ลิเวอร์พูล 2-1 เลสเตอร์ ซิตี้: บทสรุป 5 ประเด็นหลังเกม หงส์แดง ตีปีกจิก จิ้งจอก ส่งท้ายปี
โดย โตมร นวลประเสริฐ
รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2022/23
วันแข่งขัน: คืนวันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม 2022
สนาม: แอนฟิลด์
ผลการแข่งขัน: ลิเวอร์พูล 2-1 เลสเตอร์ ซิตี้
1. ทรัพยากรจำกัดกับทางเลือก 4-2-2-2
ด้วยปัญหานักเตะในทีมที่ได้รับบาดเจ็บระนาวไม่ว่าจะเป็น อาร์ตูร์, หลุยส์ ดิอาซ, ดิโอโก้ โชต้า, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน, เคอร์ติส โจนส์ ไปจนถึง เจมส์ มิลเนอร์ ทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ได้มีทางเลือกในการจัดทัพลงบู๊กับ เลสเตอร์ ซิตี้ เยอะนัก
ทีมขับเคลื่อนด้วยแบ็คโฟร์ชุดที่ดีที่สุด ได้แก่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจเอล มาติป, เวอร์จิล ฟาน ไดค์ และ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน โดยมีฐานของมิดฟิลด์เป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จับคู่กับ ติอาโก้ อัลคันทารา
ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ เคลื่อนที่โจมตีพื้นที่ฮาล์ฟสเปซฝั่งขวา และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ที่อีกฝั่ง โดยมี ดาร์วิน นูนเญซ ปักหลักเคียงข้างกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่แดนบน
เกมโดยรวมของ หงส์แดง น่าอึดอัดพอสมควรเมื่อความไหลลื่นของเกมรุกที่ริมเส้นถูกลดลงไปจากศักยภาพของ เอลเลียตต์ กับ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน และวันที่บอลจากเท้าของ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน กับ เทรนท์ ไม่เข้าฝัก
2. ฝันร้ายของ เวาท์ ฟาส
ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเสียประตูไปก่อนจากการยืนตำแหน่งเกมรับที่ไม่ละเอียดเท่าที่ควร เปิดพื้นที่ให้ เคียร์แนน ดิวส์บิวรี-ฮอลล์ ล่อเป้าเหน่งๆ ก่อนที่ หงส์แดง จะตามตีเสมอและได้ประตูขึ้นนำจากการทำเข้าประตูตัวเองของ เวาท์ ฟาส ทั้งสองลูกตั้งแต่ก่อนจบครึ่งแรก
ลูกเปิดจากริมเส้นของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ นำไปสู่การสกัดผิดเหลี่ยมของปราการหลังชาว เบลเยียม ในนาทีที่ 38 ก่อนที่ความพยายามตามเก็บเคลียร์บอลที่ชนเสาจากการหลุดเดี่ยวไปล่อเป้าของ ดาร์วิน นูนเญซ จะกลายเป็นการส่งบอลสู่ก้นตาข่ายของตัวเองก่อนจบครึ่งแรก
การทำเข้าประตูตัวเอง 2 ลูกของ ฟาส ทำให้เขากลายเป็นแข้งรายที่ 4 ในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่ซัลโวใส่ตาข่ายทีมตัวเองถึงสองครั้งในเกมเดียวกันต่อจาก
- เจมี คาร์ราเกอร์ (พบ แมนฯ ยูไนเต็ด 1999)
- ไมเคิล พร็อคเตอร์ (พบ ชาร์ลตัน 2003)
- โจนาธาน วอลเตอร์ส (พบ เชลซี 2013)
3. สมาธิต้นเกมของ หงส์แดง
การเสียประตูภายใน 5 นาทีแรกของ ลิเวอร์พูล นับเป็นเกมที่ 7 เข้าไปแล้วที่พวกเขาถูกล่อเป้าตั้งแต่เริ่มเกมได้ไม่กี่อึดใจในรอบปี 2022 สถิติจาก ออปตา ระบุว่านับเป็นตัวเลขสถิติที่มากที่สุดเทียบบน พรีเมียร์ลีก เทียบเท่ากับ แบล็คเบิร์น (2009) และ ซันเดอร์แลนด์ (2000)
4. ติอาโก้ คีย์แมนขับเคลื่อน หงส์แดง
เป็นอีกครั้งที่ ติอาโก้ อัลคันทารา กลายเป็นแข้งที่โดดเด่นที่สุดของ ลิเวอร์พูล ในเกมนี้เมื่อแนวรุกรายอื่นทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจนัก
จอมทัพทีมชาติ สเปน จบเกมด้วยสถิติสัมผัสบอลมากที่สุด 112 ครั้ง ผ่านบอลมากที่สุด 92 ครั้ง และเอาชนะในการเข้าปะทะมากที่สุดในสนาม 12 ครั้ง
5. การจบสกอร์ของ นูนเญซ (อีกครั้ง)
แม้ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะออกมาให้สัมภาษณ์คลายความกดดันของ ดาร์วิน นูนเญซ ตั้งแต่ก่อนเริ่มเกมการแข่งขันว่าอดีตลูกทีมที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี่ ผู้ซึ่งกลายมาเป็นกองหน้าชั้นยอดเวลานี้ก็เคยประสบปัญหาปืนฝืดเช่นกันมาแล้ว
นอกเหนือจากความยอดเยี่ยมในการเคลื่อนที่ สปีดต้นที่เล่นงานแนวรับกระจาย เจ้าตัวยังคงมีปัญหาในความเด็ดขาดกับการจบสกอร์ไปจนถึงการตัดสินใจในบางช็อตที่ดูจะไม่เฉียบคมพอไม่ต่างไปจากเดิม