ ซิเมโอเน่ (ลูกชายคนเล็กของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่) ทิ่มเข้าไปง่ายๆ

เมื่อประตูตีตื้นมาแล้ว เกมหลังจากนั้นก็คือการ "ใส่แหลก" ของ อาร์เจนติน่า แต่ในขณะเดียวกัน มันก็คือแมตช์ "โชว์ของ" ของ มูเนียร์ โมฮาเมดี้ นายประตูวัย 35 ที่เซฟสำคัญไว้ไม่ต่ำกว่า 2-3 หน ตรึงไม่ให้สกอร์ขยับขึ้นกว่านี้

อย่างไรก็ตาม การใส่แหลกสุดชีวิตของ อาร์เจนติน่า ก็นำมาซึ่งเสียงเฮลั่นสนั่น สต๊าด เจฟฟรัว-กีชาร์ ในอึดใจสุดท้ายของการทดเจ็บ ที่ลากยาวไปถึง 15 นาที (จากไหนไม่มีใครรู้ เมื่อเกมก็ใช่ว่าจะหยุดบ่อยหรือมีตัวเจ็บอะไร)

90+16 ติอาโก้ อัลมาด้า พยายามลากเลื้อยเลาะตัดหน้าเขตโทษมาส่องด้วยขวา บอลยิงแรกติดบล็อก บอลยิงหนที่สองติดเซฟ มูเนียร์ โมฮาเมดี้ เด้งมาข้างหน้า โอตาเมนดี้ ตวัดยิงซ้ำไปชนคาน บรูโน่ อมิโอเน่ กระโดดโหม่งซ้ำก็ชนคานเข้าอีกหน แต่สุดท้ายโชคยังเกื้อหนุนพอให้บอลลอยมาตรงหน้า คริสเตียน เมดิน่า โขกยัดเข้าประตูไปไม่เหลือ

สกอร์บอร์ดขยับขึ้น 2-2 แข้งฟ้าขาวและแฟนบอลเฮร่วมกันอย่างบ้าคลั่ง

และทีวีไทยก็ "ตัดจบ" ลงตรงนั้น (ซึ่งไม่รู้จะรีบร้อนตัดไปไหน) ด้วยเข้าใจว่า อาร์เจนติน่า ตีเสมอ 2-2 แย่งชิงแต้มสำเร็จ และผู้ตัดสินได้เป่าจบเกมลงแล้ว

อ่าวเฮ้ย... อาร์เจนติน่า แพ้!

แต่ที่ไหนได้ นั่นคือความเข้าใจผิดครั้งใหญ่

เสียงนกหวีดที่เกิดขึ้น คือการที่ผู้ตัดสินเป่า "ยุติเกมลงชั่วคราว" เมื่อในจังหวะจะเขี่ยเริ่มเกมกันใหม่ มีทั้งแฟนบอลที่วิ่งลงมาในสนาม, ข้าวของถูกปาลงไป หรือกระทั่ง "ประทัด" โป้งป้างโบ้งบ้าง ก็ยังถูกโยนลงไปในสนามด้วย

แรกสุดคือเกมไม่ได้จบตรงนั้น และถัดมาคือ อาร์เจนติน่า ก็ไม่ได้ประตู 2-2 เสียด้วย

หลังจากเกมหยุดไปนานถึงเกือบ "สองชั่วโมง" เพื่อให้สถานการณ์ความคุกรุ่นคลี่คลายลง และเมื่อนักเตะกลับลงมาแล้ว ก็ไม่มีแฟนบอลรายใดลงเหลืออยู่บนอัฒจันทร์อีก

ปรากฏว่า ฟีฟ่า ยืนยันว่า ประตูของ คริสเตียน เมดิน่า เป็นลูก "ล้ำหน้า" ในจังหวะการยืนของ บรูโน่ อมิโอเน่ ก่อนเข้าโขกบอลไปชนคาน (และ เมดิน่า โหม่งซ้ำเข้าประตู) ที่เหลื่อมจากกองหลังไป 1 ก้าว

อาร์เจนติน่า ไม่ได้ประตู 2-2 และทั้งสองฝั่งกลับมาลงเล่นกันต่ออีก 3 นาทีอย่างเงียบๆ

และสุดท้ายก็จบลงอย่างเงียบๆ ไปอย่างนั้น โดยที่ อาร์เจนติน่า แพ้ โมร็อกโก 1-2

ถัดจากนี้

บีบีซี นิยามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คือ "การเช็ก VAR ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์"

เช่นเดียวกับบางความเห็นของแฟนๆ เป็นต้นว่า "หนึ่งในเกมฟุตบอลที่บ้าบอที่สุดในประวัติศาสตร์"

"เรื่องบ้าคลั่งแบบนี้ เกิดขึ้นได้ก็เฉพาะกับฟุตบอล"

"เกมอันแสนบ้าคลั่ง บทสรุปของเกมคือเรื่องเหลือเชื่อ ดราม่าอะไรปานนั้น!"

หรือก็มีอีกไม่น้อย ที่โจมตีการทำหน้าที่ของทีมผู้ตัดสิน ทั้งการทดเจ็บ 15 นาที, การหยุดเกมยาวนาน 2 ชั่วโมง และการที่กว่าจะยืนยันการยกเลิกประตู 2-2 นั่น คนก็เข้าใจไปแล้วว่า เกมจบด้วยผลเสมอ

คงต้องจับตาดูกันต่อ ว่าถัดจากนี้ จะมีการเทกแอ็กชั่นอะไรเกี่ยวกับทีมผู้ตัดสินหรือไม่ หรือคำชี้แจงว่าทำไมถึงต้องหยุดเกมกันนานขนาดนั้น

แต่กับผลการแข่งขัน คงไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรเพิ่มเติม... อาร์เจนติน่า ออกตัวแบบทิ้งโค้ง เทกระจาด สาดกระจาย

และนี่คือวันแรกของฟุตบอลชาย ปารีส เกมส์ 2024

• กลุ่ม A : กินี แพ้ นิวซีแลนด์ 1-2
  กลุ่ม A : ฝรั่งเศส ชนะ สหรัฐอเมริกา 3-0
  กลุ่ม B : อาร์เจนติน่า แพ้ โมร็อกโก 1-2
  กลุ่ม B : อิรัก ชนะ ยูเครน 2-1
  กลุ่ม C : อุซเบกิสถาน แพ้ สเปน 1-2
  กลุ่ม C : อียิปต์ เสมอ โดมินิกัน 0-0
  กลุ่ม D : ญี่ปุ่น ชนะ ปารากวัย 5-0
  กลุ่ม D : มาลี เสมอ อิสราเอล 1-1
  

วันแรก ยังเสิร์ฟดราม่าร้อนฉ่าขนาดนี้ ก็คงต้องติดตามกันให้ดีต่อไป ว่าบอลชาย ปารีส 2024 จะเดินทางไปแบบไหน และตอนจบจะเป็นอย่างไร

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาร์เจนติน่า จะพลิกกระดานจากความพ่ายแพ้นัดแรก ไปได้หรือไม่ในท้ายที่สุด.