ลิเวอร์พูล ย้ำชัย, เรือใบ พลิกแซง, มิลาน เชือด ตราหมี - สรุปผล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คืนวันพุธที่ 24 พฤศจิกายน
ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดที่ 5 รอบแบ่งกลุ่มคืนวันพุธที่ 24 พฤศจิกายน มีทีมจาก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ลงแข่งสองทีมด้วยกันประกอบด้วย ลิเวอร์พูล ที่เปิดบ้านอัด เอฟซี ปอร์โต้ 2-0 และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เล่นใน เอติฮัด พลิกแซง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 2-1 ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่น ๆ มีดังนี้
กลุ่ม เอ
คลับ บรูช 0-4 แอร์เบ ไลป์ซิก (เอ็นคุนคู 12, ฟอร์สเบิร์ก 17, 45+1, ซิลวา 26)
ศึกแย่งชิงพื้นที่ ยูโรปา ลีก กำลังร้อนระอุสุด ๆ หลังจาก ไลป์ซิก มาดุบุกอัด 4 ประตูได้ตั้งแต่ครึ่งเวลาแรกจาก คริสตอฟ เอ็นคุนคู นาทีที่ 12 จุดโทษของ เอมิล ฟอร์สเบิร์ก นาทีที่ 17 อังเดร ซิลวา นาทีที่ 26 และ ฟอร์สเบิร์ก มาซัดประตูที่สองได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (เอ็มบัปเป้ 50, สเตอร์ลิง 63, เชซุส 77)
เกมนี้เจ้าถิ่นดูจะเป็นฝ่ายครองเกมบุกได้มากกว่าเล็กน้อย รวมถึงจังหวะจบสกอร์ที่ดูจะมีมากกว่าในช่วงครึ่งเวลาแรก แต่ก็ยังทำอะไรกันไม่ได้ ครึ่งทั่ง 45 นาทีหลัง เอ็มบัปเป้ มายิงให้ทีมเยือนออกนำก่อนในนาทีที่ 50 แต่แล้ว เรือใบสีฟ้า มายิงแซง 2 ประตูรวดจาก ราฮีม สเตอร์ลิง และ กาเบรียล เชซุส จบเกมจูงมือกันเข้ารอบต่อไปเป็นที่แน่นอนแล้วสำหรับทั้งสองทีม
กลุ่ม บี
แอตเลติโก มาดริด 0-1 เอซี มิลาน (เมสซิอัส 87)
สถานการณ์การไล่ล่าอันดับสองของกลุ่ม บี ดูจะต้องลุ้นสนุกจนถึงวินาทีสุดท้าย หลังจาก แอตฯ มาดริด เปิดบ้านต้าน เอซี มิลาน ไม่อยู่ โดยตลอดทั้งเกมทั้งสองทีมค่อนข้างสูสี แต่เป็น มิลาน ที่ครองบอลบุกรวมถึงหาจังหวะจบสกอร์ได้มากกว่าและเป็น จูเนียร์ เมสซิอัส ตัวสำรองลงมายิงประตูชัยในนาทีที่ 87 ทำให้ 3 ทีมยกเว้น ลิเวอร์พูล ยังต้องไปลุ้นกันต่อในนัดสุดท้าย
ลิเวอร์พูล 2-0 เอฟซี ปอร์โต้ (ติอาโก้ 52, ซาลาห์ 70)
หงส์แดง ที่เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มแน่นอนแล้ว แต่ คล็อปป์ เองก็ยังไม่เสี่ยงส่งตัวจริงลงสนามหลายตำแหน่ง ขณะที่ทีมเยือนพยายามเปิดเกมบุกหวังเอาประตูออกนำ แต่ยังทำอะไรกันไม่ได้ตลอด 45 นาทีแรก ครึ่งหลังผู้มาเยือนยังคงเร่งเครื่องแต่กลับเป็นเจ้าถิ่นที่ออกนำก่อนจากจังหวะยิงไกลของ ดิอาโก้ อัลคันทารา ในนาทีที่ 52 ก่อนที่ ซาลาห์ จะมายิงประตูที่สองในนาทีที่ 70 ย้ำชัยพร้อมส่งให้ ปอร์โต้ ไปลุ้นต่อในนัดสุดท้ายต่อไป
กลุ่ม ซี
เบซิคตัส 1-2 อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (กีซเซล 22, อัลแลร์ 54, 69)
เจ้าบ้านที่ยังไม่มีคะแนนเลยในปีนี้ออกนำเร็วจากจุดโทษของ ราชิค กีซเซล ตั้งแต่นาทีที่ 22 ก่อนที่ครึ่งหลังทีมเยือนจะเปิดเกมบุกเข้าใส่อย่างหนักและเป็น เซบาสเตียน อัลแลร์ ที่เหมาสองประตูในนาทีที่ 54 และ 69 พาทีมแซงเอาชนะไปได้อย่างสุดมันส์ พร้อมกับพาต้นสังกัดการันตีการเข้ารอบในตำแหน่งจ่าฝูงของกลุ่มหลังเก็บได้ 15 คะแนนเต็มจาการลงสนาม 5 นัดที่ผ่านมา
สปอร์ติง ลิสบอน 3-1 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (กอนชัลเวส 30, 39, โปร์โร 81, มาเลน 90+3)
เจ้าบ้านแม้จะเป็นฝ่ายรับและถูกครองบอลบุกเข้าใส่ได้มากกว่า แต่จากการยิงอันเฉียบขาดของดาวเตะอันดับหนึ่งของสโมสรอย่าง เปโดร กอนชัลเวส สามารถเปลี่ยนโอกาสยิงตรงกรอบทั้งสองครั้งเป็นสองประตูได้ในนาทีที่ 30 และ 39 ครึ่งหลังเจ้าบ้านทำได้อีก 1 ประตูจาก เปโดร โปร์โร ก่อนที่ช่วงทดเวลา ดอนเยลล์ มาเลน จะมาตีไข่แตกให้ทีมเยือนบุกมาพ่ายยับเยิน 3-1
กลุ่ม ดี
อินเตอร์ มิลาน 2-0 ชัคตาร์ โดเน็ตส์ก (เซโก้ 61, 67)
งูใหญ่ โชว์ความเหนือชั้นแม้จะครองบอลได้น้อยกว่าค่อนข้างชัดเจน แต่ก็หาจังหวะเข้าทำได้ลุ้นมากกว่า ซึ่งต้องรอจนถึงช่วงครึ่งเวลาหลัง ด้วยทีเด็ดของหัวกอกตัวเก๋าอย่าง เอดิน เซโก้ ที่กด 2 ตุงในนาทีที่ 61 และ 67 คว้า 3 คะแนนสำคัญช่วยทีมเก็บ 10 คะแนนหลังผ่านเกมที่ 5 การันตีการเข้าสู่รอบต่อไปเป็นที่เรียบร้อย
เชอริฟฟ์ 0-3 เรอัล มาดริด (อลาบา 30, โครส 45+1, เบนเซมา 55)
ราชันชุดขาว การันตีการเข้ารอบพร้อมบุกมาล้างแค้นม้ามึดอย่าง เชอริฟฟ์ เอฟซี ได้สำเร็จ โดยได้ประตูจาก ดาวิด อลาบา นาทีที่ 30 โทนี โครส นาทีที่ 45+1 ก่อนที่ครึ่งหลังนาทีที่ 55 คาริม เบนเซมา จะกดอีกหนึ่งประตูช่วยให้ทีมลอยลำเข้าสู่รอบต่อไป 100% แล้ว
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด