แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7-1 โรมา ย้อนรอยแมตช์คลาสสิค ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2006/07 - NOSTALGIA

โหมโรงก่อนศึก ยูฟ่า ยูโรปาลีก 2020/21 รอบรองชนะเลิศเลกแรกระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ อาเอส โรมา ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด คืนนี้กับแมตช์คลาสสิคที่ทั้ง 2 ทีมเคยพบกันมาแล้วเมื่อปี 2006 กับรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย

เลกแรกที่ สตาดิโอ โอลิมปิโก้

โรมา เป็นฝ่ายชนะในเลกแรกด้วยสกอร์ 2-1 หลังจากที่ พอล สโคลส์ ได้รับใบแดงไล่ออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่ 33 จากการทำฟาวล์ใส่ คริสเตียน วิลเฮล์มสสัน และ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ

โอเล กุนนาร์ โซลชา ได้รับความไว้วางใจจาก เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในตำแหน่งศูนย์หน้าเคียงข้างกับ เวย์น รูนีย์ แต่เกมที่ สตาดิโอ โอลิมปิโก ตกเป็นของเจ้าถิ่นเมื่อผ่านครึ่งแรกได้ครึ่งทางจากการที่ พอล สโคลส์ ได้รับใบเหลืองจากการเข้าหนักใส่ วิลเฮล์มสสัน ต่อด้วย ต็อตติ ในเวลาต่อมาและเป็น โรดริโก้ ทัดเด ยิงด้วยซ้ายให้ จัลโลรอสซี ออกนำ 1-0 ก่อนจบครึ่งแรกไม่กี่อึดใจ

ทีมเยือนตีเสมอเป็น 1-1 เมื่อเกมถึง 1 ชั่วโมงเมื่อ คริสเตียโน โรนัลโด้ กระชากขึ้นมากราบขวาประสานงานกับ โซลชา ก่อนจะครอสให้ รูนีย์ พักอกในกรอบเขตโทษก่อนยิงด้วยขวาอย่างเยือกเย็นผ่านมือ โดนี ตุงตาข่าย ทว่าให้หลังจากนั้นเพียง 6 นาที พลพรรค หมาป่าแห่งกรุงโรม ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 จากช็อตยิงไกลของ มันชินี ที่ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ทุบบอลออกมาเข้าทาง มิร์โก วูชินิช ล้มตัวซ้ำจังหวะแรกไม่พลาดและจบเลกแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว

รายชื่อผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม
โรมา: โดนี, ปานุชชี, แม็กเซส, คิวู, คาสเซ็ตติ, วิลเฮล์มสสัน (วูชินิช 62'), ทัดเด (โรซี 82'), เด รอสซี, เปร็อตต้า, มันชินี, ต็อตติ
ตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้งาน: เคอร์ชี, ฟาตี, ดีเฟนดี้, เฟร์รารี, โอกาก้า, ชูก้า

แมนฯ ยูไนเต็ด: ฟาน เดอ ซาร์, ไอน์เซ, เฟอร์ดินานด์, โอเช, บราวน์, โรนัลโด้, กิ๊กส์ (ซาฮา 77'), คาร์ริค, สโคลส์, รูนีย์, โซลชา (เฟล็ทเชอร์ 72')
ตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้งาน: คุสแช็ค, สมิธ, ตง, ริชาร์ดสัน, อีเกิลส์

โรมา สิ้นสภาพที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด

เฟอร์กี้ จัดทัพโดยเปลี่ยนแปลงผู้เล่นเพียง 1 ตำแหน่งโดย อลัน สมิธ ออกสตาร์ที่แดนหน้าเคียงข้างกับ รูนีย์ โดยดร็อปเอา โอเล กุนนาร์ โซลชา เป็นตัวสำรองซึ่งเป็นเกมแรกที่ สมัดเจอร์ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้กับทีมใน แชมเปี้ยนส์ลีก และ พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่พักรักษาตัวจากอาการขาหักเมื่อราว 1 ปีก่อนหน้า

ปีศาจแดง เดินหน้าใส่เกียร์ 5 ตั้งแต่ต้นเกมโดยทิ้งห่าง 4-0 ตั้งแต่ครึ่งแรกโดย 3 ประตูของ แมนฯ​ ยูไนเต็ด เกิดขึ้นภายใน 20 นาทีแรกของเกมจาก ไมเคิล คาร์ริค (11'), สมิธ (17'), รูนีย์ (19') และ โรนัลโด้ (44')

สกอร์กลายเป็น 6-0 เมื่อผ่านครึ่งหลังราว 15 นาทีจาก โรนัลโด้ (49') และ คาร์ริค (60') ก่อนที่ ดานิเอเล เด รอสซี จะพังประตูตีไข่แตกเป็น 6-1 (69') และ ผีแดง ได้ประตูปิดท้ายจาก ปาทริซ เอวรา (81')

รายชื่อผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด: ฟาน เดอ ซาร์, โอเช (เอวรา 52'), เฟอร์ดินานด์, บราวน์, ไอน์เซ, โรนัลโด้, คาร์ริค (ริชาร์ดสัน 73'), เฟล็ทเชอร์, กิ๊กส์ (โซลชา 61'), สมิธ, รูนีย์
ตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้งาน: คุสแช็ค, ตง, แค็ธคาร์ท, อีเกิลส์

โรมา: โดนี, คาสเซ็ตติ, แม็กเซส, คิวู, ปานุชชี, ปิซาร์โร, เด รอสซี (ฟาตี 86'), วิลเฮล์มสสัน (โรซี 86'), วูชินิช, มันชินี (โอกาก้า 90')

อย่างไรก็ตาม แม้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะกรุยทางสู่รอบตัดเชือกได้สำเร็จพร้อมกับ เอซี มิลาน, เชลซี และ ลิเวอร์พูล แต่ ปีศาจแดง ต้องจอดป้ายเพียงแค่รอบรองชนะเลิศเมื่อโคจรไปพบกับ ปีศาจแดงดำ และถูกแข้งเวิลด์คลาสอย่าง ริคาร์โด้ กาก้า สร้างตำนาน 'ผีกาก้า' เผาเครื่องเข่นเอาชนะไปด้วยสกอร์รวม 5-3 โดยท้ายที่สุด มิลาน ก็ได้กรุยทางไปคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลดังกล่าวสำเร็จเมื่อล้างแค้นคว่ำ ลิเวอร์พูล 2-0 ในนัดชิงชนะเลิศ

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด