เปิดรายชื่อ 5 ยอดกุนซือที่ไม่เคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพในลีกสูงสุดมาก่อน - LISTS

  • ผู้จัดการทีมคือตำแหน่งหัวเรือใหญ่ที่จะเป็นผู้กำหนดผลงานและแนวทางการเล่นของแต่ละสโมสร
  • กุนซือหลายคนผันตัวมาจากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ซึ่งหลายรายเคยโด่งดังในฐานะนักฟุตบอลมาแล้ว
  • อย่างไรก็ตามก็ยังมียอดโค้ชบางรายที่มาจากการเป็นนักเตะโนเนมแต่กลับสามารถประสบความสำเร็จอย่างสูงในอาชีพกุนซือ
Liverpool Training & Press Conference
Liverpool Training & Press Conference / Shaun Botterill/GettyImages
facebooktwitterreddit

ผู้จัดการทีมคือหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของวงการฟุตบอลทั้งในระดับสโมสร และระดับนานาชาติ เพราะเป็นคนวางแผน กำหนดทิศทางการเล่น แก้เกม รวมถึงการพัฒนานักเตะ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ เทรนเนอร์ 5 รายต่อไปนี้ ไม่เคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพในลีกสูงสุดมาก่อน แต่พวกเขากลับสามารถพาทีมประสบความสำเร็จจนสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองได้ในปัจจุบัน...


5. จูเลียน นาเกลส์มันน์

Netherlands v Germany - UEFA Nations League 2024/25 League A Group A3
Netherlands v Germany - UEFA Nations League 2024/25 League A Group A3 / Jürgen Fromme - firo sportphoto/GettyImages

 นาเกลส์มันน์ เคยเป็นผู้เล่นที่มีอนาคตสดใสในระดับเยาวชน และมีพรสวรรค์มากมาย แต่อดีตกองหลังรายนี้ จำเป็นต้องรีไทร์ด้วยวัยเพียงแค่ 20 ปี เนื่องจากอาการบาดเจ็บเรื้อรัง ซึ่งทำให้เจ้าตัวต้องล้มเหลวกับการก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของทั้ง 1860 มิวนิค และ เอาก์สบวร์ก

หลังจากเอาดีทางด้านนักเตะอาชีพไม่ได้ นาเกลส์มันน์ มุ่งหน้าสู่การเป็นโค้ชเต็มตัว โดยเริ่มจากเป็นทีมงานแมวมองของเทรนเนอร์คนดังอย่าง โธมัส ทูเคิ่ล ที่ เอาก์สบวร์ก จากนั้น ก็ไปศึกษาด้านบริหารธุรกิจ และวิทยาศาสตร์การกีฬา

นาเกลส์มันน์ เริ่มต้นอาชีพกุนซือกับทีมเยาวชนของ ฮอฟเฟนไฮม์ ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้คุมทีมชุดใหญ่ด้วยวัย 28 ปี เท่านั้น และสิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ ในวัย 37 ปี เขาผ่านการคุมทีมชั้นนำมากมายไล่ตั้งแต่ แอร์เบ ไลป์ซิก, บาเยิร์น มิวนิค และ ทีมชาติเยอรมันในปัจจุบัน

4. ราฟา เบนิเตซ

Steven Gerrard, Rafa Benitez
UEFA Champions League Final: AC Milan v Liverpool / Richard Sellers/Allstar/GettyImages

เบนิเตซ เป็นอดีตกองหลังดาวรุ่งที่มีแววสดใสของ เรอัล มาดริด แต่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บหนักขณะเล่นให้กับทีม ของมหาวิทยาลัยสเปน ซึ่งทำให้ไม่สามารถลงเล่นให้กับทีมเยาวชน “ราชันชุดขาว” หรือทีมสำรองได้ และต้องถูกปล่อยตัวออกจากสโมสรในเวลาต่อมา

หลังอำลา มาดริด ราฟา โยกไปเล่นกับ ปาร์ลา และ ลินาเรส ในดิวิชั่น 3 และ 4 ของสเปน แต่ก็ต้องแขวนสตั๊ดในปี 1986 หลังจากประสบปัญหาอาการบาดเจ็บอีกครั้ง และอาชีพโค้ชของเขาเริ่มต้นกับทีมเยาวชนของต้นสังกัดเก่าอย่าง มาดริด

เบนิเตซ เริ่มขยับไปคุมทีมอย่าง เรอัล บายาโดลิด, โอซาซูนา, เอ็กซ์เตรมาดูรา และเตเนริเฟ่ ก่อนจะสร้างชื่อกับ บาเลนเซีย ด้วยการคว้าแชมป์ลาลีกา 2 สมัย และยูฟ่า คัพ 1 สมัย จากนั้น ก็พา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เอฟเอ คัพ และยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ อย่างละ 1 สมัย

หลังแยกทางกับ ลิเวอร์พูล ยอดเทรนเนอร์ชาวสเปน ก็ไปคุม อินเตอร์, เชลซี, นาโปลี, มาดริด, นิวคาสเซิ่ล, ตาเหลียน โปรเฟสชันแนล, เอฟเวอร์ตัน และ เซลต้า บีโก้ อีกด้วย

3. คาร์ลอส อัลแบร์โต ปาเรร่า

Brazilian national soccer team coach Car
Brazilian national soccer team coach Car / ANTONIO SCORZA/GettyImages

ปาร์เรรา เป็นโค้ชของทีมชาติบราซิลในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งที่ 4 เมื่อปี 1994 และเคยคุมทัพ “เซเลเซา” มากถึง 3 หน และตระเวนไปคุมทีมระดับนานาชาติหลายทีมอาทิ คูเวต, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ซาอุดีอาระเบียและแอฟริกาใต้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แฟนบอลหลายคนไม่ทราบมาก่อนก็คือ ปาร์เรรา ไม่เคยเล่นฟุตบอลอาชีพเลยแม้แต่เกมเดียว โดยโฟกัสไปที่การเป็นกุนซือตั้งแต่แรก โดยเริ่มทำงานกับกานาด้วยวัยเพียง 23 ปี เท่านั้น

2. อาริโก ซาคกี้

Arrigo Sacchi
Lega Serie C New Logo Unveiling / Image Photo Agency/GettyImages

ซาคกี้ ไม่ดีพอที่จะเล่นให้กับสโมสรท้องถิ่นอย่าง บารัคก้า ลูโก แต่ก็เป็นโค้ชให้กับทีมแทนเมื่ออายุ 26 ปี และยังเคยทำงานเป็นพนักงานขายรองเท้ามานานหลายปี ขณะที่คุมทีม เบลลาเรีย, เชเซน่า แล ะริมินี่ ในลีกระดับล่างของฟุตบอลอิตาลี

ในที่สุด ซาคกี้ ก็สร้างความประทับใจให้กับ ปาร์ม่า และย้ายไปคุมทีม เอซี มิลาน ในปี 1987 แต่ยังมีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า เขาจะประสบความสำเร็จกับการทำงานในสโมสรยักษ์ใหญ่ได้หรือไม่หลังจากไม่เคยเป็นนักเตะอาชีพมาก่อน

อย่างไรก็ตาม ซาคกี้ อธิบายเรื่องดังกล่าวว่า “ผมไม่เคยคิดเลยว่า การที่จะเป็นนักแข่งม้าที่ดีได้ คุณต้องเป็นม้าก่อน” พร้อมพิสูจน์ด้วยการพา มิลาน คว้าแชมป์เซเรีย อา 1 สมัย และคว้าแชมป์ยูโรเปียน คัพ 2 ต่อมาพาอิตาลีเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 1994 โดยแพ้ดวลจุดโทษให้ บราซิล ไปอย่างหวุดหวิด

1. โชเซ่ มูรินโญ่

Jose Mourinho
Sheffield United v Chelsea / Sportsphoto/Allstar/GettyImages

มูรินโญ่ เป็นอดีตกองกลางที่เล่นให้กับทีมระดับล่างในโปรตุเกสอย่าง ริโอ อาเว, เบเลเนนเซส เซซิมบรา และ โกเมร์ซิโอ เอ อินดุสเตรีย ในลีกระดับล่างของโปรตุเกส และตัดสินใจแขวนสตั๊ดเมื่ออายุ 23 ปี เพื่อเข้าสู้เส้นทางเทรนเนอร์เต็มตัว

มูรินโญ่ ไปเรียนด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา และเคยทำงานเป็นครูพละ ก่อนที่จะรับหน้าที่ผู้ช่วย และล่ามให้กับตำนานกุนซืออย่าง บ๊อบบี้ ร็อบสัน ที่ สปอร์ติ้ง ลิสบอน, ปอร์โต้ และ บาร์เซโลนา ซึ่งทำให้เจ้าตัวได้ความรู้มากมาย

ต่อมา “เดอะ สเปเชียล วัน” ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล โดยคว้าแชมป์รายการใหญ่ๆ มากมายกับ ปอร์โต้, เชลซี, อินเตอร์, เรอัล มาดริด, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ โรม่า