คำรามให้สุดเสียงของ “สิงโตแอตลาส” - FEATURE

Morocco v Portugal: Quarter Final - FIFA World Cup Qatar 2022
Morocco v Portugal: Quarter Final - FIFA World Cup Qatar 2022 / Justin Setterfield/GettyImages
facebooktwitterreddit

ทีมชาติโมร็อคโก “สิงโตแอตลาส” พวกเขาลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 6 แล้ว และพวกเขาก็คือทีมแรกในทวีปแอฟริกาที่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งมันเกิดขึ้นในปี 1986 แต่ในปี 2022 โมร็อคโกสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับตนเองอีกครั้ง

ยังไม่เคยมีประเทศตัวแทนจากแอฟริกาผ่านเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกได้มาก่อน ที่ผ่านมา แคเมอรูน (1990), เซเนกัล (2002) และ กาน่า (2010) จบเส้นทางไว้เพียงรอบ 8 ทีมสุดท้าย และ โมร็อคโก คือชาติแรกที่สามารถก้าวผ่านไปได้สำเร็จ ผ่านโค้ชที่เข้ามาทำงานกับทีมเพียง 3 เดือนก่อนเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

วาลิด เรกรากี (47 ปี) ผู้จัดการทีมชาติโมร็อคโก เพิ่งเข้ามารับงานทีมชาติในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นเป็นต้นมา นับจนถึงเกมที่ลงเล่นกับโปรตุเกสในรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก พวกเขาลงเล่นมาแล้ว 8 เกม [ชนะ 4 เสมอ 4] ภายใต้การคุมทีมของเรกรากี โดยไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาเสียเพียง 1 ประตู และเป็นการเสียประตูจากการทำเข้าประตูตัวเอง ในเกมพบกับแคนาดา [โมร็อคโกชนะ 2-1] และกลายเป็นโค้ชคนที่สองที่เป็นชาวโมร็อคโกที่ได้คุมทีมลงเล่นในรอบสุดท้ายต่อจาก อับเดลลาห์ บลินดา ในปี 1994

Walid Regragui
Morocco v Portugal: Quarter Final - FIFA World Cup Qatar 2022 / Laurence Griffiths/GettyImages

ในวัยหนุ่มเขาคือนักเตะแบ็คขวาที่เคยลงเล่นทีมชาติโมร็อคโกมากถึง 45 เกม แต่มันเป็นช่วงเวลาที่น่าผิดหวังของทีมชาติ เมื่อตลอด 8 ปีของเขาในฐานะนักเตะทีมชาติ เขาไม่เคยได้สัมผัสฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเลยจนกระทั่งเลิกเล่นในปี 2011 และก็เริ่มทำงานในวงการโค้ชนับจากนั้นเป็นต้นมา ก่อนรับงานโค้ชใหญ่เต็มตัวในปี 2014 

ในช่วงเริ่มรับงานคุมทีมชาติโมร็อคโก เขาถูกปรามาสจากแฟนบอลบ้านเกิดตัวเองพอสมควร เพราะเขาประสบการณ์คุมทีมน้อยมากเพียงแค่ 8 ปี และเป็นการทำงานในสโมสรในบ้านเกิด และกาตาร์ทั้งหมด ก่อนมารับงานนี้บ้างก็หนักถึงขั้นบูลลี่ศีรษะของเขาว่าเหมือน “อะวาคาโด” แต่สุดท้ายตอนนี้ผลงานตอบแทนคำพูดไปหมดแล้วว่าเขากับงานนี้มันเข้ากันได้ดี อย่างน้อย ๆ ก็ในทัวร์นาเมนต์นี้ที่ทำให้เขาได้รับฉายาที่ชื่อว่า “กวาร์ดิโอล่าแห่งโมร็อคโก” ที่มาจากรูปลักษณ์ที่มาพร้อมกับผลงานของเขา

ฟุตบอลเป็นเรื่องของกีฬาที่เล่นกันเป็นทีม ในทีมคุณอาจจะมี ลิโอเนล เมสซี่ สัก 11 คนก็ได้ แต่ถ้าคุณไม่มีทีมเวิร์ค ก็ยากจะประสบความสำเร็จ พื้นฐานของโค้ชทุกคน เริ่มต้นจากทีมงานที่ทำงานร่วมกัน และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักเตะในทีม โค้ชหนุ่มอย่าง มิเคล อาร์เตต้า,ชาบี เอร์นานเดซ หรือ ยูเลี่ยน นาเกลสมันน์ และอีกหลายคน พวกเขาเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่ว่า“อายุกายไม่สำคัญเท่ากับอายุของความรู้ และการได้รับความเชื่อใจ” ทีมของ เรกรากี ก็ไม่ต่างกัน เขาสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนรอบตัว และนักเตะที่ขาดหายไปในยุคของ วาฮิด ฮาลิฮอทซิท นั่นคือการเรียกเหล่านักเตะที่ดีที่สุดของประเทศคืนกลับมาสู่ทีม

ฮาคิม ซิเย็ค ที่มีปัญหากับฮาลิฮอทซิทเกี่ยวกับเรื่องของทัศนคติ และความเป็นมืออาชีพจนหลุดออกจากทีม โดยเขาเคยระบุว่าจะไม่กลับไปเล่นกับทีมชาติโมร็อคโกอีกแล้ว แต่สุดท้ายเมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เขาก็ได้รับการโน้มน้าวใจ และความเชื่อมั่นคืนกลับมาสู่ทีม และประโยชน์ก็ตกกับทีมชาติโดยตรง เพราะเขาคือนักเตะที่เก่งที่สุดในแนวรุกของทีมชาติชุดนี้

Yassine Bounou, Achraf Hakimi, Sofyan Amrabat, Romain Saiss, Hakim Ziyech, Azzedine Ounahi, Selim Amallah, Soane Boufal, Jawad El Yamiq, Youssef En-Nesyri, Yahya Attiat-Allah
Morocco v Portugal: Quarter Final - FIFA World Cup Qatar 2022 / Zhizhao Wu/GettyImages

“ซิเย็ค เป็นนักเตะที่คาแรคเตอร์ชัดเจน เขาเป็นคนกร้าวแกร่ง และเขาคงโวยผมแน่ถ้าผมเปลี่ยนเขาออก แต่ถ้าผมทำแบบนั้น เขาก็มาคุยกับผมได้เลยว่าทำไมผมเปลี่ยนเขาออก เพราะผมชอบที่จะอธิบายการตัดสินใจของผมกับนักเตะมากกว่าเงียบ”

โซฟียาน อมราบัต กองกลางตัวรับของทีมที่กำลังฟอร์มยอดเยี่ยมเป็นอีกคนที่ เรากรากี ต้องการความเชื่อมั่นจากนักเตะ เขาเลือกบินไปหานักเตะถึงฟลอเรนซ์ หลังการรับงานไม่กี่วัน เพื่อไปคุยกับนักเตะถึงแผนงานของเขา บทบาทหน้าที่ของนักเตะในทีมที่เขาอยากได้

ขณะที่ นูเซียร์ มาสราอุย ฟูลแบ็คบาเยิร์น มิวนิค เป็นอีกคนที่ได้รับการกลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง หลังจากหลุดทีมไปเกือบสองปีเต็ม ดีลนี้ เรกรากี เลือกใช้การเจรจากับนักเตะโดยมี อคราฟ ฮาคิมี่ ฟูลแบ็คเปแอสเช ร่วมเป็นหนึ่งในการสนทนาด้วย เพราะโค้ชอยากได้ฟูลแบ็คสองฝั่งเป็นพวกเขาสองคนในทีมลุยฟุตบอลโลก

“มาสราอุย เป็นคนที่เร็วมากเขาเหมาะกับการเล่นทางซ้าย ส่วน ฮาคิมี่ เล่นทางขวา มันคงเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก”

เมื่อได้ส่วนประกอบที่ต้องการและมั่นใจว่า “ดีที่สุดเท่าที่มี” เรกรากี ก็เริ่มวางแท็คติกการเล่น และทำงานของเขานับจากนั้นเป็นต้นมา และแน่นอนเรื่องของวินัยเป็นสิ่งที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พวกเขามาไกลเกินฝัน

ด้วยระบบการเล่น 4-5-1 เมื่อเข้าสู่เวทีรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก พวกเขาไม่ใช่ทีมที่มีสตาร์มากนัก นักเตะในทีมชุดนี้เล่นกันในโมร็อคโก, สเปน และ ฝรั่งเศส เป็นหลัก แต่ถ้าไม่นับสามรายชื่อด้านบนที่กล่าวถึงไปนักเตะคนอื่นก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนัก แต่พวกเขาเล่นกันด้วย “ความเชื่อมั่น”ในตัวโค้ช “รู้ตัวตน” ของทีม และแน่นอนพวกเขามี “เป้าหมาย” ในการลงเล่น

“ผมบอกกับลูกทีมทุกคนว่าเราต้องมีเป้าหมายชัดเจน เราต้องการผ่านรอบแบ่งกลุ่มไป หลังจากนั้นเราจะมองท้องฟ้าที่สูงกว่าเดิม และทำทุกอย่างเพื่อไปให้ถึงมัน ทุกทีมที่เจอเราต้องยากลำบากหากอยากชนะเรา และถ้าเราทำแบบนั้นได้ ทำไมเราจะฝันเป็นแชมป์ไม่ได้ล่ะ” 

นั่นสิ…ทำไมจะฝันเป็นแชมป์ไม่ได้ล่ะ