แมนฯ ซิตี้ (4) 2-0 (1) เปแอสเช : สำรวจทุกประเด็นหลัง เรือใบสีฟ้า ทะลุชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
โดย โตมร นวลประเสริฐ
การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2020/21 รอบรองชนะเลิศ เลกที่ 2
วันแข่งขัน : วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม 2021
เวลาแข่งขัน : 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4) 2-0 (1) ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กรุยทางสู่นัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรเมื่อย้ำแค้นเอาชนะ ปารีส แซ็งต์-แชร์กแมง 2-0 จากการเหมา 2 ประตูโดย ริยาด มาห์เรซ
เรือใบสีฟ้า ได้ประตูเบิกร่องตั้งแต่นาทีที่ 11 จากการวางบอลยาวที่หน้าปากประตูตนเองของ เอแดร์ซอน ไปถึง โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ หลุดไปถึงสุดเส้นหลังที่กราบซ้ายก่อนปาดเข้ากลางให้ เควิน เดอ บรอยน์ วิ่งเข้ามายิงจังหวะแรกติดบล็อก บอลไหลไปเข้าทาง มาห์เรซ แท็ปอินเหน่งๆ บอลไปซุกที่ก้นตาข่าย
ประตู 2-0 ของ ซิตี้ เกิดขึ้นในนาทีที่ 63 จากจังหวะสวนกลับเร็วที่ฝั่งซ้ายโดย โฟเด้น ทำชิ่งกับ เคดีบี ก่อนจบที่ มาห์เรซ แปผ่านมือ เคย์ลอร์ บาบาส ในระยะเผาเขน
เกมเริ่มเดือดเมื่อทีมเยือนตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ต้องการประตูก่อนที่ อังเคล ดิ มาเรีย จะตบะแตกเตะใส่ แฟร์นันดินโญ จนได้รับใบแดงโดยตรงไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 69 และจบ 90 นาทีไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
คะแนนนักเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
11 ผู้เล่นตัวจริง: เอแดร์ซอน (8); วอล์คเกอร์ (7), สโตนส์ (7), ดิอาส (7), ซินเชนโก้ (7); แบร์นาโด้ (7), แฟร์นันดินโญ (7), อิลคาย กุนโดกัน (7), ริยาด มาห์เรซ (9), เควิน เดอ บรอยน์ (8), ฟิล โฟเด้น (9)
ตัวสำรอง: เชซุส (N/A), สเตอร์ลิง (N/A), เซร์คิโอ อเกวโร (N/A)
คีย์แมน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - ริยาด มาห์เรซ
ดาวเตะทีมชาติ อัลจีเรีย เผาเครื่องสร้างปัญหาให้กับ อับดู ดิยัลโล แบ็คซ้ายวัย 22 ปีของ เปแอสเช ได้ตลอดทั้งเกม จมูกในการหาพื้นที่อันตรายยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ซิตี้ ได้ทั้ง 2 ประตูในเกมนี้อีกด้วยโดย มาห์เรซ จบเกมด้วยสถิติเลี้ยงผ่านคู่แข่งมากที่สุดในสนามเท่า มาร์โก้ แวร์รัตติ ที่ 5 ครั้ง
ประเด็นหลังเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ลูกทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอลา ดูเล่นไปตามธรรมชาติของพวกเขาและไร้ความกดดันกว่า เปแอสเช เมื่อตุน 2 ประตูอเวย์โกลมาได้ในเลกแรก การพยายามดันไลน์แนวรับขึ้นสูงของทีมเยือนทำให้อาวุธลับอย่างการวางบอลยาวอันแม่นยำของ เอแดร์ซอน แผลงฤทธิ์จนเป็นจังหวะเริ่มต้นของการได้ประตูเบิกร่อง
การฉวยโอกาสขึ้นเกมรุกอย่างรวดเร็วยังเป็นที่มาของการได้ประตูที่ 2 ของ ซิตี้ เมื่อพวกเขาตัดบอลได้ที่กลางสนามก่อนจะกลายเป็น ฟิล โฟเด้น ที่ได้หลุดไปแอสซิสต์ให้ มาห์เรซ แท็ปอินเหน่งๆ
คะแนนนักเตะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
11 ผู้เล่นตัวจริง: นาบาส (6); ฟลอเรนซี (5), มาร์ควินญอส (6), คิมเป็มเบ้ (6), ดิยัลโล (5); เอร์เรรา (5), ปาเรเดส (6), แวร์รัตติ (6); ดิ มาเรีย (5), อิคาร์ดี้ (3), เนย์มาร์ (6)
ตัวสำรอง: คีน (2), ดรักซ์เลอร์ (4), ดักบา (4), ดานิโล (4), บัคเกอร์ (N/A)
คีย์แมน ปารีส แซงต์-แชร์กแมง - เนย์มาร์
ปารีส แซ็งต์-แชร์กแมง ฝากความหวังในเกมนี้ของพวกเขาไว้ที่ เนย์มาร์ เมื่อต้องขาด คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ซึ่งทำได้แค่นั่งอยู่บนม้านั่งสำรองจากปัญหาอาการบาดเจ็บโดยมี อังเคล ดิ มาเรีย คอยปั้นเกมสนับสนุน
แม้สตาร์ บราซิเลียน จะมีจังหวะหวือหวาให้เห็นอยู่บ้างแต่เจ้าตัวไร้การเคลื่อนที่สนับสนุนที่ดีจากทั้ง ดิ มาเรีย, เมาโร อิคาร์ดี้ รวมไปถึงการสอดจากแถวสองของ อันเดร์ เอร์เรรา หรือ มาร์โก้ แวร์รัตติ
ประเด็นหลังเกม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
ลูกทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ออกสตาร์ทช่วง 10 นาทีแรกของเกมได้อย่างกระตือรือล้นแต่โมเมนตัมของพวกเขาดร็อปลงไปอย่างเห็นได้ชัดหลังทัพ ซิตีเซนส์ ตั้งเกมได้ ตามด้วยการถูกเจาะประตูตั้งแต่นาทีที่ 11
แนวรุกของ เปแอสเช ทำผลงานได้ตรงกันข้ามกับครึ่งแรกที่ ปาร์ก เดส์ แปรงส์ อย่างสิ้นเชิงเมื่อไร้ เอ็มบัปเป้ คอยลากตะลุยใส่คู่แข่งโดยตัวแทนของวันเดอร์คิดทีมชาติ ฝรั่งเศส อย่าง เมาโร อิคาร์ดี้ ที่ได้ออกสตาร์ทในเกมนี้ล่องหนไปจากเกมกับสถิติสัมผัสบอลเพียง 16 ครั้งและไม่ได้สับไกยิงเลย
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด