สรุปผล ฟุตบอลโลก 2022 คืนวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน: อังกฤษ ถล่มยับ, เนเธอร์แลนด์ส รัวท้ายเกม, เวลส์ แบ่งแต้ม
สรุปผลฟุตบอลโลก 2022 วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2022 เป็นการลงสนามในรอบแบ่งกลุ่มของกลุ่ม เอ และ บี โดยไฮไลท์อยู่ที่ทีมขวัญใจมหาชนอย่าง สิงโตคำรามอังกฤษ ที่เปิดสนามได้อย่างสวยหรูเอาชนะ อิหร่าน ไปแบบขาดลอยถึง 6-2 โดยผลการแข่งขันทั้งหมดมีดังนี้
อังกฤษ 6-2 อิหร่าน
(เบลลิงแฮม 35 ซาก้า 43, 62 สเตอร์ลิง 45+1 แรชฟอร์ด 71 กรีลิช 90 / ตาเรมี 65, 90+13)
สิงโตคำราม คืนฟอร์มเก่งอัด อิหร่าน ยับเยิน โดยเป็นอังกฤษที่ครองบอลบุกเข้าใส่แทบจะฝ่ายเดียวและออกนำก่อนจากลูกโขกของ จู้ด เบลลิงแฮม ในนาทีที่ 35 ก่อนที่ บูกาโย ซาก้า จะมาซัดลูกที่สองในนาทีที่ 43 และช่วงทดเวลาครึ่งแรก ราฮีม สเตอร์ลิง มาบวกลูกที่สามให้ทีมออกนำแบบสบาย ๆ 3-0 ในช่วงพักครึ่ง
ครึ่งหลัง ซาก้า มายิงประตูที่สองของตัวเองและเป็นประตูที่ 4 ของอังกฤษในนาทีที่ 62 แต่ 3 นาทีต่อจากนั้น เมห์ดี้ ตาเรมี มายิงตีไข่แตกให้ อิหร่าน ไล่มาห่าง ๆ 4-1 แต่หลังจากนั้น มาร์คัส แรชฟอร์ด และ แจ็ค กรีลิช สองตัวสำรองมาบวกเพิ่มอีกสองประตูให้ ทัพทรีไลออน หนีห่างเป็น 6-1 กระทั่งช่วงทดเวลา อิหร่าน มาได้จุดโทษและเป็น ตาเรมี คนเดิมที่สังหารเข้าไป ทำให้จบเกม อังกฤษ ถล่มไม่เลี้ยงคว้า 3 คะแนนแรกไปได้อย่างงดงามใน ฟุตบอลโลกครั้งนี้
เซเนกัล 0-2 เนเธอร์แลนด์ส
(กัคโป 84 คลาสเซน 90+9)
เกมคู่ที่สองของวันจันทร์เป็นการพบกันของสองยักษ์ใหญ่จากสองทวีป และดูจะเป็นนัดแรกในทัวร์นาเมนต์ที่เกมค่อนข้างคู่คี่สูสี เนื่องด้วยนักเตะส่วนใหญ่ค้าแข้งอยู่ในยุโรปทั้งสองทีมทำให้เกมค่อนข้างทันกันผลัดกันรุกผลัดกันรับ ฮอลแลนด์ ครองบอลได้มากกว่าเล็กน้อย ขณะที่ เซเนกัล เป็นฝ่ายหาจังหวะเข้าทำได้ชัดเจนกว่าแต่ยังไม่เฉียบขาดพอ กระทั่ง 10 นาทีสุดท้ายจากที่เกมรุกของ อัศวินสีส้ม ตื้อ ๆ มาทั้งเกมแต่พวกเขาออกนำก่อนจากจังหวะที่ แฟรงกี้ เด ยอง เปิดจากแนวลึกเข้าไปลุ้นและเป็น โคดี้ กัคโป ที่โฉบมาโหม่งตัดหน้า เอดูอาร์ด เมนดี้ เข้าประตูไป แม้หลังจากนั้นทีมดังจากแอฟริกาจะพยายามบุกหนักหวังตีเสมอแต่ก็ทำไม่ได้จนกระทั่งช่วงทดเจ็บ คลาสเซน มาซ้ำลูกยิงของ เด ปาย จ่อ ๆ เข้าไปช่วยให้ เนเธอร์แลนด์ส เอาชนะไปได้ในเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม 2-0
สหรัฐอเมริกา 1-1 เวลส์
(เวอาห์ 36 / เบล 82)
อีกคู่จากกลุ่ม บี หลังอังกฤษเก็บ 3 แต้มแรกไปได้ก่อนแล้ว โดยเกมนี้ครึ่งแรก อเมริกา ทำได้ดีกว่าชัดเจนทั้งรูปเกมและผลการแข่งขัน ซึ่งพวกเขาออกนำก่อนจากจังหวะที่ คริสเตียน พูลิซิช จ่ายทะลุให้ ทีโมธี เวอาห์ หลุดเดี่ยวก่อนยิงสวนตัว เวย์น เฮนเนสซีย์ เข้าไป และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-0 แต่หลังจากเริ่มครึ่งหลัง เวลส์ แก้เกมด้วยการพยายามเปิดเน้นบุกมากขึ้นขณะที่ สหรัฐ พยายามคุมเกมและรอโอกาสในการสวนกลับ โดยในช่วง 10 นาทีสุดท้าย เวลส์ มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ แกเร็ธ เบล โดนเสียบล้มลงในกรอบและเป็นเจ้าตัวที่ลุกมาสังหารเข้าไปไม่พลาดทำให้จบเกมแบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนนอย่างสุดมันส์
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด