5 ผู้จัดการทีม พรีเมียร์ลีก ที่ได้รับการแต่งตั้งแบบสุดเซอร์ไพรส์ - OPINION

นับตั้งแต่ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เริ่มเปิดฉากฟาดแข้ง นั้น มักมีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงมากมาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีม ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสโมสรใหญ่หรือเล็ก พวกเขาต่างเคยมีการเปลี่ยนแปลงชนิดที่คอลูกหนังคาดไม่ถึงมาแล้ว

วันนี้เราจะพาไปพบกับ 5 เทรนเนอร์ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามารับงานแบบไม่มีใครคาดคิด

1. อัตติลิโอ ลอมบาร์โด (คริสตัล พาเลซ ปี 1998)

ลอมบาร์โด ย้ายจาก ยูเวนตุส มาเล่นกับ พาเลซ ในซัมเมอร์ปี 1997 หลังจากทัพ “ดิ อีเกิลส์” ได้เลื่อนชั้นกลับสู่ พรีเมียร์ลีก โดยอดีตปีกชาวอิตาเลียน ประเดิมนัดแรกได้อย่างน่าประทับใจด้วยการซัดประตูใส่ เอฟเวอร์ตัน

อย่างไรก็ตาม ลอมบาร์โด โชคร้ายได้รับบาดเจ็บ และต้องพักไปนานหลายเดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับ พาเลซ ผลงานเริ่มถดถอย และ มาร์ค โกลด์เบิร์ก เจ้าของทีมคนใหม่ จึงมีความคิดที่อยากเปลี่ยนแปลง

โกลด์เบิร์ก ตัดสินใจปลด สตีฟ คอปเปลล์ ออกจากตำแหน่งกุนซือหลังพาทีมแพ้ เชลซี 6-2 และแต่งตั้ง ลอมบาร์โด เป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวแทน โดยมีอดีตนักเตะชาวสวีเดนอย่าง โทมัส บลอริน เป็นผู้ช่วยฯ และล่าม

  ลอมบาร์โด ประเดิมคุมทีมเกมแรกด้วยการนำ พาเลซ เอาชนะ นิวคาสเซิล จากนั้น ในเดือนเมษายนปี 1998 ก็ก้าวลงจากตำแหน่ง และย้ายกลับไปค้าแข้งที่บ้านเกิดกับ ลาซิโอ

2. สเวน โกรัน อิริคสัน (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปี 2007)

หลังจากอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ทักษิณ ชินวัตร เทคโอเวอร์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สำเร็จ เขามีเป้าหมายคือ ทำให้ “เรือใบสีฟ้า” กลายสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาะอังกฤษ และแน่นอนว่า กุนซือบิ๊กเนมอย่าง อิริคสัน ก็ถูกดึงตัวเข้ามาเพื่อวางรากฐาน

อดีตโค้ชชาวสวีเดน พาทีมเก็บชัยชนะรวดใน 3 เกมแรก รวมถึงเอาชนะคู่แข่งร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงต้นเดือนธันวาคมปี 2007 ได้ แต่หลังจากนั้น แมนฯซิตี้ เริ่มฟอร์มตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมที่พ่าย มิดเดิ้ลสโบรช์ 1-8 เป็นฉนวนสำคัญทำให้ อิริคสัน โดนไล่ออก

3. อลัน พาร์ดิว (นิวคาสเซิ่ล ปี 2010)

ย้อนกลับไปในศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2010/11 แม้ คริส ฮิวจ์ตัน จะพา นิวคาสเซิล เลื่อนชั้นกลับมาได้สำเร็จ แต่ในเดือนธันวาคม พลพรรค “สาลิกาดง” หล่นไปอยู่อันดับ 11 ในตารางคะแนน และบอร์ดบริหารก็ปลดเจ้าตัวออกจากตำแหน่ง พร้อมระบุว่า อยากได้คนมีประสบการณ์เข้ามาคุมทีม

อย่างไรก็ตาม ไม่กี่วันต่อมาแฟนบอล นิวคาสเซิล ต้องเจอกับข่าวช็อก หลังจากที่สโมสรประกาศแต่งตั้ง อลัน พาร์ดิว ซึ่งกำลังคุมทีม เซาธ์แฮมป์ตัน ในศึกลีก วัน เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ด้วยสัญญายาว 5 ปีครึ่ง

ตลอดระยะเวลา 4 ปี ของ พาร์ดิว กับ นิวคาสเซิล นั้น เขาเคพาทีมด้วยอันดับ 5 ในซีซั่น 2011/12 พร้อมกับคว้าตำแหน่งเทรนเนอร์ยอดเยี่ยมแห่งปี และในปีต่อมาก็พา “สาลิกาดง”เข้าถึงรอบรองชนะเลิศศึกยูโรป้า ลีก 

4. เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ (เซาธ์แฮมป์ตัน ปี 2013)

ไนเจล เอ็ดกิ้นส์ เคยประสบความสำเร็จอย่างมากกับ เซาท์แธมป์ตัน ในเวลา 2 ปีครึ่ง โดยพา พลพรรค “นักบุญ” ก้าวขึ้นจากลีก วัน ไปเล่นใน พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ แต่ในเดือนมกราคมปี 2013 เขาพาทีมลงไปอยู่ในโซนตกชั้น ทำให้บอร์ดบริหารสโมสรตัดสินใจแต่งตั้ง โปเช็ตติโน่ มาคุมทีมแทน

 ลอว์รี่ แม็คเมเนมี่ อดีตผู้จัดการทีม เซาท์แธมป์ตัน ออกมาแสดงความคิดเห็นหลังการเปลี่ยนแปลงว่า “ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง โปเช็ตติโน่ รู้อะไรเกี่ยวกับ เซาท์แธมป์ตัน บ้าง หรือเขารู้อะไรเกี่ยวกับฟุตบอล พรีเมียร์ลีก บ้าง”

อย่างไรก็ตาม โปเช็ตติโน่ สร้างความประหลาดใจด้วยการพา เซาท์แธมป์ตัน หนีจากโซนตกชั้นไปจบอันดับ 8 ในตารางคะแนน พร้อมกับพา “นักบุญ” สร้างสถิติเก็บแต้มสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรนับตั้งแต่ปี 1992/93

5. เปาโล ดิ คานิโอ (ซันเดอร์แลนด์ ปี 2013)

อดีตดาวยิงชาวอิตาเลียน เป็นตัวเลือกที่น่าประหลาดใจกับการรับตำแหน่งกุนซือ ซันเดอร์แลนด์ ต่อจาก มาร์ติน โอนีลล์ ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ปี 2013 แม้ว่าเจ้าตัวจะประสบความสำเร็จในการพา สวินดอน เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นใน ลีก วัน ได้ก็ตาม

ดิ คานิโอ  ไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมใน พรีเมียร์ลีก นอกจากนี้ เขายังมีพร้อมกับบุคลิกที่มุทะลุดุดัน และมักแสดงออกเกี่ยวกับความคิดเห็นทางการเมืองอยู่เสมอ จนส่งผลให้ เดวิด มิลิแบนด์ รองประธานสโมสร ซันเดอร์แลนด์ ต้องแสดงความรับผิดชอบแทนเขาด้วยการลาออก

ตำนานหัวหอก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เริ่มต้นด้วยสร้างกฎเหล็กให้กับลูกทีม อาทิ ห้ามกินซอสมะเขือเทศ และมายองเนส ซึ่งความเข้มงวด นั้น ไม่ส่งผลดีต่อผลงานของ ซันเดอร์แลนด์ หลังจากเก็บได้เพียง 8 คะแนน จาก 7 เกม ก่อนที่เจ้าตัวจะโดนไล่ออกในเวลาต่อมา