ชัยชนะแด่แฟนบอล อาร์เซนอล ผู้ล่วงลับ - FEATURES
เป็นหนึ่งเกมที่นอกเหนือจากสามคะแนนที่ได้รับแล้ว วันนึ้คงจะเห็นหนึ่งวันที่แฟนบอลหลายคนจดจำได้ไม่ลืม เมื่อ อาร์เซนอล เป็นหนึ่งในสโมสรที่ลงเล่นในช่วงเวลาแห่งการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่สอง แห่งสหราชอาณาจักรผู้ซึ่งเป็นที่รักของประชาชนชาวอังกฤษ และใครหลายคนในโลกด้วยพระชนมพรรษา 96 ปี และช่วงครึ่งหลังของเกมก่อนที่เกมจะเริ่มต้นขึ้น นักเตะและทีมงานอาร์เซนอลทุกคนมีการสวมปลอกแขนสีดำ และทั้งสองสโมร รวมถึงแฟนบอลในสนามต่างยืนไว้อาลัย (Minute’s Silence) ให้กับความสูญเสียครั้งนี้
หลังจบเกมนี้ อาร์เซนอล ยกเลิกการสัมภาษณ์ใด ๆ หลังเกมการแข่งขัน ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเพื่อเป็นการให้ไว้อาลัย และพรีเมียร์ ลีก กำลังอยู่ในช่วงของการประชุมว่าเกมฟุตบอลอังกฤษในช่วงสุดสัปดาห์นี้จะมีการยกเลิกเกมการแข่งขันหรือไม่ ต้องรอติดตามกันต่อไป
วงการฟุตบอล กับราชวงศ์อังกฤษ มีความใกล้ชิดผูกพันกันระดับหนึ่ง แต่ก็เป็นความผูกพันที่ยาวนาน ขณะที่สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่สองต่างทรงชื่นชอบฟุตบอลไม่น้อย ในวันที่อังกฤษคว้าแชมป์โลกในปี 1966 พระองค์คือผู้มอบถ้วย จูลล์ ริเมส์ ให้กับ บ๊อบบี้ มัวร์ กัปตันทีมชูขึ้นฟ้าในฐานะของแชมป์โลก สมัยแรกและยังคงเป็นสมัยเดียวของประเทศ
สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่สอง มีข่าวลือออกมาว่าพระองค์ทรงเป็นแฟนบอลของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด หรือมิลล์วอลล์ แต่ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือ อาร์เซนอล ซึ่งหนังสือพิมพ์ เดอะ ซัน เคยยกคำพูดของพระองค์ขึ้นหน้าหนึ่งมาแล้วว่าเป็นแฟนบอลของอาร์เซนอล ตามพระมารดาของพระองค์ รวมถึงการที่อาร์เซนอลได้รับเกียรติสูงสุดจากพระองค์ ซึ่งมอบหน้าที่ให้ เจ้าชายฟิลิป, ดยุกแห่งเอดิบะระ พระสวามีมาเป็นตัวแทนในการเปิดสนามแข่งเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมในปี 2006 ซึ่งแต่เดิมพระองค์จะเดินทางมาเปิดสนามให้ด้วยพระองค์เองแต่มีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลัง ทำให้ไม่สามารถเดินทางมาได้ ซึ่ง เจ้าชายฟิลิป ได้รับการระบุว่าเป็นแฟนบอลของอาร์เซนอลมาตั้งแต่วัยหนุ่ม (สิ้นพระชนม์ในปี 2021 ด้วยอายุ 99 ชันษา)
ทั้งนี้ อาร์เซนอล เป็นเพียงสโมสรเดียวในวงการฟุตบอลที่ได้รับเกียรติในการเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่สอง ที่พระราชวังบัคกิ้งแฮม ในปี 2007 และทรงประทานเลี้ยงชายามบ่าย (Afternoon Tea) ให้กับทุกคนในสโมสรอาร์เซนอลในวันนั้น ซึ่งมีอาร์แซน เวนเกอร์ เป็นผู้จัดการทีม และ เธียร์รี่ อองรี เป็นกัปตันทีมในการแนะนำเพื่อนร่วมทีมทุกคนกับพระองค์ในวันนั้น นี่คือหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่สโมสรจารึกไว้
กลับไปที่เรื่องภายในสนามกันบ้าง อาร์เซนอล มีภารกิจยูโรป้า ลีก เริ่มต้นขึ้นแล้วใน ซูริค, สวิสเซอร์แลนด์ การเจอกับ เอฟซี ซูริค ไม่ใช่เกมที่ง่ายดาย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของพวกเขา และด้วยภารกิจเกมต่อไปที่รออยู่ ด้วยอาการบาดเจ็บของนักเตะหลายคน มิเคล อาร์เตต้า ตัดสินใจเปลี่ยนผู้เล่น 7 คนลงสนามในเกมนี้ และมีถึงสองคนที่ประเดิมสนามเกมแรกอย่างเป็นทางการในวันนี้
แมตต์ เทอร์เนอร์ (27 ปี) นายทวารทีมชาติสหรัฐอเมริกา กับโอกาสแรกในชีวิตเกมแรกในฟุตบอลยุโรป ตลอด 90 นาที นอกจากจังหวะเซฟจุดโทษที่ไม่สำเร็จแล้ว ช่วงต้นเกมเขายังคงแสดงถึงการตื่นสนามอยู่บ้าง รวมถึงยังมีปัญหาเรื่องการอ่านเกม, การตัดสินใจออกมาตัดบอลกลางอากาศ และในทางกลับกันก็ได้เห็นเพลย์สวย ๆ กับการออกบอลเร็วที่สร้างโอกาสให้กับทีมได้หลายครั้ง
มาร์ควินญอส (19 ปี) ปีกบราซิเลี่ยนที่ว่ากันว่าตอนนี้ยังเรียนเทคคอร์สภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารยังไม่จบคอร์สดี ได้รับโอกาสในเกมนี้ หลังจากที่เขาสามารถปรับตัวกับชีวิตทั้งในและนอกสนามได้ดี มี 2-3 เกมในทีมระดับทีมสำรองที่แสดงผลงานออกมาเพื่อบ่งบอกว่าเขาดีเกินกว่าเล่นทีมสำรอง และนั่นทำให้ อาร์เตต้า ยื่นโอกาสนี้ให้ พร้อมแนบข้อมูลที่ว่าตลอดสามเดือนต่อจากนี้ จะดูพัฒนาการของเขา และค่อยตัดสินใจว่าตลาดการซื้อขายเดือนมกราคม เขาจะอยู่ที่ไหนในทีม หรือปล่อยยืมตัวออกไป
ตลอด 70 นาทีของ มาร์ควินญอส ทำได้น่าสนใจ ด้วยวัยยังไม่เต็ม 20 ปี สรีระบึกบึน ทักษะการเล่นที่เห็นแล้ว “นี่สินักเตะบราซิล” และความเร็วที่มีพอสมควร เกมนี้เขาได้ปล่อยของแบบเต็มที่ และได้เห็นความเข้าใจในเกมที่มีพอสมควร 1 ประตู 1 แอตซิสต์ ในเกมวันนี้ ทำให้เขาออกจากสนามด้วยเสียงปรบมือของแฟนบอล
ฟาบิโอ วิเอร่า (21 ปี) นี่คือเกมที่สองของเขาในทีมอาร์เซนอล แต่เป็นเกมแรกของเขาในฐานะตัวจริง การเล่นในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ที่เขาพูดเองว่าเป็นตำแหน่งที่ถนัดที่สุด ทำให้เห็นว่าเขามีเซนส์บอลที่ดี การออกบอลได้เปรียบหลายต่อหลายครั้ง ปัญหาเดียวคือเรื่องของสรีระที่บอบบาง จะส่งผลอย่างแน่นอนกับพรีเมียร์ ลีก ที่การเข้าปะทะจะหนักหน่วงกว่านี้ แรงกว่านี้ และเขาต้องเอาตัวให้รอด ถ้าคิดจะมีที่ยืนในวงการฟุตบอลอังกฤษ
อาร์เซนอลเกมนี้เล่นด้วยระบบการเล่น 4-2-3-1 แต่ก็มีการเปลี่ยนมาเล่นเป็น 3-4-3 บ้างในหลายจังหวะ โดยเฉพาะในจังหวะการขึ้นเกมรุก อย่างที่กล่าวไว้ เกมฟุตบอลยุโรปมีความ “เบากว่า” ในเรื่องของการเข้าปะทะต่างจากในเกมพรีเมียร์ ลีก และเป็นโอกาสที่ดีที่สุดหากจะเลือกสักเกมมาลองผลของการฝึกซ้อมในสนามซ้อมกับเกมการแข่งขันจริง ซึ่งผลที่ออกมาคือ ความสับสนของนักเตะ หลายต่อหลายครั้ง มีความไม่ไหลลื่นในเกมรุก การตัดสลับระหว่างการเปลี่ยนแผนการยืนตำแหน่งในบางจังหวะ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ต้องปรับปรุงกันต่อไปในสนามซ้อม แต่วันนี้ผลของการทดลองยังคงดูดี แต่ยังดีไม่พอ
เอฟซี ซูริค แม้จะเป็นสโมสรจากลีกสวิสเซอร์แลนด์ ลีกรองของยุโรป แต่พวกเขาก็แวะเวียนอยู่ในวงการฟุตบอลยุโรปมาโดยตลอด และเกมนี้บรรยากาศในสนามที่ปลุกเร้าตลอด 90 นาที ก็กระตุ้นพวกเขาได้เป็นอย่างดี
45 นาทีแรกของเกม อาร์เซนอล ทำได้ดีกว่าด้วยรูปแบบการเล่นที่สามารถครองเกมได้มากกว่า สร้างสรรค์โอกาสได้มากกว่า เมื่อ เอฟซี ซูริค วางแผนการเล่นเพรสซิ่งในแดนตนเอง ไม่ไล่บอลตั้งแต่แดนบนเหมือนที่อาร์เซนอลเล่น ทำให้อาร์เซนอล สามารถเซตเกมในแนวรับได้ง่าย ผลที่ออกมาจึงกลายเป็นเกมที่ค่อนข้างวันเวย์เป็นบางช่วง แต่ด้วยความที่อาร์เซนอลเองทั้งใส่ตัวสำรองเยอะ ทั้งเปลี่ยนแนวทางการเล่น มันก็เห็นได้ว่าไม่ลงตัว หลายครั้งเล่นฝืนกันไปเองโดยเฉพาะ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ในหลายจังหวะ สุดท้ายการเกิดประตูแรกจึงไม่ได้มาจากการขึงเกม แต่มาจากการสวนกลับ เมื่อปล่อยให้คู่แข่งได้รุกคืบขึ้นมา ฟาบิโอ วิเอร่า ได้บอลจากหน้าเขตโทษตัวเอง ก่อนออกบอลจังหวะเดียวให้กับ เอ็ดดี้ เอนเคเธีย สปีดไปทางซ้าย ก่อนดึงจังหวะเล็กน้อย รอมาร์ควินญอสเติมขึ้นมาก่อนเปิดเข้ากลาง บอลแฉลบแนวรับเจ้าบ้านเล็กน้อย แต่ก็ยังแรงพอจะถึง มาร์ควินญอส ยิงไม่มีพลาด ลูกนี้เป็นเพลย์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับอาร์เซนอล
การได้ประตูขึ้นนำทำให้ อาร์เซนอล ครองเกมได้มากขึ้นเรื่อย ๆ การเล่นของอาร์เซนอล ก็เปลี่ยนไป กรานิท ชาก้า ที่วันนี้เล่นร่วมกับ แซมบี้ โลกอนก้า ดันขึ้นไปเล่นเป็นระบบ 4-1-4-1 ตัดสลับไปมาเช่นเดียวกับ กองกลางเบลเยี่ยมที่กล้าดันเกมขึ้นไปมากกว่าตอนเล่นในพรีเมียร์ ลีก โดยเฉพาะชอตการยกบอลข้ามแนวรับให้กับ ฟาบิโอ วิเอร่า กระดกบอลข้ามคาน แทบจะไม่เคยเห็นมาก่อนในการเล่นกับอาร์เซนอลก็ได้เห็นในเกมนี้ อย่างไรก็ตาม อาร์เซนอล ยังรอคอยฟอร์มที่ดีขึ้นกว่านี้ของเขาในฐานะของกองกลางที่ดี แม้จะไม่ใช่กองกลางตัวรับ ที่ยังต้องรอคอย โธมัส ปาเตย์ และ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ กลับมา
ขณะที่ ชาก้า ในฐานะกัปตันทีมในวันนี้ ทำให้เห็นว่าสิ่งที่ อาร์เตต้า กล่าวไว้ก่อนเกมว่านักเตะคนนี้จะมีความสำคัญต่อเกมของทีมยิ่งชัดเจน เขาเล่นเป็น Box to Box ได้อย่างสมบูรณ์แบบในเกมนี้ พละกำลังถูกใช้ไปในการเล่นเกมรุก และเกมรับมากมาย เป็นวันหนึ่งที่ผลงานพิสูจน์คุณภาพของเขา
อย่างไรก็ตามปัญหาจากการที่ อาร์เซนอล เล่นเกมรุกเพลิน ๆ และเสียบอลในพิ้นที่เกมรุก ก็เปิดพื้นที่หลังบ้านตัวเอง ให้ ซูริคกลับมาในเกมนี้ จังหวะการเสียจุดโทษ ซึ่ง เอนเคเธีย ต้องใช้คำว่า “ประมาท” เกินไปกับการจะเตะบอลทิ้งที่กลายเป็นเตะช้ากว่าการเข้าถึงบอลของคู่แข่งกลายเป็นจุดโทษแบบไม่ต้องสงสัย ประตูนี้เป็นการพลาดส่วนบุคคลที่เกิดขึ้นจากการผิดพลาดของทีม เป็นหนึ่งในช่วงโมเมนต์ของเกมที่เกิดขึ้น และส่งผลต่อการเสียประตู
ครึ่งหลังอาร์เซนอลยังคงเหนือกว่าค่อนข้างมาก พวกเขายังคงขึงเกมรุกได้ดีกว่า ที่สำคัญขึงเกมได้ เอฟซี ซูริค ก็แก้ไม่ได้เสียด้วย และเมื่อเป็นแบบนั้น ประตูที่สองก็มาถึง เอนเคเธีย แก้ตัวได้สำเร็จกับการโหม่งประตูชัยในเกมนี้ ที่เครดิตส่วนหนึ่งคือการเปิดบอลของมาร์ควินญอส ที่เราจะได้เห็นว่าการเปิดพื้นที่ไปเสาไกล เอนเคเธีย จากจุดเริ่มต้นนอกเขตโทษวิ่งสปีดเข้าไปในเขตโทษ โดยมีคีแรน เทียร์นีย์ เป็นตัวหลังที่ก็หนีตัวประกบของตนเอง มารออีกเช่นกัน จังหวะแบบนี้ เกมรับทำพลาด ส่วนเกมรุกฉวยโอกาสเอาไว้ได้ดี และจบด้วยประตู และจบเกมด้วยสกอร์นี้
ในช่วง 20 นาทีสุดท้ายการเลือกเปลี่ยนตัวหลักลงมาหลายคน อาร์เซนอล ต้องการที่จะปิดเกมให้สนิท เป้าหมายของพวกเขาคือสามคะแนน และแน่นอนในเมื่อ เอฟซี ซูริค ยังไม่คิดถอดใจ เมื่อประตูที่สามยังมาไม่ถึง อะไรก็เกิดขึ้นได้ และซูริคก็เกือบได้ลุ้นเมื่อมีการเติมเกมรุกลงมาท้ายเกมแต่สุดท้ายไม่มีอะไรมากกว่านั้น พวกเขาจบเกมนี้ด้วยชัยชนะกลับลอนดอน
อาร์เซนอล จบเกมได้ตามเป้าหมาย อาจจะไม่ใช่ 90 นาทีที่ข่มคู่แข่งมิดทุกนาที มีช่วงเวลาที่สะดุด เล่นเกมรับหลายครั้ง ที่สำคัญคือความไม่ลงตัวในเกมรุก เมื่อมีการเปลี่ยนแผนการเล่นใหม่ โดยเฉพาะ 45 นาทีแรก ที่ซึ่งต้องซ้อมกันต่อไป แต่หากมองถึงวัตถุประสงค์ของการเลือกทีม และผลลัพธ์ที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็น ทีมคว้าสามคะแนน ตัวหลักบางคนก็ได้พัก ได้ลองแผนการเล่นใหม่ นักเตะใหม่ได้ปล่อยของ และผลงานส่วนตัวออกมาน่าพอใจ อย่างไรก็ตามเกมนี้มีเรื่องดีให้พูดมากกว่าเรื่องที่น่ากังวล และเตรียมตัวไปลุยกันต่อไปในเกมต่อไป
สามคะแนนแรกในเกมยุโรปได้ตามเป้าหมายแฟนบอลอาร์เซนอลทุกคนมีความสุข หลังจากผิดหวังในเกมก่อนหน้านี้ กำลังใจกลับมาได้บ้าง ท่ามกลางวันที่น่าหดหู่ในสหราชอาณาจักรกับการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้งของประเทศ
ชัยชนะแด่แฟนบอลอาร์เซนอลผู้หนึ่งที่ต้องจากไป….ขอพระเจ้าโปรดคุ้มครององค์ราชินีสู่สวรรค์