อย่าหมดหวัง : 5 เหตุผลที่ อาร์เซน่อล จะยังคงผงาดลุ้นคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ได้อยู่ - OPINION

Newcastle United v Arsenal FC - Premier League
Newcastle United v Arsenal FC - Premier League / Stu Forster/GettyImages
facebooktwitterreddit

ในบางความเห็น ท่านว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นอนมาแล้วสำหรับการผงาดแชมป์ พรีเมียร์ลีก 3 สมัยซ้อน เมื่อของเรือเขาแรงจัดขนาดนี้ และ อาร์เซน่อล เองก็ดันออกลูกแผ่วไปพร้อมกันด้วยในช่วงที่ผ่านมา

แต่เมื่อโปรแกรมยังเหลือ ทุกอย่างยังไม่ถูกตัดสิน ความเป็นไปได้สำหรับ อาร์เซน่อล ที่จะครองแชมป์แรกถัดจาก 2003/04 ก็ยังมี

เอาเป็นว่า ปืนใหญ่ อย่าเพิ่งยอมหมดหวัง... นี่คือ 5 เหตุผลที่ อาร์เซน่อล จะยังคงผงาดแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ ได้อยู่!

ความเหนื่อยที่แตกต่าง

ก่อนจะไปว่าถึงอย่างอื่น ลองไปดูตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก อัพเดตล่าสุดกันก่อน ภายหลังจากเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่างก็เก็บชัยชนะได้อย่างไม่พลาดเป้าทั้งสองฝั่ง

อันดับ

แข่ง

แต้ม

1. แมนฯ ซิตี้

34

82

2. อาร์เซน่อล

35

81

ดังจะเห็นว่า แมนฯ ซิตี้ กุมความได้เปรียบ ณ ตอนนี้เอาไว้--ในช่วงเวลาที่ พรีเมียร์ลีก 2022/23 เหลือให้ไปต่อแค่ไม่กี่ก้าวเดิน โดยทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ดีกว่าทั้งแต้ม (82:81) ทั้งผลต่างประตูได้เสีย (ไกลมาก, +58:+44) และกระทั่งโปรแกรมเตะที่เหลือเกมสแปร์ในมือ 1 นัด

อันที่จริง ตามความได้เปรียบทั้งหมดที่เป็น ทำให้ถ้า แมนฯ ซิตี้ เดินหน้าชนะต่ออีกแค่ 3 เกม หรือจนถึงนัดรองสุดท้าย (ตกค้าง) กับ ไบรท์ตัน แล้วล่ะก็...

แชมป์ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ จะตกเป็นของ แมนฯ ซิตี้ ทันที ด้วยช่องห่าง 4 แต้มก่อนเข้าสู่เกมนัดปิดฤดูกาล

อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อล ก็ยังพอมีบางแง่มุมให้หยิบจับ ให้ความหวังของการพุ่งชนแชมป์ลีกหนแรกในรอบ 19 ปี ยังไม่สิ้นสุดลงไป

นั่นเพราะถ้ามองลงไปให้ลึกกว่าแค่ฉากหน้า จะพบว่า แมนฯ ซิตี้ ต้องเจออะไรที่ "หนักกว่ากันเยอะ" สำหรับคิวเตะ 1 เดือนสุดท้ายนี้

เมื่อในขณะที่ อาร์เซน่อล เหลือเกมลีกให้เล่น 3 นัดถ้วนๆ ไม่มีอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว

  • 14 พ.ค. เหย้า ไบรท์ตัน & โฮฟ อัลเบี้ยน

    20 พ.ค. เยือน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์

    28 พ.ค. เหย้า วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส

ทางฝั่ง แมนฯ ซิตี้ นั้น...ต้องเหนื่อยกว่ากัน 2 เท่าครึ่ง!

  • 9 พ.ค. เยือน เรอัล มาดริด (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)

    14 พ.ค. เยือน เอฟเวอร์ตัน (พรีเมียร์ลีก)

    17 พ.ค. เหย้า เรอัล มาดริด (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)

    21 พ.ค. เหย้า เชลซี (พรีเมียร์ลีก)

    24 พ.ค. เยือน ไบรท์ตัน & โฮฟ อัลเบี้ยน (พรีเมียร์ลีก)

    28 พ.ค. เยือน เบรนท์ฟอร์ด (พรีเมียร์ลีก)

    3 มิ.ย. พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ชิงเอฟเอ คัพ)

    10 มิ.ย. (อาจจะ) ชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
Erling Haaland
FC Bayern München v Manchester City: Quarterfinal Second Leg - UEFA Champions League / Danilo Di Giovanni/GettyImages

รักพี่เสียดายน้อง

ต่อจากข้อที่แล้ว ก็ชัดเจนไปอีกว่า แมนฯ ซิตี้ ต้องออกแรงและฝ่าฟันอีกเยอะ กว่าที่จะไปถึงเป้าหมายสูงสุดอย่าง "ทริปเปิ้ลแชมป์" ที่ไม่เคยมีใคร (ทีมอังกฤษ) ทำได้สำเร็จมาก่อน ถัดจาก แมนฯ ยูไนเต็ด 1999

หนึ่งคือต้องเหนื่อยหนัก สองคือเลี่ยงไม่ได้หรอกที่ต้องเกิดอาการ "รักพี่เสียดายน้อง"

เริ่มต้นตั้งแต่คืนอังคารนี้เลย กับนัดดวล เรอัล มาดริด ที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว

สมมุตินะสมมุติ สมมุติว่าถ้าเด็กๆ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พลาดท่าเสียที สะดุดตอสีขาวๆ ล้มหน้าแหกขึ้นมา ไม่ว่าจะด้วยสกอร์ไหนก็ตาม สิ่งที่ตามมาก็คือ มันอาจเกิดการ "ยอมเสี่ยง" พักตัวหลักหลายรายของ เป๊ป เช่น เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์, เควิน เดอ บรอยน์, แจ๊ค กรีลิช, อิลคาย กุนโดกัน ไม่ต้องเล่นเกมลีกช่วงสุดสัปดาห์ที่จะบุกเตะ เอฟเวอร์ตัน เพื่อให้สภาพร่างกายพร้อมที่สุดสำหรับคิวแก้มือกับ เรอัล มาดริด ในเอติฮัด สเตเดี้ยม พุธหน้า

อีกเช่นกัน ถ้าการยอมเสี่ยงนั้นตามมาด้วยผลที่ไม่เข้ามือ ไม่อาจชนะที่ กูดิสัน พาร์ค ได้ ก็จะยิ่งเป็นภาวะ "แผ่นเสียงตกร่อง" ตกช่องงานเข้าของ แมนฯ ซิตี้ ทันที เมื่อหลังจากแพ้ เรอัล มาดริด แล้ว ก็ได้แค่เสมอ เอฟเวอร์ตัน เท่านั้น และยังไม่รู้ว่าเกมแก้มือกับทีมชุดขาว จะได้ผลหน้าไหน

Josep 'Pep' Guardiola
Manchester City v Leeds United - Premier League / James Gill - Danehouse/GettyImages

แข้งเรือเริ่มออกอาการ

ไม่ใช่ออกอาการผิดฟอร์ม แต่เป็นเรื่องของ "ปัญหาบาดเจ็บ" ที่ดันมาเกิดขึ้นเอาในช่วงชี้้เป็นชี้ตายนี่ซะด้วย

นาธาน อาเก้ ตัวสารพัดประโยชน์แดนหลัง ที่ลงสนามไปแล้วถึง 39 นัดซีซั่นนี้ เล่นเกมที่ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 2-1 ได้แค่ 54 นาทีเท่านั้น ต้องโดนถอดออกให้ ไคล์ วอล์คเกอร์ ลงไปแทน

พบว่า อาเก้ บาดเจ็บบริเวณน่องซ้าย และถึงตรงนี้ยังไม่มีการยืนยันระยะพัก แต่ก็เป็นไปได้ว่า อาจจะไม่พร้อมเล่นเกมกับ เรอัล มาดริด อังคารนี้ เป็นอย่างน้อย

เวลาเดียวกัน จอมทัพเบอร์ 1 อย่าง เควิน เดอ บรอยน์ อาจจะเรียกฟิตกลับมาลงเล่นกับ ลีดส์ ได้แบบเต็มเกมไม่โดนเปลี่ยนออกพัก แต่ก็ยังไม่มีใครกล้ายืนยันได้ว่าสตาร์เบลเจี้ยนจะพร้อมยืนระยะระดับลงเล่น "ทุกนัด" ที่เหลืออยู่ของซีซั่นนี้

แน่นอนว่าเจ็บในช่วงนี้ ไม่ดีเอาเลย เมื่อ แมนฯ ซิตี้ เล็งจะเหมารวบ 3 แชมป์ การขาดหายไปของแข้งคนใดคนหนึ่ง ย่อมจะส่งผลกับการจัดทัพ โรเตชั่นทีมในแต่ละเกมอย่างเลี่ยงไม่ได้

Nathan Ake
Manchester City v Leeds United - Premier League / Shaun Botterill/GettyImages

อาร์เซน่อล กลับมาแล้ว

มาถึงอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่จะช่วยให้ อาร์เซน่อล ยังหลงเหลือความหวังที่จะสู้เพื่อแชมป์พรีเมียร์ลีกไปจนสุดทาง

นี่คือปัจจัยเดียวที่ อาร์เซน่อล และ มิเกล อาร์เตต้า สามารถควบคุมได้ ซึ่งก็คือเรื่อง "ฟอร์มการเล่น" ของตัวเอง นั่นเอง

ก็คงต้องขอบคุณ เชลซี ยุค แฟร้งค์ แลมพาร์ด 2.0 ว่ามาช่วยทำให้พวกพี่ๆ ปืนโตเขาเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้เยอะเลย

เพราะหลังจากเสมอ 3 (2-2 ลิเวอร์พูล, 2-2 เวสต์แฮม, 3-3 เซาแธมป์ตัน) แพ้ 1 (1-4 แมนฯ ซิตี้) แล้ว อาร์เซน่อล ก็ฟื้นฟอร์มด้วยการผ่าน เชลซี ง่ายดาย 3-1 ในเกมที่ฉีกสกอร์นำ 3-0 ในเพียงครึ่งชั่วโมงแรก

สำคัญคือ อาร์เซน่อล ยังสร้างความต่อเนื่องสวยๆ ได้ด้วยการบุกสยบ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ถึงที่ 2-0 เมื่อคืนอาทิตย์ ท่ามกลางข้อเท็จจริงที่ว่า นิวคาสเซิ่ล ชนะมาถึง 4 เกมซ้อนใน เซนต์ เจมส์ พาร์ค ก่อนหน้านี้

นี่คือการกลับมาชนะ 2 เกมซ้อน ที่ก็มีลุ้นจะยิงยาวได้ถึง 5 เกมติดต่อกัน ได้เหมือนกัน เมื่อดูจากโปรแกรม 3 เกมสุดท้ายที่รออยู่

ยิ่งถ้า แมนฯ ซิตี้ เกิดสะดุดเป็นแรงส่งขึ้นมาอีกล่ะก็...

Martin Odegaard
Newcastle United v Arsenal FC - Premier League / Robbie Jay Barratt - AMA/GettyImages

ที่นี่...พรีเมียร์ลีก!

สุดท้ายท้ายสุด คงเป็นอะไรที่ อาร์เซน่อล ตั้งความหวังไว้ไม่ได้ แต่ แมนฯ ซิตี้ ก็คงมองข้ามเรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกัน

ว่า "ที่นี่...พรีเมียร์ลีก" ลีกที่เต็มไปด้วยความพลิกผัน เรื่องเหนือคาด และสิ่งที่ไม่คิดฝันซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ความเฮี้ยนของลีกแห่งนี้ เป็นสิ่งที่เราเห็นกันมานักต่อนัก ไม่ต้องมองไหนไกล เอาแค่ว่า อาร์เซน่อล สู้อุตส่าห์ยืนจ่าฝูงมาตลอด 6-7 เดือน สุดท้ายกลับมีสิทธิ์ต้องส่งมอบบัลลังก์คืนให้ แมนฯ ซิตี้ ซะงั้น ก็คงเข้าข่าย

แมนฯ ซิตี้ อาจจะชนะเกมลีกยิงยาวมาถึง 10 เกมซ้อน และกระแสล้วนเอนเอียงไปว่า พวกเขาจะครองแชมป์ลีก 3 สมัยซ้อนเป็นผลสำเร็จ

แต่ใครจะรู้ พวกเขาอาจพลาดท่าพ่าย เอฟเวอร์ตัน ขึ้นมาก็ได้ในวันอาทิตย์นี้

เช่นกัน อาร์เซน่อล ที่ดูเหมือนจะเพลี่ยงพล้ำแล้ว ใครจะรู้ ว่าก็อาจติดเครื่องชนะ 5 นัดรวดตอนท้ายได้เหมือนกัน

ทั้งหมดทั้งมวลก็คงหมายความว่า ตราบใดยังมีลมหายใจ ก็ต้องสู้กันต่อไป

บทสรุปจะออกหน้าไหน ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของบุญของกรรม!

FBL-ENG-PR-ARSENAL-CHELSEA
FBL-ENG-PR-ARSENAL-CHELSEA / BEN STANSALL/GettyImages