แมนยู 2-2 ลิเวอร์พูล: เก็บตกหลังเกม แดงเดือด พรีเมียร์ลีก ''หงส์แดง'' ชวดโอกาสขึ้นจ่าฝูง บุกเจ๊า ''ปีศาจแดง''

- ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ หล่นมารองจ่าฝูง

- เอริค เทน ฮาก ไม่เคยแพ้ ลิเวอร์พูล ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด

Manchester United v Liverpool FC - Premier League
Manchester United v Liverpool FC - Premier League / Shaun Botterill/GettyImages
facebooktwitterreddit

รายการ

พรีเมียร์ลีก 2023/24, เกมวีก 32

วันแข่งขัน

วันเสาร์ ที่ 7 เมษายน 2024

สนาม

โอลด์ แทรฟฟอร์ด

ผลการแข่งขัน

แมนฯ ยูไนเต็ด 2-2 ลิเวอร์พูล


ลิเวอร์พูล ต้องผิดหวังที่ไม่ชนะ ยูไนเต็ด ฤดูกาลนี้

Luis Diaz
Manchester United v Liverpool FC - Premier League / Michael Regan/GettyImages

ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เลยสักเกมเดียวในฤดูกาลนี้รวมทุกรายการ แบ่งเป็น เสมอ 2, แพ้ 1

เฉพาะอย่างยิ่งในพรีเมียร์ลีก ''หงส์แดง'' มีโอกาสยิงไปทั้งหมด 62 ครั้ง (ที่ แอนฟิลด์ 34, โอลด์ แทรฟฟอร์ด 28)

แต่เปลี่ยนให้เป็นประตูได้เพียงแค่ 2 ลูก และได้เพียงแค่ 2 คะแนน จาก 6 แต้ม

เกมนี้มันก็เหมือนในเกม เอฟเอ คัพ กับ ปีศาจแดง เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั่นแหละ

หนึ่งในเหตุผลที่พวกเขาไม่ชนะในนัดนี้ ทั้ง ๆ ที่ควรชนะ นั่นก็เพราะว่า ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ไม่สามารถปิดเกมได้

พูดง่าย ๆ คือ พวกเขาฆ่าเจ้าบ้านไม่ตายนั่นเอง

หากพวกเขาพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ พวกเขาอาจกลับมาคิดถึงเกมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งเหย้า-เยือน


ยูไนเต็ด จะรู้สึกเสียดาย แต่ไม่เสียใจ

Kobbie Mainoo
Manchester United v Liverpool FC - Premier League / Shaun Botterill/GettyImages

ครึ่งแรก ทีมของ เอริค เทน ฮาก มีโอกาสสับไก 0 ครั้ง ตรงกรอบ 0 ครั้ง ขณะที่ ลิเวอร์พูล โอกาสยิง 15 ครั้ง ตรงกรอบ 4 ครั้ง ได้ 1 ประตู

ยูไนเต็ด ครองบอล 42% ลิเวอร์พูล 58%

ค่า Xg (ความน่าจะเป็นของการได้ประตู) ของเจ้าถิ่น อยู่ที่ 0.00, ส่วนทีมเยือน 1.65

มองไม่เห็นหนทางเลยว่าพวกเขาจะกลับมายังไง เพราะรูปเกม การเข้าทำ แท็คติก ทุกอย่างเป็นรองหมด

มีไม่กี่เหตุผลที่ทำให้พวกเขากลับมามีแต้มได้

1. คือ ความผิดพลาดของ จาเรลล์ ควอนซาห์ กองหลัง ''หงส์แดง'' ที่ไปแจกโชคให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ทำให้ ยูไนเต็ด กลับสู่เกม และมีแรงฮึดขึ้นมาทันที แถมบรรยากาศที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด มันปลุกเร้าอีกต่างหาก

2. ทีมของ เทน ฮาก ใช้ใจเล่นมากกว่าครึ่งแรก

พวกเขาใกล้เคียงที่จะคว้าสามแต้ม แต่ดันมาก่อความผิดพลาด (อีกครั้ง) ในช่วงท้ายเกม

ในความรู้สึกของพวกเขามันก็คงน่าเสียดายแหละ แต่ไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจ เพราะต้องยอมรับว่า ลิเวอร์พูล เหนือกว่าพวกเขาทุกรูปแบบจริง ๆ

นี่แหละ คือ ศึกแดงเดือด ศึกที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ศึกที่ไม่จำเป็นต้องสนใจฟอร์มหรือผลงานที่ผ่าน ๆ มา


คัมบวาล่า โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจ

Harry Maguire, Willy Kambwala
Manchester United v Liverpool FC - Premier League / James Baylis - AMA/GettyImages

ลุค ชอว์, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, จอนนี่ อีแวนส์ และ ราฟาแอล วาราน ต่างเจอโรคเดี้ยงเล่นงาน ทำให้ เอริค เทน ฮาก จำเป็นต้องส่ง วิลลี่ คัมบวาล่า สตาร์ทตัวจริง

กองหลังวัย 19 ปี ลงเล่นเป็นตัวจริงเป็นครั้งที่สองในพรีเมียร์ลีกให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่เป็นครั้งแรกของเขาที่ โอลด์ แทฟฟอร์ด

เขาไม่ออกอาการตื่นตระหนก แถมแสดงให้เห็นถึงความดุดัน ความมุ่งมั่น และเต็มเปี่ยมไปด้วยแพชชั่น เขาช่วยสกัดบอลและเข้าแท็คเกิ้ลใส่คู่แข่งไปหลายครั้ง ถือเป็นเกมที่โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจจริง ๆ

สถิติระบุว่า เขาเคลียร์บอลไปทั้งหมด 3 ครั้ง, ดักตัดบอล 2, แท็คเกิ้ล 1 ครั้ง, ชนะดวลภาคพื้นดิน 2 จาก 3 ครั้ง และชนะดวลกลางอากาศ 100%


สถิติที่น่าสนใจ

Mohamed Salah, Harvey Elliott
Manchester United v Liverpool FC - Premier League / Shaun Botterill/GettyImages

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำประตูในพรีเมียร์ลีกใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด มากกว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ ในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันดังกล่าว (6 ประตู)

เท่านั้นไม่พอ ซาลาห์ ยังเป็นผู้เล่นคนแรกที่ยิง ยูไนเต็ด ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้ 4 นัดติดต่อกัน

ขณะที่ ค็อบบี้ ไมนู กองกลางดาวรุ่ง กลายเป็นนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่อายุน้อยสุดที่ยิงใส่ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก (18 ปี กับอีก 354 วัน)

ด้าน เอริค เทน ฮาก กุนซือ ปีศาจแดง ไม่เคยแพ้ ลิเวอร์พูล ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด (ชนะ 2, เสมอ 1)