ทางเลือกของ “เบล” - FEATURE
แกเร็ธ เบล ตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของเขาบนวัย 32 ปี หลังจากตัดสินใจอำลา เรอัล มาดริด มุ่งหน้าข้ามทวีปไปยังลอสแอนเจลิส; สหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมงานกับ ลอสแอนเจลิส เอฟซี หรือในชื่อ แอลเอ เอฟซี ด้วยสัญญาซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่มีการคาดเดากันว่าจะเป็นสัญญาระยะสั้นเพียงหนึ่งปีเท่านั้น
อดีตนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกชาวเวลส์ ไม่ประสบความสำเร็จในสองปีที่ผ่านมาทั้งกับการยืมตัวมาเล่นกับสเปอร์ส ซึ่งแม้ว่าจะมีส่วนมากถึง 34 เกม แต่ก็ไม่อาจสร้างความประทับใจได้ในแบบครั้งแรกที่เขาอยู่กับทีม ขณะที่ฤดูกาลที่เพิ่งจบไป แม้ว่าเรอัล มาดริด จะจบด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 14 แต่เขาก็มีเวลาในสนามรวมแล้ว 7 นาที ตลอดทัวร์นาเมนต์ และนั่งข้างสนามตลอดเกมรอบชิงชนะเลิศ
ที่ผ่านมา เบล ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าเขามีปัญหากับ เรอัล มาดริด และแฟนบอลมาโดยตลอด ยิ่งหลังการออกจากทีมของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไป เขาที่ควรจะขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมแบบเต็มตัว แต่กลายเป็นว่าทั้งปัญหาเรื่องของการปรับตัวเข้ากับทีม มีการเผยว่าเขาไม่พูดภาษาสเปน ซึ่งเป็นภาษาหลักในห้องแต่งตัวของทีม แม้จะพูดได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงการปฏิบัติตัวกับแฟนบอลก็ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีเท่าไรนัก ส่วนเรื่องฟอร์มการเล่นของเขา เมื่อถึงช่วงร่วงหายก็หายแล้วหายไปเลย แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการจัดการตนเองของเขา
ในช่วงฤดูกาล 2019-2020 เขาหลุดจากทีมในเกมอุ่นเครื่องไม่ได้ไปกับทีม และดันมีภาพของเขาใช้เวลาไปกับการออกรอบตีกอล์ฟอย่างสบายอารมณ์ ก็ยิ่งทำให้เขาโดนมองว่าไม่มีความเป็นมืออาชีพมากพอ เช่นเดียวกับการไม่มีแรงกระตุ้นใด ๆ และทำให้กลายเป็นที่มาของการแซวกันว่า “โปรเบล” ซึ่งนักเตะหลายคนก็ออกมาพูดในเรื่องนี้ว่า มันไม่ใช่เรื่องแปลกใด ๆ กับการที่นักเตะสักคนจะมีไลฟ์สไตล์ส่วนตัวที่ชอบ แต่สุดท้ายแล้ว “คนไม่ใช่ทำอะไรก็ไม่เฟี้ยว” คือเรื่องจริงในสังคมนี้ และ เบล คือคนที่ไม่ใช่ในความรู้สึกของแฟนบอลเรอัล มาดริด ส่วนหนึ่ง และอาจจะรวมถึง ซีเนอดีน ซีดาน ซึ่งทั้งคู่มีปัญหากัน โดย “ซิซู” เวลานั้น เคยเอ่ยปาก “ไล่” เขาผ่านสื่อมาแล้ว ด้วยการระบุว่านักเตะไม่มีชื่อในทีม เพราะเขากำลังจะย้ายทีม และหวังว่าจะย้ายออกไปเร็วที่สุด
สุดท้ายกลายเป็นเรื่องดราม่ากันทั้งจากฝั่งของ ซีดาน และฝั่งของตัวแทนนักเตะ ออกมาพูดถึงกันและกันทั้งแบบตรงไปตรงมา และแซะกันไปมาจนในที่สุดเขาก็ได้ย้ายไปเล่นกับสเปอร์ส และก็อย่างที่บอกด้านบน ผลงานของเขาก็ไม่ประทับใจดังเก่า ไม่มีการเซ็นสัญญาถาวร เช่นเดียวกับการกลับมาที่ เรอัล มาดริด อีกครั้งกับการทำงานร่วมกับ คาร์โล อันเชลอตติ ก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ของเขาดีขึ้นนัก แม้จะมีการส่งลงสนาม สนับสนุนเขาทุกครั้งที่มีโอกาส สุดท้ายเขากลายเป็นหนึ่งในตัวสำรองค่าเหนื่อยแพงที่สุดในโลกกับค่าเหนื่อยระดับ 600,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และมันจะจบลงเสียทีในวันที่ 30 มิถุนายน 2022 เมื่อสัญญาที่มัดกันไว้รวมแล้ว 9 ปีกำลังจะหมดลง
ในช่วงที่ร่วงหล่นที่สุดช่วงหนึ่งของตนเอง ช่วงเวลาที่ดีที่สุดก็เกิดขึ้นกับการเล่นทีมชาติเวลส์ สถานที่ซึ่งเขายังคงเป็น “หัวใจ” ของทีมอยู่เสมอ ทุกครั้งที่กลับไปเล่นทีมชาติเสียงโห่ทั้งหลาย กลายเป็นเสียงโห่ร้องแห่งความดีใจที่ได้เห็นฮีโร่คนเดิมของพวกเขาสวมเสื้อแดงของทีมชาติลงสนาม ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า 16 ปีเข้าไปแล้วที่เขาลงเล่นกับทีมชาติชุดใหญ่ และตอนนี้เขากลายเป็นกัปตันทีมคนแรกในรอบ 64 ปี ที่จะได้นำเพื่อนร่วมทีมลงสนามในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายนับจากปี 1958 เป็นต้นมา
ช่วงเวลาที่รุ่งเรืองมาพร้อมในช่วงเวลาที่เหมาะสม เบล กลายเป็นชื่อที่อยู่ในกระแสสังคมอีกครั้ง ภายของเขาฉลองร่วมกับเพื่อนร่วมทีมชาติ ทำให้เขากลับมาดูโดดเด่น และมีความสุขมากกับการเล่นฟุตบอลอีกครั้ง และมีหลายสโมสรที่อยากได้เขาไปร่วมงานด้วย หนึ่งในนั้นคือ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมบ้านเกิดของเขา ที่ยังไม่เคยลงเล่นด้วยกันมาก่อนเลย เพราะ เบล เริ่มต้นการเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังกับ เซาธ์แธมป์ตัน เป็นสโมสรแรก แต่สุดท้ายแล้ว เบล ไม่ได้เลือกเส้นทางนี้ เพราะเขาเชื่อว่าเขายังดีพอที่จะอยู่ในระดับที่สูงกว่าลีกรองของอังกฤษ
การเลือกไปเล่นฟุตบอลในเมเจอร์ ลีก สหรัฐอเมริกา ดูจะเป็นทางเลือกที่เหมาะกว่าสำหรับเขาในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น
ประสบการณ์ใหม่ : บนวัย 32 ปี การเล่นในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ทั้งในสเปน หรือว่าในอังกฤษ อาจจะไม่กระตุ้นความท้าทายของเขาอีกต่อไปแล้ว จริงอยู่ที่ว่าระดับการเล่นอาจจะสูงกว่าในอเมริกา แต่ทั้งเรื่องของการห่างหายไปนานสองปีที่ลงเล่นไม่ได้เยอะมาก ไหนจะเรื่องค่าแรงที่สูงมาก มันก็ไม่ง่ายที่จะหาทีมมารับในส่วนนี้ ลืมไปได้เลยกับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เพราะหากย้ายไปที่นั่น เขาต้องลดค่าแรงอาจจะมากกว่า 10 เท่าด้วยซ้ำ ซึ่งมันก็คงไม่ยุติธรรมกับเขาเท่าไรนักเช่นกัน
การย้ายมาเล่นในอเมริกาจะทำให้เขาได้รายได้ที่สูงในระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับโอกาสในการเปิตลาดในอเมริกาเหนือ ที่อาจะทำให้เขามีแนวคิดใหม่ ๆ ในการทำงานของตนเองต่อไปหลังจบชีวิตการเล่นฟุตบอลอาชีพ
เมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ เริ่มทำมาตรฐานได้ดีขึ้นตามลำดับ เพิ่มเติมด้วยหลายสโมสรดึงนักเตะชั้นนำหลายคนไปเล่นอยู่ที่นั่นทั้งแบบปลายอาชีพ หรือใกล้จะปลายอาชีพชื่อของ กอนซาโล่ อิกวาอิน, ลอเรนโซ่ อินเซเญ่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, เซร์ดาน ชากิรี่ รวมถึง คาร์ลอส เวล่า นี่คือชื่อของนักเตะที่อยู่ในลีกนี้
โอกาสในการลงเล่นต่อเนื่อง : เป็นสิ่งที่เขาต้องการแน่นอนจากฤดูกาลล่าสุดที่ลงเล่นไปน้อยมาก 7 เกม 290 นาที นับตัวจริงแค่ 4 เกม และโดนเปลี่ยนตัวออกก่อนจบเกมทั้งหมด เบล ถือว่ารักษาร่างกายของตนเองดีมากที่ยังคงสามารถลงเล่นได้แบบเต็ม 100 % อย่างไรก็ตามจังหวะการเล่นคือสิ่งที่ขาดหายไปแน่นอน เพราะมันเกิดจากการฝึกซ้อม และลงเล่นต่อเนื่อง การย้ายทีมเพื่อตัวจริงจะได้ในส่วนนี้โดยตรง และแน่นอนที่สุด เพื่อให้เขาพร้อมที่สุดสำหรับฟุตบอลโลก 2022 ปลายปี
สัญญาหนึ่งปี (ตามข่าว) นับจากนี้ของเบล กับเส้นทางใหม่ที่เขาได้เลือกแล้ว จะเป็นการพิสูจน์อะไรหลายอย่างว่า เบล ยังคงเป็นนักเตะที่มีผลงานโดดเด่นอยู่หรือไม่ หรือจะเป็นเพียงการย้ายเข้ามาเพื่อกอบโกยรายได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามแต่ ทางเลือกนี้คือโอกาสที่ดีมากครั้งหนึ่งของเขาในช่วงปลายอาชีพอย่างแน่นอน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อยู่ที่ว่าเขาจะเก็บเกี่ยวจากโอกาสเหล่านั้นได้มากแค่ไหนเท่านั้น