บาร์ซ่า เตรียมเปลี่ยนสไตล์การเล่นหลัง ฮันซี ฟลิก อยากให้ทีมเน้นยิงเยอะขึ้น

  • สไตล์ 'ติกิ-ตาก้า' อยู่ควบคู่กับ บาร์เซโลน่า มานานแสนนาน
  • ฮันซี ฟลิก พร้อมเปลี่ยนทีมให้ครองบอลน้อยลง แต่ยิงประตูได้มากขึ้น
  • ฟลิก เผยว่าต้องการให้ลูกทีมเล่นบอลเพรสซิ่งสูงในซีซันหน้า
Germany v Japan - International Friendly
Germany v Japan - International Friendly / Alex Grimm/GettyImages
facebooktwitterreddit

ฮันซี ฟลิก กุนซือคนใหม่ของ บาร์เซโลน่า เปิดเผยว่าเตรียมชำแหละแผนการเล่นทีม ต่างดาว ให้มีความดุดันเร้าใจมากขึ้นกว่าเดิม โดยกุนซือสัญชาติ เยอรมัน เผยว่าต้องการเปลี่ยน บาร์ซ่า จากทีมที่เน้นการครองบอลให้เป็นฟุตบอลสไตล์เพรสซิ่งหนักมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ทีมยิงประตูได้มากกว่าเดิม

"วัฒนธรรมของที่นี่คือการทำเกมโดยการผ่านบอลไปมาเป็นหลัก แต่ผมอยากเปลี่ยนให้รูปแบบพุ่งไปหาประตูคู่แข่งมากขึ้น พวกเขาต้องโฟกัสในการทำประตูให้มากขึ้น ซึ่งผมไม่คิดว่าสไตล์ของผมเปลี่ยนไปนะ ผมมองหาสิ่งเดิมเสมอคือการเพรสซิ่งแดนสูง และชิงแดนกลางของฝั่งตรงข้ามมาให้ได้ และท้ายที่สุดคือคุณต้องชนะ เพราะที่ บาร์ซ่า คุณต้องเป็นผู้ชนะเท่านั้น"

"ผมพูดได้แค่ว่าเราอยากจะเป็นทีมที่มีความตื่นตัว เราต้องเป็นแบบนั้นทั้งตอนมีและไม่มีบอล มันขึ้นอยู่กับเราว่าจะทำได้ไหม เราสามารถควบคุมคู่แข่งให้ไปในทิศทางที่เราคาดหวังและแย่งบอลมาอย่างรวดเร็ว ผมชอบให้ลูกทีมเพรสคู่แข่งในจังหวะที่เหมาะสม และบางทีก็เพรสสูงมาก และเมื่อเราได้บอล ผู้เล่นทุกคนควรจะได้รับอิสระมากที่สุด นั่นคือสิ่งที่ผมคิดในเชิงเทคนิคนะ"

"เรามีปรัชญาการทำทีมและสไตล์การเล่น เรารู้ว่าเราอยากจะเล่นยังไง แต่ในเกมฟุตบอลทุกแมตช์ท้าทายเสมอ ดังนั้นมันอาจจะเปลี่ยนไปบ้างตลอดทั้งการแข่งขัน เพื่อที่เราจะสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับทีมได้"

"เราสามารถตัดสินใจดันมิดฟิลด์ขึ้นสูงหรือจับเขาไปอยู่ตรงอื่นก็ได้ แต่ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับวิธีการเพรสของเรา มันเป็นรายละเอียดเล็กน้อยที่เราต้องปรับเปลี่ยนไปตามคู่แข่งแต่ละทีม การเปลี่ยนแปลงจะขึ้นอยู่กับแต่ละแมตช์แต่ละคู่แข่ง และเราจะเปิดกว้างที่จะปรับเปลี่ยนรายละเอียดพวกนี้เสมอ"

เรียกได้ว่าเป็นการประกาศกร้าวเลยทีเดียวสำหรับ ฮันซี ฟลิก โดยการบอกว่าจะเน้นสไตล์ครองบอลให้น้อยลง เพราะอย่างที่รู้กันว่าสไตล์การครองบอลและผ่านบอลเท้าสู่เท้าหรือ 'ติกิ-ตาก้า' อยู่ในดีเอ็นเอของ บาร์เซโลน่า มานานแสนนานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อครั้งที่ยอดกุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำทีมเน้นบอลเท้าสู่เท้าเป็นหลักจนพาพลพรรค อาซูลกราน่า ตะลุยครองแชมป์ ยุโรป อย่างไร้เทียมทาน