นายใหญ่ทีมชาติ ฝรั่งเศส ยอมรับ หน้ากากทำ เอ็มบัปเป้ ฟอร์มแกว่ง

  • ดิดิเยร์ เดชองส์ ยอมรับว่า คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ยังมีปัญหากับการใส่หน้ากากลงเล่นอยู่
  • ฝรั่งเศส ไม่ได้จบในฐานะแชมป์กลุ่มรายการใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี
  • ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฝรั่งเศส มีสิทธิ์เจอ เยอรมัน, สเปน, หรือ โปรตุเกส ทีมใดทีมหนึ่ง
France v Poland: Group D - UEFA EURO 2024
France v Poland: Group D - UEFA EURO 2024 / Dean Mouhtaropoulos/GettyImages
facebooktwitterreddit

ดิดิเย่ร์ เดชองส์ กุนซือใหญ่ทีมชาติ ฝรั่งเศส ออกมายอมรับว่า คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ประสบปัญหาในการเล่นอยู่ไม่น้อยหลังต้องใส่หน้ากากป้องกันลงกรำศึกในเกมที่ ฝรั่งเศส เสมอกับ โปแลนด์ 1-1 เมื่อคืนวันที่ผ่านมา โดยสาเหตุที่สตาร์ดังรายนี้จำเป็นต้องใส่หน้ากากลงเล่น เพราะเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บหนักจากการเข้าปะทะกับ เควิน ดันโซ ในเกมพบกับ ออสเตรีย จนทำให้จมูกหัก ซึ่งแม้เขาจะเป็นผู้ทำประตูขึ้นนำให้ทีมได้สำเร็จในเกมกับ โปแลนด์ แต่ฟอร์มการเล่นโดยรวมถือว่าตกลงไปพอสมควร

"ผมคิดว่าเขาเป็นผู้เล่นที่มีฝีเท้าดีมากเลยนะ แต่ตอนนี้เขาต้องพยายามทำความคุ้นชินกับหน้ากากเสียก่อน เพราะเมื่อเขาเริ่มเหงื่อออก มันจะมีความรู้สึกแสบในตาของเขา ซึ่งเขาก็ต้องคอยขยี้ตาอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างน้อย เอ็มบัปเป้ ก็ยังคงมีความกระตือรือร้นที่จะลงเล่นเสมอ และการลงเล่นจะช่วยให้เขาปรับตัวได้ดีขึ้น"

"ผมไม่ผิดหวังนะ เอาจริง ๆ คือไม่เลย เราทำเต็มที่เท่าที่เราจะทำได้แล้ว เราสร้างสรรค์โอกาสและทำประตูขึ้นนำได้สำเร็จ เราพยายามาจนถึงจบเกม เรามาอยู่ในจุดที่เราพอใจกับมันเพราะเราอยู่ในกลุ่มที่หินมาก ๆ เลยนะ ออสเตรีย แพ้เราแต่ดันไปชนะ เนเธอร์แลนด์ ดังนั้นเราสมควรเป็นที่สองแหละ และในการแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้ายมันจะเป็นการแข่งขันอีกในรูปแบบหนึ่ง แน่นอนว่ามีบางสิ่งที่เราต้องพัฒนาต่อไป ต้องยิงประตูให้มากขึ้น แต่ผมจะเป็นกังวลนะถ้าลูกทีมสร้างสรรค์โอกาสได้น้อยลงกว่าเดิม"

ก่อนหน้านี้ดาวยิงรุ่นพี่อย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ก็เคยออกมาเตือนว่าการใส่หน้ากากจะทำให้การเล่นของผู้เล่น "ช้าลง" ด้วยวิสัยทัศน์ที่แคบลงพอสมควร จึงเป็นผลให้ เอ็มบัปเป้ เร่งฟอร์มยังไม่ค่อยออกจน ฝรั่งเศส ตกลงมาเป็นรองแชมป์กลุ่มในเมเจอร์ทัวร์นาเม้นต์ครั้งแรกในรอบ 12 ปีนับตั้งแต่ ยูโร 2012 ทำให้ตอนนี้พวกเขามีสิทธิ์เจอคู่แข่งสุดหินในรอบถัดไปอย่าง เยอรมัน, สเปน, หรือ โปรตุเกส


อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวในศึก ยูโร 2024 ได้ที่นี่

feed