โครเอเชีย 3-5 สเปน: เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลังเกม ยูโร 2020 สุดดราม่า กระทิงดุ หืดจับทะลุรอบ 8 ทีม
การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน : คืนวันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน 2021
เวลาแข่งขัน : 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน : โครเอเชีย 3-5 สเปน
สนาม : พาร์เคน อารีนา (กรุงโคเปนเฮเก้น)
เริ่มมา ทัพกระทิงดุ เปิดเกมบุกเข้าใส่อย่างหนักตั้งแต่ต้นเกมทำให้ โครเอเชีย ต้องตั้งรับลึกและรอโอกาสในการสวนกลับ แต่แล้วนาทีที่ 20 กลับเป็น โครเอเชีย ขึ้นนำก่อนจากจังหวะที่ เปดรี้ จ่ายคืนหลังแต่ อูไน ซิมอน จับบอลพลาดเข้าประตูตัวเองไป แต่จากนั้นไม่นาน สเปน ตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 38 จากจังหวะที่ กายา ยิงไปติดเซฟ ลิวาโควิช กระดอนออกมาเข้าทาง ซาราเบีย ซ้ำเข้าไป ทำให้จบ 45 นาทีแรกเสมอกัน 1-1
เริ่มครั้งหลังยังคงเป็น สเปน ที่พยายามบุกอย่างหนักหวังเอาประตูขึ้นนำ และมาทำได้สำเร็จในนาทีที่ 57 จากจังหวะที่ ตอร์เรส เปิดเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษและเป็น อัซปิลิกวยต้า ที่เติมขึ้นมา โขกจ่อ ๆ เข้าไป จากนั้นนาทีที่ 77 ทัพกระทิงดุ มาได้ประตูที่สามจากการวางบอลยาวของ เปา ตอร์เรส ให้กัน เฟร์ราน ตอร์เรส หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงง่าย ๆ ช่วงท้ายเกม โครเอเชีย ไล่มาเป็น 2-3 จากจังหวะที่ โมดริช หลุดถึงเส้นหลังและตบเข้ากลางบอลคลุกคลิกก่อนจะเป็น ออร์ซิช ที่ยิงจ่อ ๆ เข้าไป เกมทำท่าจะจบด้วยชัยชนะของ สเปน แต่แล้วช่วงทาเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 2 โครเอเชีย ตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะที่ ออร์ซิช เปิดเข้ามาลุ้นในกรอบและเป็น ปาซาลิช ตัวสำรองที่โขกเข้าไปทำให้จบ 90 นาทีเสมอกันไป 3-3
ช่วงต่อเวลาพิเศษเป็น โครเอเชีย ที่ทำได้ดีกว่าค่อนข้างชัดเจนและเกือบได้ประตูขึ้นนำจากลูกยิงจ่อ ๆ ของ ครามาริช แต่ ซิมอน เซฟไว้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่แล้วนาทีที่ 100 สเปน ออกนำ 3-4 จากจังหวะที่ โอลโม เปิดมาที่เสาไกลให้ โมราต้า ได้ซัดโล่ง ๆ เต็มข้อเข้าไป ไม่เพียงแค่นั้น 3 นาทีต่อมา สเปน ได้ประตูที่ 5 จากจังหวะที่ โอลโม เปิดไปที่เสาสองและคราวนี้เป็น โอยาร์ซาบาล ได้ยิงเผาขนเข้าไป
15 นาที่สุดท้ายช่วงต่อเวลาเป็น สเปน ที่ครองบอลรักษาสกอร์ ส่วนผู้เล่น โครเอเชีย ดูจะมีปัญหาเรื่องพละกำลังทำให้เอาบอลกลับมาครองได้ค่อนข้างน้อย ในขณะที่ สเปน อาศัยช่วงว่างในการทำเกมสวนกลับและลุ้นประตูที่ 6 แต่ทำไม่ได้ทำให้จบ 120 นาที สเปน เฉือนเอาชนะ โครเอเชีย ไปได้ 3-5
คะแนนนักเตะทั้งสองทีม
สเปน
11 ผู้เล่นตัวจริง : ซิมอน (7), กายา (6.5), การ์เซีย (6), ลาปอร์ต (6.5), อัซปิลิกวยต้า (7), บุสเกตส์ (7), โกเก้ (6.5), เปดรี้ (7.5), เฟร์ราน ตอร์เรส (7), ซาราเบีย (7), โมราต้า (7)
ตัวสำรอง : โอลโม (7), เปา ตาร์เรส (6.5), อัลบา (6.5), ฟาเบียน (6), โอยาร์ซาบาล (6.5), โรดรี้ (6)
โครเอเชีย
11 ผู้เล่นตัวจริง : ลิวาโควิช (6), กวาร์ดิโอล (6.5), ซาร์ (6), วิด้า (6.5), ยูราโนวิช (6.5), โบรโซวิช (6.5), โมดริช (6.5), โควาชิช (6), วลาซิช (6), เรบิช (5.5), เพทโควิช (5.5)
ตัวสำรอง : ครามาริช (6), ออร์ซิช (7), เบรคาโล (6), บูดิเมียร์ (6), ปาซาลิช (6.5), อิวานูเซค (5.5)
แมนออฟเดอะแมทช์ - เปดรี
หนุ่มน้อยวัย 18 ปี แม้ว่าวันนี้จะไม่มีชื่อเป็นผู้ทำประตู แต่ต้องบอกว่าเบื้องหลังเกมแดนกลางอันไหลลื่นของ สเปน เขาคือหัวใจสำคัญในแดนกลางตลอด 120 นาทีอย่างแท้จริง แถมยังมีไอเดียในการเข้าทำค่อนข้างหลากหลาย เชื่อได้เลยว่าหากยังคงรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้ไว้ได้ เจ้าตัวจะกลายมาเป็นกำลังสำคัญให้กับ สเปน ในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน
ประเด็นหลังเกม - สุดดราม่า โครเอเชีย ตกรอบอย่างภาคภูมิ
ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าโมเมนตัมของเกมนี้พลิกไปมาชนิดที่ลุ้นกันแบบนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ เริ่มจากประตูแรกที่ สเปน พลาดอย่างเหลือเชื่อจากการจับบอลพลาดของ อูไน ซิมอน นายทวาร ทำให้บอลหลุดเข้าประตูตัวเองไป หลังจากนั้น โครเอเชีย โหมบุกอย่างหนักแต่ทำไม่ได้และมาโดนตีเสมอก่อนจบครึ่งแรกไป หลังจากนั้น ทัพกระทิงดุเร่งเกมจนมาได้ 2 ประตูช่วงต้นครึ่งหลัง เกมทำท่าจะจบด้วยชัยชนะสบาย ๆ ของ สเปน แต่นาทีที่ 85 โครเอเชีย กลับไล่ขึ้นมาทำให้รูปเกมเป็น โครเอเชีย ที่ดีกว่าในช่วงท้าย กระทั่งตีเสมอได้อย่างเหลือเชื่อในช่วงทดเจ็บ จนต้องต่อต่อเวลาออกไปอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลายังคงเป็น โครเอเชีย ที่กำลังได้ใจบุกใส่อย่างหนักและเกือบขึ้นนำจาก ครามาริช แต่ ซิมอน ยังแก้ตัว ซุเปอร์เซฟเอาไว้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ก่อนที่ โมราตา และ โอยาร์ซาบาล จะมายิงคนละประตูช่วย สเปน ทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป สำหรับ ทัพโครแอต ต้องชื่นชมหัวจิตหัวใจอันไม่ยอมแพ้ ยื้อมาจนถึงที่สุด แม้จะจบด้วยความพ่ายแพ้ แต่บอกเลยว่าชนะใจแฟนบอลไปเต็ม ๆ อย่างแน่นอน
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด