ตามรอย 20 แข้ง โกลเด้นบอย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน - LIST
โดย โตมร นวลประเสริฐ
รางวัลโกลเด้นบอยเป็นรางวัลที่เหล่าผู้สื่อข่าวฟุตบอลลงคะแนนโหวตเลือกนักเตะดาวรุ่งที่ผลงานน่าประทับใจที่สุดในปีปฏิทิน โดยแคนดิเดทตัวเลือกทั้งหมดจะต้องมีอายุไม่เกิน 21 ปีรวมทั้งลงเล่นอยู่ในลีกระดับท็อปของ ยุโรป
เกียรติยศนี้ถูกก่อตั้งโดย ตุตโต้สปอร์ต สื่อใน อิตาลี ตั้งแต่ปี 2003 โดยมีสื่อจาก เยอรมนี (บิลด์), สวิตเซอร์แลนด์ (บลิค), โปรตุเกส (เอ โบลา), ฝรั่งเศส (เลอกิ๊ป และ ฟรานซ์ฟุตบอล), สเปน (มาร์ก้า), มุนโด้ เดปอร์ติโบ (สเปน), กรีซ (ทา เนีย), รัสเซีย (สปอร์ต เอ็กซ์เพรสส์), เนเธอร์แลนด์ (เดอ เทเลกราฟ) และ สหราชอาณาจักร (เดอะไทมส์)
90min พาผู้อ่านย้อนรอย 20 ดาวเตะเจ้าของรางวัล โกลเด้นบอย นับตั้งแต่มีการประกาศรางวัลนี้ในปี 2003 จนถึงปัจจุบัน เส้นทางค้าแข้งของพวกเขาเหล่านั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง
20. กาบี (2022)
กาบี มิดฟิลด์วัย 18 ปีสังกัด บาร์เซโลนา แห่งศึก ลา ลีกา สเปน คว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม โกลเด้นบอย 2022 ไปครองอย่างเป็นทางการให้หลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งคว้ารางวัลโกปา โทรฟี จาก ฟรองซ์ ฟุตบอล เพียง 1 สัปดาห์
ลูกหม้อจาก ลา มาเซีย มีชื่อข้าชิงรางวัล โกลเด้นบอย 4 คนสุดท้ายร่วมกับ จู๊ด เบลลิงแฮม สังกัด โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, จามาล มูเซียลา ของ บาเยิร์น มิวนิค และ เอดูอาร์โด้ คามาวินก้า จาก เรอัล มาดริด ก่อนที่ กาบี จะคว้ารางวัลดังกล่าวไปครอง
19. เปดรี (2021)
ให้หลังจากการผงาดกลายเป็นคีย์แมนทั้งในนามสโมสร บาร์เซโลนา และกับทีมชาติ สเปน ยืนระยะลงสนามชนิดมาราธอนในรอบปี ดาวรุ่งจากทัพ อาซูลกรานา ก็คว้ารางวัลเกียรติยศดังกล่าวมาครอง
โดยคะแนนของ เปดรี นำห่าง จู๊ด เบลลิงแฮม ในอันดับ 2 ขาดลอยถึง 200 คะแนน
18. เออร์ลิง ฮาแลนด์ (2020)
หลังจากซัลโวประตูให้กับอดีตต้นสังกัดอย่าง เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ใน ออสเตรีย อย่างถล่มทลาย เออร์ลิง ฮาแลนด์ ยังคงยกระดับการเป็นเพชฌฆาตตีนระเบิดกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต่อเนื่อง
ปัจจุบันในวัย 21 ปีเจ้าตัวยังคงมีสถานะเป็นหนึ่งในกองหน้าตัวจบสกอร์ที่ดีที่สุดในโลก
17. ชูเอา เฟลิกซ์ (2019)
ความมหัศจรรย์ในฤดูกาลเดบิวต์ของ ชูเอา เฟลิกซ์ กับทีมชุดใหญ่ของ เบนฟิก้า จากสถิติ 20 ประตูจากทั้งหมด 43 เกมที่ลงเล่นเมื่อรวมทุกรายการในซีซัน 2018/19 ทำให้เขาคว้ารางวัล โกลเด้นบอย ไปครองก่อนที่ แอตเลติโก มาดริด จะทุ่มเงินเป็นสถิติสูงสุดของสโมสรที่ราว 113 ล้านปอนด์เซ็นสัญญากับวันเดอร์คิดทีมชาติ โปรตุเกส
อย่างไรก็ตาม เฟลิกซ์ ดูเหมือนจะยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับวิถีฟุตบอลภายใต้การคุมทีมของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน ได้ดีเท่าไหร่นักหลังอยู่ในถิ่น ว่านต๋า เมโตรโปลิตาโน มาแล้ว 3 ฤดูกาล
16. มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์ (2018)
กองหลังหนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์การมอบรางวัล โกลเด้นบอย ผู้ก้าวขึ้นมาจากทีมชุดเยาวชนของ อาแจ็กซ์ กลายเป็นกัปตันทีมอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของพวกเขาในวัย 18 ปี
ปัจจุบันเจ้าตัวยังคงเป็นหนึ่งในกำลังหลักของ ยูเวนตุส หลังถูกทัพ ม้าลาย คว้าตัวไปร่วมทัพด้วยมูลค่าราว 75 ล้านยูโรตั้งแต่ซัมเมอร์ 2019
15. คิลิยัน เอ็มบัปเป้ (2017)
ลูกหม้อของ โมนาโก ที่โชว์ฟอร์มปรอทแตกในฤดูกาล 2016/17 กด 26 ประตูจาก 44 นัดเมื่อรวมทุกรายการให้กับสโมสรจนทำให้เขาคว้าเกียรติยศ โกลเด้นบอย ไปครองก่อนที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จะคว้าตัวเขาไปร่วมทัพภายใต้สัญญายืมตัวพ่วงออปชันซื้อขาดมูลค่า 180 ล้านยูโร (ราว 163 ล้านปอนด์) ขึ้นแท่นกลายเป็นนักเตะมูลค่าแพงสุดในโลกเป็นอันดับที่ 2 ต่อจาก เนย์มาร์ก ทันที
14. เรนาโต้ ซานเชส (2016)
มิดฟิลด์ผู้แจ้งเกิดกับ เบนฟิก้า นับตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ถูกดันขึ้นมาโลดแล่นในทีมชุดใหญ่ของสโมสร พาทีมซิวดับเบิลแชมป์ฟุตบอลภายในประเทศในซีซันดังกล่าวจนทำให้เจ้าตัวคว้าเกียรติยศ โกลเด้นบอย ไปครองก่อนที่เขาจะกลายเป็นแข้ง โปรตุกีส ในลีกค่าตัวแพงสุดเมื่อย้ายไปร่วมทัพ บาเยิร์น มิวนิค ในซัมเมอร์ 2016 ที่มูลค่าราว 35 ล้านยูโรบวกออปชันโบนัสอีก 45 ล้านยูโร
โชคร้ายที่ เรนาโต้ ซานเชส ไม่อาจแจ้งเกิดกับพลพรรค เสือใต้ ได้โดยถูกปล่อยตัวให้ สวอนซี ยืมตัวไปใช้งานฤดูกาลถัดมาและขายขาดให้กับ ลีลล์ ในซัมเมอร์ 2019 ก่อนคว้าแชมป์ลีกเอิง 2020/21
13. อ็องโตนี มาร์กซิยาล (2015)
อดีตเด็กปั้นสังกัด ลียง ที่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับ โมนาโก ในฤดูกาลที่ 2 ของเขากับทีม ตะบันไปทั้งสิ้น 12 ประตูจากการลงเล่น 48 นัดเมื่อรวมทุกรายการจน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุ่มทุน 36+22 ล้านปอนด์ซิวเขาไปร่วมทัพภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ในซัมเมอร์ 2015
มาร์กซิยาล เป็นหนึ่งในขุนพลคีย์แมนของ ปีศาจแดง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมากับการถูกผ่าตัดดีเอ็นเอจากตัวรุกริมเส้นเป็นกองหน้าตัวเป้าในช่วงหลัง
12. ราฮีม สเตอร์ลิง (2014)
ลูกหม้อของ ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส ผู้ถูกอคาเดมีของ ลิเวอร์พูล ดึงตัวไปปลุกปั้นก่อนเดบิวต์ให้กับทีมชุดใหญ่ของ หงส์แดง ในซีซัน 2011/12 เขากลายเป็นหนึ่งในกำลังหลักของ เร้ดแมชีน ในฤดูกาลถัดมาก่อนที่ฟอร์มการเล่นในปี 2013/14 จะทำให้เขาคว้าเกียรติยศ โกลเด้นบอล
ราฮีม สเตอร์ลิง กลายเป็นแข้งในสังกัดของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในซัมเมอร์ 2015 ด้วยมูลค่า 44+5 ล้านปอนด์ เป็นคีย์แมนของ เรือใบสีฟ้า ตลอด 6 ฤดูกาลถัดมา กระทั่งการมาถึงของ แจ็ค กรีลิช จะสั่นคลอนตำแหน่งตัวจริงของเจ้าตัวในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ย มในฤดูกาลนี้
11. ปอล ป็อกบา (2013)
จากสถานะเด็กปั้นอนาคตไกลของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนที่โอกาสในการลงสนามของเขากับทีมจะถูกจำกัดและกายเป็น ยูเวนตุส ที่คว้าตัวเขาไปครองและกลายเป็นฟอร์มการเล่นกับทัพ ม้าลาย ฤดูกาลแรกที่ทำให้เขาซิวเกียรติยศ โกลเด้นบอย จากการเป็นหนึ่งในตัวหลักพาทีมคว้าแชมป์ กัลโช เซเรีย อา
ถัดมาจากนั้นอีก 4 ซีซันเขารีเทิร์นสู่ถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้งด้วยมูลค่าราว 89.3 ล้านปอนด์และเป็นคีย์แมนให้กับ เร้ดเดวิลส์ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
10. อิสโก้ (2012)
อดีตลูกหม้อของ บาเลนเซีย ผู้ไม่อาจแจ้งเกิดกับทัพ ค้างคาว ได้ก่อนกลายเป็นกำลังสำคัญของ มาลาก้า พาทีมคว้าโควต้าเข้าไปเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
เรอัล มาดริด เป็นต้นสังกัดลำดับถัดมาของ อิสโก้ ด้วยมูลค่าราว 30 ล้านยูโรและเจ้าตัวยังคงปักหลักอยู่ในถิ่น ซานติเอโก้ เบอร์นาเบว จนถึงเวลานี้
9. มาริโอ เกิตเซ (2011)
เด็กปั้นจากค่าย โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ถูก เยอร์เก้น คล็อปป์ ปลุกปั้นก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักให้กับทัพ เสือเหลือง พาทีมกรุยทางสู่การคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา ในซีซันดังกล่าวทันที
เกิตเซ ถูกดึงตัวไปร่วมทัพ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยการฉีกสัญญามูลค่า 37 ล้านยูโร รีเทิร์นสู่ถิ่น เวสฟาเลน สตาดิโอน อีกครั้งใน 3 ฤดูกาลถัดมา ก่อนจะถูกปล่อยตัวให้ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ในซัมเมอร์ 2020
8. มาริโอ บาโลเตลลี (2010)
มาริโอ บาโลเตลลี เคยได้รับการจับตาว่าเป็นหนึ่งในดาวรุ่งแห่งวงการฟุตบอล อิตาลี หลังแจ้งเกิดมากับ อินเตอร์ มิลาน กับความแข็งแกร่งของร่างกายที่โดดเด่นและการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยมแต่ปัญหาในทัศนคติและระเบียบวินัยกลายเป็นตัวฉุดรั้งให้เขาไม่สามารถไปได้ไกลในเส้นทางค้าแข้ง
เขารีเทิร์นไปร่วมงานกับ โรแบร์โต้ มันชินี ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในซัมเมอร์ถัดมาแต่ก็ไม่เคยเรียกมนต์ขลังอย่างตนเองเคยทำได้ในช่วงตั้งไข่ของการค้าแข้งได้อีกเลย
ปัจจุบันในวัย 31 ปี บาโลเตลลี เล่นให้กับ อดานา เดมิร์สปอร์ สโมสรใน ซูเปอร์ลีก ตุรกี
7. อเล็กซานเดร ปาโต้ (2009)
'เจ้าเป็ดน้อย' แห่งวงการฟุตบอล บราซิล แจ้งเกิดกับ อินเตอร์นาซิอองนาล ก่อนจะได้รับการจับตาเมื่อระเบิดฟอร์มกับ เอซี มิลาน พา ปีศาจแดงดำ ซิวแชมป์ กัลโช เซเรีย อา 1 ปีให้หลังจากได้รับรางวัล โกลเด้นบอย ทว่าให้หลังจากอาการบาดเจ็บในปี 2011 ปาโต้ ก็ไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้อีกเลย
ปัจจุบันในวัย 32 ปีเจ้าตัวค้าแข้งอยู่กับ ออร์แลนโด้ ซิตี้ ใน เมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ สหรัฐอเมริกา
6. อันแดร์ซอน (2008)
มิดฟิลด์ชาว บราซิล ผู้เติบโตในเส้นทางสายลูกหนังกับ เกรมิโอ ก่อนจะโบยบินสู่ ยุโรป กับ ปอร์โต้ และแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ผลงานเดบิวต์ในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ฤดูกาลแรกทำให้เขาคว้าเกียรติยศ โกลเด้นบอย มาครอง
เขาใช้เวลากับ ปีศาจแดง อยู่ 7 ซีซันโดยมีช่วงเวลาสั้นๆ ภายใต้สัญญายืมตัวกับ ฟิออเรนตินา ก่อนจะกลับบ้านเกิดกับ อินเตอร์นาซิอองนาล
ปัจจุบันเจ้าตัวแขวนสตั๊ดเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่ปี 2019 โดยมี อดานา เดมิร์สปอร์ ใน ตุรกี เป็นสโมสรสุดท้าย
5. เซร์คิโอ อเกวโร (2007)
กองหน้าชาว อาร์เจนตินา ผู้สร้างชื่อมากับ อินดิเพนเดียนเต้ ก่อนที่ผลงานฤดูกาลแรกของเจ้าตัวบนเวทีฟุตบอลยุโรปกับ แอตเลิตโก มาดริด จะส่งผลเขาคว้ารางวัล โกลเด้นบอย มาครองได้ในทันที
เซร์คิโอ อเกวโร ใช้เวลากับทัพ ตราหมี 5 ซีซันก่อนจะเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในดาวยิงระดับท็อปของเวที พรีเมียร์ลีก ตลอด 10 ฤดูกาลในถิ่น เรือใบสีฟ้า กับสถิติ 260 ประตูจากการลงเล่น 390 นัดเมื่อรวมทุกรายการ
4. เชส ฟาเบรกาส (2006)
ผลผลิตจากสถาบันลูกหนัง ลา มาเซีย แห่ง บาร์เซโลนา ที่ถูก อาร์เซนอล ฉกตัวไปร่วมทัพก่อนจะกลายเป็นมิดฟิลด์ระดับปรากฎกาณ์แห่ง พรีเมียร์ลีก ในช่วงเริ่มต้นเส้นทางค้าแข้งของเจ้าตัว
เชส ฟาเบรกาส เป็นคีย์แมนให้กับ ไอ้ปืนใหญ่ ลงสนามอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่มีอายุได้เพียง 17 ปีในซีซัน 2004/05 ก่อนที่จะรีเทิร์นสู่ทัพ อาซูลกรานา ในเวลาต่อมา ตามด้วย เชลซี และการโยกไปเล่นให้ โมนาโก จนถึงเวลานี้
3. ลิโอเนล เมสซี (2005)
ในฤดูกาลเดบิวต์ของ ลิโอเนล เมสซี กับ บาร์เซโลนา คุณคิดว่ารางวัล โกลเด้นบอย จะไปตกอยู่กับดาวรุ่งคนไหนได้!?
เมสซี เดบิวต์กับพลพรรค อาซูลกรานา ตั้งแต่อายุได้เพียง 17 ปีภายใต้การคุมทีมของ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด เป็นส่วนหนึ่งในการพาทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา ตั้งแต่ซีซันแรก และหลังจากนั้นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ก็ได้ถูกเขียนขึ้น
สตาร์ทีมชาติ อาร์เจนตินา ระเห็จออกจากรัง คัมป์นู ในซัมเมอร์ 2021 จากวิกฤตการเงินของสโมสรสู่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
2. เวย์น รูนีย์ (2004)
เด็กสร้างของ เอฟเวอร์ตัน ผู้เดบิวต์ให้กับ ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน ตั้งแต่มีอายุเพียง 17 ปีก่อนจะกลายเป็นตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลาต่อมา
ผลงาน 9 ประตูจากการลงเล่น 30 นัดเมื่อรวมทุกรายการให้กับ เดอะบลูส์ ในซีซัน 2003/04 เพียงพอให้ ปีศาจแดง ทุ่มเงิน 20+7 ล้านปอนด์คว้าเจ้าหนูวัย 19 ปีล่าตาข่าย
รูนีย์ ทุบสถิติของ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน กลายเป็นแข้งที่ยิงประตูให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด มากที่สุด 253 ประตูจาก 559 นัดเช่นเดียวกับทีมชาติอังกฤษ 53 ประตูจาก 120 นัด
1. ราฟาเอล ฟาน เดอ ฟาร์ท (2003)
จอมทัพลูกหม้อของ อาแจ็กซ์ ประเดิมคว้ารางวัล โกลเด้นบอย จากผลงานทำประตู 22 ลูกจากการลงเล่น 30 นัดให้กับต้นสังกัดในซีซัน 2002/03 ก่อนจะโบยบินสู่ ฮัมบูร์ก ในเวลาต่อมา
เขาพเนจรร่วมทัพ เรอัล มาดริด, ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์, เรอัล เบติส, มิดทิลแลนด์ ก่อนจะแขวนสตั๊ดกับ เอสเบิร์ก ทีมใน เดนมาร์ก
ปัจจุบันเขารับหน้าที่ผู้ช่วยกุนซือของ เอสเบิร์ก
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด