ลิเวอร์พูล 1-2 ลีดส์ ยูไนเต็ด: วิเคราะห์ทุกประเด็นสำคัญหลังเกม หงส์แดง พ่าย ยูงทอง
โดย โตมร นวลประเสริฐ
รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2022/23
วันแข่งขัน: คืนวันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม 2022
ผลการแข่งขัน: ลิเวอร์พูล 1-2 ลีดส์ ยูไนเต็ด
สนาม: แอนฟิลด์
1. โรลเลอร์โคสเตอร์ ลิเวอร์พูล
ให้หลังจากสถานการณ์ 'บ๊วยติดคอ' ลิเวอร์พูล ปราชัยให้กับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ในศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อสัปดาห์ก่อน ตามด้วยการบุกเอาชนะ อาแจ็กซ์ ขาดลอย 3-0 เมื่อกลางสัปดาห์ พวกเขาก็กล้าๆ ที่จะพ่ายแพ้ต่อทีมโซนท้ายตารางคารัง แอนฟิลด์
เยอร์เก้น คล็อปป์ จัดทัพด้วยรูปแบบ 4-4-2 ไดมอนด์เช่นเดียวกับกับที่พวกเขาเอาชนะ อาแจ็กซ์ เมื่อกลางสัปดาห์ มีเพียง ติอาโก้ อัลคันทารา เท่านั้นที่ลงเล่นแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เป็นนักเตะเพียงรายเดียวที่แตกต่างจากเกมก่อน
ผลพวงจากทรัพยากรของทีมในเวลานี้ของ หงส์แดง ทำให้ คล็อปป์ จำใจต้องขับเคลื่อนทีมด้วยรูปแบบดังกล่าว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปักหลักยืนหน้าคู่เคียงข้างกับ ดาร์วิน นูนเญซ ให้ความสำคัญกับการให้ฟูลแบ็คเติมขึ้นมามีส่วนร่วมกับเกมรุกที่ริมเส้นเป็นสำคัญ
ในความพ่ายแพ้ของ เร้ดแมชีน ฟูลแบ็คของ คล็อปป์ ทั้ง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังสามารถสร้างโอกาสเปิดบอลให้เพื่อนร่วมทีม 4 และ 3 ครั้งตามลำดับ กลายเป็น 1 แอสซิสต์ของ ร็อบโบ้ ทำให้เชื่อได้ว่าปัญหาในทีมของ คล็อปป์ ไม่ได้อยู่ที่ส่วนดังกล่าว
2. ปัญหาฝังลึกของ ลิเวอร์พูล กับแผลที่ปริแตกออกมาเรื่อยๆ
อาการบาดเจ็บของ หลุยส์ ดิอาซ กับ ดิโอโก้ โชต้า ทำให้ทีมเหลือเพียง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน และ ดาร์วิน นูนเญซ เป็นแข้งตัวรุกในระดับที่ไว้วางใจได้เพียง 3 คนที่เหลืออยู่ในทีมชุดใหญ่ และเป็น ซาลาห์ เพียงคนเดียวที่สามารถยืนเป็นตัวรุกที่ริมเส้นอย่างธรรมชาติได้
วิกฤตการขาดตัวรุกริมเส้นทำให้ 3 ประสานข้างต้นยืนตำแหน่งเป็นหน้าคู่ นูนเญซ-ซาลาห์ โดยมี ฟิร์มิโน ขับเคลื่อนเป็นกองกลางตัวรุกอยู่ด้านหลัง โดยดาวยิงทีมชาติ อียิปต์ และ บราซิล ยังคงพอที่จะรักษามาตรฐานอย่างที่เคยเป็นมาได้ในระดับหนึ่ง แต่ความเด็ดขาดและการตัดสินใจของ นูนเญซ ยังคงเป็นสิ่งที่เจ้าตัวยังต้องปรับปรุงเพื่อยกระดับการเล่นของตนเอง
นูนเญซ ควรที่จะมีชื่อบนสกอร์บอร์ดอย่างน้อย 1 ประตูแต่กลายเป็นว่าเจ้าตัวทั้งตัดสินใจผิดพลาด จบสกอร์ไม่คมพอ กระทั่งยิงทิ้งยิงขว้างราวกับเขวี้ยงความไว้วางใจของเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลให้หลุดลอยออกไปไกล
นอกจากนั้นแดนกลางของ ลิเวอร์พูล ยังคงเผชิญหน้ากับทรัพยากรที่ผ่านจุดพีคมาแล้วอย่าง ติอาโก้ อัลคันทารา (31 ปี), ฟาบินโญ (29 ปี) ดูไร้ความกระหายเมื่อไม่มีเพื่อนร่วมทีมแย่งตำแหน่ง, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ (19 ปี) ยังเด็กเกินไปที่จะรักษาฟอร์มการเล่นให้คงที่ต่อเนื่อง รวมทั้งยังไม่ได้มีกองกลางที่สามารถลงมาเปลี่ยนโมเมนตัมของเกมได้
คล็อปป์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถสร้างทีมที่คว้าความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์รอบ 3 ทศวรรษของ ลิเวอร์พูล แต่ความท้าทายลำดับถัดไปคือการเปลี่ยนถ่าย เลือกปลดระวาง เลหลังนักเตะที่อยู่ในทีมชุดที่ผ่านมา ขับเคลื่อนสู่ทรัพยากรนักเตะชุดใหม่ที่จะสานต่อความสำเร็จในปีถัดๆ ไป และนั่นดูเหมือนว่าจะกลายเป็นทางแยกสำหรับ หงส์แดง ของ คล็อปป์ ในฤดูกาลนี้
3. สถิติที่ถูกทำลาย
การปราชัยต่อ ลีดส์ คาบ้านนับเป็นความพ่ายแพ้ของ ลิเวอร์พูล ใน พรีเมียร์ลีก ที่ แอนฟิลด์ นัดแรกในรอบ 29 นัดนับตั้งแต่มีนาคม 2021 (ชนะ 22 เสมอ 7)
นอกจากนั้น เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ยังเสียสถิติส่วนตัว ยุติสถิติการพาทีมไร้พ่ายในเกมลีกที่ แอนฟิลด์ 70 นัดแรกกระทั่งเกมนี้ (ชนะ 59 เสมอ 11) ที่เจ้าตัวได้ออกสตาร์ทให้กับทีมของ คล็อปป์