บาร์เซโลนา 1-4 ปารีส แซงต์-แชร์กแมง : เก็บตกทุกประเด็นหลัง เอ็มบัปเป้ แฮตทริคพา PSG บุกขยี้ บาร์ซา เละคาบ้าน
การแข่งขัน :ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2020/21
วันแข่งขัน : คืนวันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ 2021
เวลาแข่งขัน : 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : บาร์เซโลนา 1-4 ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
สนาม : คัมป์นู
บาร์เซโลนา ต้องเจอกับงานสุดหินในเลกที่ 2 หากยังหวังจะเข้ารอบต่อไปหลังจากที่พวกเขาโดน เปแอสเช บุกมาถล่มถึง 4 ประตู แม้จะออกนำไปก่อนจากจุดโทษของ ลิโอเนล เมสซี ก็ตาม
เปแอสเช ไม่รอช้าออกสตาร์ทเกมด้วยการได้โอกาสยิงตั้งแต่นาทีที่ 2 โดย เวรัตติ ตักบอลข้ามแนวรับของ บาร์ซา มาได้อย่างงดงามถึง เอ็มบัปเป้ ที่ยังยิงไปติดเซฟของ สเตเก้น
ไม่กี่อึดใจต่อมา เดมเบเล ของเจ้าบ้านก็เอาบ้างลองตัดเข้าในแล้วยิงทันทีแต่ก็ได้ คิมเป็มเบ้ เข้ามาบล็อคไว้ได้ทัน
นาทีที่ 14 เมสซี โชว์คลาส ลงมาล้วงบอลเองก่อนจ่ายต่อให้ เปดรี ที่ปาดไปถึง กรีซมันน์ ในกรอบเขตโทษทันที แต่ นาบาส ยังเข้ามาปิดมุมป้องกันลูกยิงของแข้งชาว ฝรั่งเศส เอาไว้ได้
นาทีที่ 17 แนวรับ บาร์ซา พลาดท่าอีกแล้วปล่อยให้ เอ็มบัปเป้ ยกบอลข้ามหัวไปถึง อิคาร์ดี้ แต่ลูกยิงของเขาก็ยังเบาเกินไป
นาทีที่ 26 บาร์เซโลนา ได้ทีออกนำไปก่อนจากจุดโทษของ เมสซี หลังจากที่ เลวิน เคอร์ซาวา วิ่งไปชนข้อเท้าของ เดอ ยอง จนล้มลง
นาทีที่ 30 พวกเขาเกือบได้ทิ้งห่างเป็น 2 เม็ด จากการเลี้ยงฝ่าแนวรับของ เปแอสเช โดย เมสซี ที่เลือกส่งต่อไปให้ เดมเบเล แต่น่าเสียดายที่เขายิงไปตรงตัว นาบาส
นาทีที่ 31 เอ็มบัปเป้ ช่วยตามตีเสมอให้ทีมได้สำเร็จจากการจ่ายบอลของ เวรัตติ ที่ดูจะเข้าขากับเขามากเป็นพิเศษในเกมนี้ โดยแข้งวัยกระเตาะยิงเข้าไปเต็มแรงด้วยความมั่นใจสุดฤทธิ์
ก่อนหมดครึ่งแรกทีมเยือนได้โอกาสขึงเกมบุกใส่เจ้าบ้านอย่างหนักพร้อมสร้างโอกาสยิงได้อีกหลายครั้งจาก คีน และ อิคาร์ดี้ ที่หลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย ส่วน บาร์ซา เองก็ได้โอกาสสวนกลับจนเกือบเป็นประตูอยู่หนหนึ่งแต่ กรีซมันน์ ยิงเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว
เริ่มต้นครึ่งหลังมาได้ครู่เดียว เอ็มบัปเป้ ก็หาโอกาสยิงได้อีกครั้งจากการวิ่งหาช่องว่างในแนวรับของ บาร์ซา แต่ก็หลุดเสาออกไปไม่กี่นิ้ว
นาทีที่ 50 สเตเก้น โชว์ซูเปอร์เซฟลูกยิงของ คีน ในระยะประชิด
นาทีที่ 62 เดมเบเล ได้โอกาสยิงอีกครั้งแต่ก็เบาเกินไป ในเกมนี้เขาถือว่าสร้างความอันตรายได้ไม่น้อยเลย ขาดก็แต่จังหวะจบสกอร์เท่านั้น
ไม่ทันไร เอ็มบัปเป้ ยิงประตูที่ 2 ของตัวเองจนได้จากการเข้าไปซ้ำลูกยิง ฟลอเรนซี ที่ถูกปัดมาเข้าทางเขาพอดี 1-2
นาทีที่ 68 บัปเป้ เกือบ แฮตทริค จากจังหวะเลี้ยงจี้เผาเครื่อง เดสต์ มาตัดเข้าในแล้วยิงทันทีแต่ สเตเก้น ยังมือไวมาเซฟไว้ได้ทัน
นาทีที่ 70 1-3 มอยเซ คีน สะบัดตัวประกบหลุดวิ่งมาโหม่งลูกเปิด ฟรีคิก ของเปเรเดส กระดอนพื้นเข้าไปอย่างง่ายดาย
นาทีที่ 82 นาบาส เกือบพลาดท่าจ่ายบอลช้าไปติด กรีซมันน์ ที่เข้ามากดดันกระดอนเกือบเข้าประตูไป
บาร์เซโลนา พยายามหาโอกาสยิงคืนให้ได้และเริ่มบุกหนักมากขึ้นจากการที่โดนทีมเยือนข่มเสียมิดในครึ่งหลัง
นาทีที่ 85 เปแอสเช ได้จังหวะสวนกลับจากการเข้าทำที่ผิดพลาดของ บาร์เซโลนา บอลไปถึง ดรักซ์เลอร์ ที่เพิ่งถูกส่งลงมา เขาดึงจังหวะก่อนจ่ายต่อไปทางซ้ายให้ เอ็มบัปเป้ ที่ไม่มีใครประกบยิงด้วยขวาไปเต็มแรง แฮตทริค เรียบร้อย
คะแนนนักเตะ บาร์เซโลนา
ผู้รักษาประตู: แทร์ สเตเก้น (6)
กองหลัง: เดสต์ (3), ปิเก้ (3), ล็องเลต์ (4), อัลบา (5)
กองกลาง: เดอ ยอง (5), บุสเก็ตส์ (4), เปดรี (6)
กองหน้า: เดมเบเล (6), เมสซี (7), กรีซมันน์ (6)
ตัวสำรอง
มินกีซา (แทน เดสต์ นาทีที่ 71)
ปุช (แทน ปิเก้ นาทีที่ 78)
ตรินเคา (แทน เปดรี นาทีที่ 79)
เปยานิช (แทน บุสเก็ต นาทีที่ 79)
เบรธเวต (แทน กรีซมันน์ นาทีที่ 84)
คะแนนนักเตะ เปแอสเช
ผู้รักษาประตู: นาบาส (6)
กองหลัง: ฟลอเรนซี (7), มาร์ควินญอส (7), คิมเป็มเบ้ (7), เคอร์ซาวา (7)
กองกลาง: ปาเรเดส (7), เกย์ (6)
กองกลางตัวรุก: คีน (8), แวร์รัตติ (8), เอ็มบัปเป้ (10)
กองหน้า: อิคาร์ดี้ (7)
ตัวสำรอง
เอร์เรรา (แทน เกย์ นาทีที่ 46) - 7/10
ดรักซ์เลอร์ (แทน เวรัตติ นาทีที่ 73) - 7/10
ดานิโล (แทน คีน นาทีที่ 84) - N/A
เคห์เรอร์ (แทน ฟลอเรนซี นาทีที่ 89) - N/A
คีย์แมน - คีเลียน เอ็มบัปเป้
ตัวรุกชาว ฝรั่งเศส วัย 22 ปี เล่นได้อย่างน่าทึ่งในเกมนี้โดยสามารถรับมือกับเหล่าแนวรับของ บาร์เซโลนา ที่เวียนกันมาล้อมหน้าล้อมหลังเขาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ เดสต์ ที่เอา เอ็มบัปเป้ ไม่อยู่เลยแม้แต่จังหวะเดียว แฮตทริค ของเขาใส่ บาร์เซโลนา ที่คัมป์ นู แสดงให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของเขาทั้งความมั่นใจในการยิงและการคอยวิ่งพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่บอลอยู่ได้เสมอๆ นอกจากความสามารถในการยิงประตูได้อย่างเฉียบขาดแล้ว คีเลียน ยังแสดงให้เห็นถึงทักษะในการเลี้ยงและจ่ายบอลสร้างโอกาสให้เพื่อนๆได้อยู่หลายหนซึ่งน่าเสียดายที่ อิคาร์ดี้ เปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้
เก็บตกประเด็นหลังเกม
1. โอกาสเข้ารอบของ บาร์เซโลนา
จริงอยู่ที่พวกเขาเคยสร้างปาฎิหารย์มาแล้วในปี 2017 แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าพวกเขาไม่ใช่ทีมเดิมกับเมื่อตอนนั้นอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นหาก โรนัลด์ คูมัน อยากจะพลิกสถานการณ์ได้พวกเขาต้องยิง เปแอสเช ให้ได้ถึง 4 ลูก และไม่โดนยิงคืนเลยแม้แต่ประตูเดียวในบ้านของคู่แข่ง
2. เดมเบเล
หลังจากที่ เมสซี ยิงจุดโทษให้ทีมออกนำไปได้ก่อน พวกเขาเกือบทิ้งห่างเป็น 2-0 แต่เพราะความไม่เฉียบขาดของ อุสมาน เดมเบเล ในการยิงประตู นำไปสู่การตีเสมอได้สำเร็จของทีมเยือน นอกจากนี้ตัวรุกจากแดนน้ำหอมยังมีโอกาสอีกหลายต่อหลายหนที่มักจะจบลงด้วยการตัดสินใจในจังหวะสุดท้ายที่ไม่เข้าท่าและไม่ดีพอเสมอ
3. การกลับมาของ ปิเก้
หลังจากที่ขาดหายผู้เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ไปหลายเกมจนต้องให้ แฟรงกี้ เดอ ยอง ประจำการในตำแหน่งดังกล่าวในเกม ลาลีก้า เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในที่สุด คูมัน ก็ได้ เคราร์ด ปิเก้ กลับมาเป็นตัวเลือกและเขาก็ไม่รอช้าจับแข้งมากประสบการณ์ลงสนามในทันที ก่อนที่มันจะหลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดเพราะความเชื่องช้าของ ปิเก้ ส่งผลเสียให้กับทีมเป็นอย่างมากในเกมนี้กับการต้องรับมือกับ เอ็มบัปเป้ และ คีน ที่ต่างก็มีความเร็วกันทั้งคู่
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น ! * ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใด ๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด