ฝรั่งเศส 3-1 โปแลนด์: ชำแหละประเด็นหลังเกม ตราไก่ ทะลุรอบ 8 ทีม ฟุตบอลโลก

รายการ: ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน: คืนวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2022
ผลการแข่งขัน: ฝรั่งเศส 3-1 โปแลนด์
สนาม: อัล ตูมามา สเตเดี้ยม

1. เกมแพลน โปแลนด์ ดูดีกระทั่งนาทีที่ 44

ด้วยศักยภาพของนักเตะในทีม ชื่อชั้น และองค์ประกอบทั้งหลายที่เกี่ยวข้องทำให้ โปแลนด์ ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากกลยุทธ์ตั้งรับให้แน่นหนาเพื่อรอโอกาสสวนกลับเร็ว

พวกเขาเริ่มต้นด้วยการมีจังหวะเปิดช่องให้ โปแลนด์ เข้าทำให้เห็นอยู่บ้างในช่วงต้น หากแต่เป็นระยะที่ วอยเซียค เซสนี ยังสามารถรับมือได้อย่างไร้กังวล ก่อนที่จะสร้างโอกาสโต้ตอบหลังเกมผ่านราวครึ่งทางของครึ่งแรก

ลูกทีมของ เชสลาฟ มิคนีวิชซ์ พอจะตั้งเกมได้บ้างจนน่าจะได้ประตูสุดๆ ในช็อตที่พวกเขาสร้างโอกาสซัลโวในกรอบ 3 ครั้งซ้อนแต่ไม่ผ่านมือของ อูโก้ ยอริส และเหล่าแนวรับของทัพ ตราไก่ ที่ยืนออบล็อคที่เส้นประตู

หาก โปแลนด์ ได้ประตูดังกล่าวอาจทำให้ความเป็นไปของเกมหลังจากนั้นแตกต่างออกไป แต่นั่นก็ไม่เกิดขึ้นกระทั่ง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ แผลงฤทธิ์ก่อนหมดครึ่งแรกไม่กี่อึดใจ

2. จุดเปลี่ยนท้ายครึ่งแรก

ท่ามกลางสกอร์ที่ยังเท่ากัน และเกมที่ตึงเครียดเมื่อ ฝรั่งเศส ยังไม่สามารถพังประตูขึ้นนำได้ ขณะที่ครึ่งแรกกำลังจะหมดเวลา โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ก็แสดงให้เห็นความเด็ดขาดในการจบสกอร์ของตนเอง

บอลจาก คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่หน้าปากประตูกลายเป็นคิลเลอร์พาสให้กับ ชิรูด์ หลุดไปดวลกับ เซสนี ในกรอบเขตโทษก่อนดาวยิงวัย 36 ปีจะโชว์ทักษะยิงประตูชนิดกดบอลลงไปกับพื้นให้กระดอนขึ้นมาข้ามการเซฟของ เซสนี ไปซุกที่ก้นตาข่าย กลายเป็นประตูขึ้นนำของทัพ เลส์เบลอส์ ก่อนจบครึ่งแรกไม่กี่อึดใจ

ประตูดังกล่าวของ ชิรูด์ ยังทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่พังประตูให้กับทีมชาติ ฝรั่งเศส สูงสุดตลอดกาลที่จำนวน 52 ลูก แซงสถิติเดิมของ เธียร์รี อองรี (51 ประตู) ไปเป็นที่เรียบร้อย

3. คิลิยัน เอ็มบัปเป้ แผลงฤทธิ์

แม้กระทั่งภายใต้โซนเกมรับลึกของ โปแลนด์ ในครึ่งแรก สปีดต้นของ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ยังมีช็อตจุดประกายแสดงความอันตรายให้เห็นจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ชนิดซ้ายผ่านตลอด จังหวะดวลหนึ่งต่อหนึ่งของ เอ็มบัปเป้ กับแนวรับของ โปแลนด์ หรือกระทั่งการป้องกันสอดซ้อนสองชั้นยังยากที่จะดักเก็บดาวเตะวัย 23 ปีรายนี้ให้อยู่หมัด

กระทั่งการถอยหลังไปเป็นตัวจ่ายอยู่หน้าแผงแบ็คโฟร์ของ เอ็มบัปเป้ ก็ยังสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมและเป็นที่มาของการได้ประตูจาก ชิรูด์ ช่วงท้ายครึ่งแรก

เกมหลังจากนั้นกลายเป็นเข้าทาง ฝรั่งเศส เมื่อคู่แข่งจำเป็นต้องลอยสูงเพื่อเปิดเกมรุกเข้าใส่สำหรับประตูตีเสมอ พื้นที่สำหรับ เอ็มบัปเป้ ในการสวนกลับมีมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมในครึ่งหลัง และทีเด็ดของเจ้าตัวนำไปสู่การได้ประตูหนีห่าง 2-0 ในนาทีที่ 74 ต่อด้วยลูกตอกฝาโลง 3-0 นาที 90+1' ในที่สุด

แม้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ จะซัดลูกจุดโทษตีไข่แตกมาเป็น 3-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว