[OPINION] หรือ บาร์เซโลนา กำลังจะกลายเป็น 'นิว เอซี มิลาน' ?

FC Barcelona v Club Atletico de Madrid  - La Liga
FC Barcelona v Club Atletico de Madrid - La Liga / David Ramos/Getty Images
facebooktwitterreddit

ให้หลังราว 10 ปีนับจากยุคทองของ บาร์เซโลนา ภายใต้การคุมทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอลา ที่พาทีมคว้า เทรเบิลแชมป์ พวกเขาดูเหมือนว่ากำลังประสบปัญหารุมเร้าทั้งภายในและนอกสนามจนอาจทำให้นับถอยหลังรอถึงวันแตกหักอีกไม่นานและอาจตามรอย เอซี มิลาน กลายเป็นทีมที่หวนหาความยิ่งใหญ่ในอดีต

เรื่องราวปฎิเสธการต่อสัญญาฉบับใหม่ของ ลิโอเนล เมสซี ซึ่งสัญญาฉบับปัจจุบันของเจ้าตัวกับต้นสังกัดจะสิ้นสุดลงในปี 2021 นี้จากการไม่สบอารมณ์บอร์ดบริหารนักเป็นเพียงยอดบนภูเขาน้ำแข็งก้อนโตหากเราไล่เรียงไทม์ไลน์

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ทัพอาซูลกรานา เพิ่งจะตัดสินใจจัดการดีลสลับขั้ว อาร์ตูร์ เมโล กับ มิราเล็ม เปียนิช อย่างค้านสายตา, กล้องถ่ายทอดสดที่จับภาพได้ว่า เมสซี และแข้ง บาร์ซา ไม่สนใจการติวของ เอแดร์ ซาราเบีย ในฐานะผู้ช่วยโค้ชของ กิเก้ เซเตียน ชนิดที่กุนซือชาว สเปน ทำได้เพียงแค่เกาหัว เมื่อประกอบกับการหลุดเสมอในเกม ลา ลีกา มา 2 เกมล่าสุดจนพลาดท่าถูก เรอัล มาดริด ขยับทำแต้มหนีห่างไปเป็น 4 คะแนนก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ดูจะยิ่งเลวร้ายมากขึ้นทุกวัน

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ความยิ่งใหญ่ของ บาร์เซโลนา กลับกลายเป็นสิ้นมนต์ขลังและไม่ได้อยู่ในสถานะเดียวกันกับเมื่อ 10 ปีก่อนอีกต่อไป?


การตัดสินใจเลือกหัวเรือใหญ่

FC Barcelona Unveil New Coach Quique Setien
FC Barcelona Unveil New Coach Quique Setien / Alex Caparros/Getty Images

แม้ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ จะรับไม้ต่อจาก หลุยส์ เอ็นริเก้ ด้วยการประเดิมพาทีมคว้าดับเบิลแชมป์ทั้ง ลา ลีกา และ โคปา เดล เรย์ ได้สำเร็จนับตั้งแต่ซีซันแรก แต่สไตล์การเล่นที่เน้นความรัดกุม ปลอดภัยไว้ก่อนก็ได้เริ่มต้นกลายเป็นหอกกลับมาทิ่มแทงพวกเขาในฤดูกาลนั้นเช่นกันด้วยการกล้าบุกไปปราชัยต่อ โรมา ที่ สตาดิโอ โอลิมปิโก ถึง 3-0 หลังจากเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะมาได้ในเลกแรก 4-1 ส่งผลให้ บาร์ซา ตกรอบด้วยกฎประตูทีมเยือนในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเมื่อแท็คติกเน้นเกมรับของ บัลเบร์เด้ ถูกทัพ หมาป่า กระชากกระจุย

ซีซันถัดมา พวกเขายังสามารถรักษาถ้วยแชมป์ ลา ลีกา เอาตัวรอดไปได้เมื่อ เรอัล มาดริด คู่แข่งตัวเอ้ตัดสินใจปลด ฆูเลน โลเปเตกี ออกกลางคัน ต่อด้วยการใช้ ซานติเอโก้ โซลารี ขัดตาทัพอีก 5 เดือนและลงเอยด้วยการย้อนกลับไปใช้บริการ ซีเนดีน ซีดาน ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ความไม่เด็ดขาดของ บัลเบร์เด้ ก็ตามมาหลอกหลอนสาวก อาซูลกรานา อีกครั้งใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อการจัดทีมแบบกล้าๆ กลัวๆ ของเขาทำให้ถูก ลิเวอร์พูล กระหน่ำยิง 4-0 ในการแข่งขันเลกที่ 2 ที่ แอนฟิลด์ ร่วงรอบตัดเชือกถ้วย บิ๊กเอียร์ ชนิดที่ถูกคู่ต่อสู้คัมแบ็คแซงสำเร็จอีกครั้ง ต่อเนื่องด้วยการอกหักในศึก โคปา เดล เรย์ นัดชิงชนะเลิศต่อ บาเลนเซีย ในอีกไม่กี่สัปดาห์ถัดมา

บอร์ดบริหารของ บาร์เซโลนา ต้องใช้เวลาอีกราวครึ่งปีก่อนที่จะตัดสินใจปลด เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ออกจากตำแหน่งและประกาศเอา กิเก้ เซเตียน เป็นกุนซือคนใหม่แทนที่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

แม้ เซเตียน จะมีช่วงเวลาที่ทำให้ บาร์ซา กลายมาเป็นทีมที่เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บอีกครั้ง แต่ในอีกทางหนึ่ง เครื่องหมายคำถามตัวโตๆ ก็ผุดขึ้นด้วยเช่นกันเมื่อยักษใหญ่แห่งแดน คาตาลัน ไร้ซึ่งความเด็ดขาดในการปิดเกม รวมไปถึงการตัดสินใจในเกมล่าสุดที่ดร็อป อ็องตวน กรีซมันน์ ในแมตช์เสมอ แอตเลติโก มาดริด 2-2 ก่อนจะส่ง กรีซมันน์ ลงสู่สนามในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งหลัง


ภาวะสูญเสียห้องแต่งตัวของผู้จัดการทีม

FBL-EUR-C1-BARCELONA-BAYERN
FBL-EUR-C1-BARCELONA-BAYERN / QUIQUE GARCIA/Getty Images

เป๊บ กวาร์ดิโอลา และ หลุยส์ เอ็นริเก้ คือ 2 ผู้จัดการทีมที่พา บาร์เซโลนา ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร และทั้ง 2 คืออดีตผู้เล่นของพวกเขา

แม้การเลือกใช้อดีตนักเตะของสโมสรมารับตำแหน่งกุนซืออาจไม่สามารถการันตีความสำเร็จแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ได้แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนคือการที่เขาจะได้รับการยอมรับจากบรรดานักเตะในห้องแต่งตัว โดยเฉพาะกับทีมที่มีแข้งซูเปอร์สตาร์ล้นทีมอย่าง บาร์ซา

อดีตโค้ชอย่าง บัลเบร์เด้ เคยแสดงให้เห็นถึงปัญหาภาวะผู้นำที่เขาประสบมาแล้วเมื่อ เจราร์ด ปิเก้ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าทีมเจอกับปัญหาสภาพจิตใจ ขาดความเชื่อมั่นหลังจากเกมถูก โรมา คัมแบ็คเอาชนะใน แชมเปี้ยนส์ลีก จนส่งผลเรื้อรังต่อแมตช์ปราชัย ลิเวอร์พูล ที่ แอนฟิลด์ ซึ่งหน้าที่ของผู้เป็นหัวเรือใหญ่ของทีมนอกจากการจัดรูปแบบการฝึกซ้อมอันจะส่งผลถึงรูปแบบแท็คติกการเล่นในสนามแล้วยังนับรวมไปถึงการกระตุ้นสภาพจิตใจของลูกทีมให้ก้าวช้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากเพื่อกรุยทางสู่ความสำเร็จต่อไป

บัลเบร์เด้ สอบตกในหัวข้อดังกล่าว และดูเหมือนว่า เซเตียน กำลังจะตามรอยเขาไปจากช็อตเกาหัวล่าสุด


ลา มาเซีย สิ้นมนต์ขลัง

When all 11 players were from La Masia

? #LevanteBarça ? 2012-13 season ✨ #LaMasia40

Posted by FC Barcelona on Friday, 1 November 2019

8 ปีให้หลังจากที่ บาร์เซโลนา สร้างประวัติศาสตร์ใช้ 11 ผู้เล่นจาก ลา มาเซีย ลงสนามดวลกับคู่แข่ง ถึงวันนี้มีเพียง อันซู ฟาตี กับ ริกี้ ปูอิก เท่านั้นที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงน่าจับตา ขณะที่ แซร์จี้ โรแบร์โต้ กลายเป็นแข้งอะไหล่ที่เล่นจับฉ่ายตั้งแต่ตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คไปจนถึงตัวรุกริมเส้นฝั่งขวาในทีมชุดนี้

ผลผลิตจาก ลา มาเซีย ที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างชื่อไม่เพียงแต่ในระดับสโมสรเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงระดับนานาชาติเมื่อพวกเขากลายเป็นแกนหลักให้กับทีมชาติ สเปน เถลิงบัลลังก์ความยิ่งใหญ่คว้าแชมป์ ยูโร 2008 และ ฟุตบอลโลก 2010 ต่อเนื่อง

หนึ่งในสาเหตุที่อาจจะเป็นต้นตอของความล้มเหลวดังกล่าวได้รับการคาดการณ์ว่ามาจากโปรเจ็กต์ มาเซีย360 โดย โจเซฟ มาเรีย บาร์โตเมว ตั้งแต่ฤดูกาล 2016/17 เป็นต้นมา ถึงขนาดที่ ชาบี ตอร์เรส ผู้สื่อข่าวของ คาตาลุนยา เรดิโอ สื่อท้องถิ่นจั่วหัวบทความวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนเอาไว้ว่า 'เชื้อโรคร้ายแห่ง ลา มาเซีย'

บทความดังกล่าวของ ตอร์เรส สามารถสรุปได้ว่า โปรเจ็กต์ดังกล่าวเริ่มต้นด้วยการที่ บาร์โตเมว มอบหมายหน้าที่ข้ามหน้าข้ามตาลำดับอาวุโสในสโมสร กลายเป็นปัญหาการเมืองภายในตั้งแต่เริ่มต้น ขณะที่แนวทางการเน้นโปรแกรมจิตวิทยา การศึกษาอารมณ์ และการศึกษาในแบบสถาบันศึกษาที่ปรับเพิ่มขึ้นมาไม่เป็นผลเนื่องมาจากบรรดานักเตะเยาวชนไม่มีเวลามากพอที่จะสามารถจัดการทุกอย่างให้ลุล่วงไปได้จากตารางเวลาที่รัดตัวพวกเขา ประโยคหนึ่งในบทความของ ตอร์เรส เล่าว่าเหล่าแข้งวัยกระเตาะตอบคำถามนักจิตวิทยาแบบขอไปทีถึงสิ่งที่พวกเขาอยากได้ยินเพื่อให้เซสชันจบไปเท่านั้น

นอกจากนี้ ลา มาเซีย ยังเผชิญกับปัญหาสภาพความเป็นอยู่ คุณค่าของสารอาหารที่เสิร์ฟให้กับนักฟุตบอลรุ่นจิ๋ว และที่สำคัญคือการรับเอาโค้ช และผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีดีเอ็นเอแบบ บาร์ซา มาร่วมงาน


คีย์แมนที่โรยราและการเดินเกมในตลาดซื้อขายนักเตะที่ผิดพลาด

FBL-ESP-LIGA-BARCELONA-ALAVES
FBL-ESP-LIGA-BARCELONA-ALAVES / LLUIS GENE/Getty Images

กวาดสายตาดูอายุของเหล่าแข้งคีย์แมนของ บาร์เซโลนา ก็น่าใจหายเมื่อบรรดาแข้งตัวหลักของพวกเขาใกล้ที่จะปลดระวางเต็มแก่

เจราร์ด ปิเก้ - 33 ปี
จอร์ดี้ อัลบา 31 ปี
เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ - 31 ปี
อิวาน ราคิติช - 32 ปี
อาร์ตูโร วิดัล - 33 ปี
ลิโอเนล เมสซี - 33 ปี
หลุยส์ ซัวเรซ - 33 ปี

แม้หากเพียงบรรดากระดูกสันหลังของทีมเหล่านี้มีอันต้องพบกับปัญหาอาการบาดเจ็บเราแทบจะไม่สามารถจินตนาการถึงตัวแทนของพวกเขาที่จะสามารถก้าวขึ้นมาแบกรับหน้าที่แทนในมาตรฐานเดียวกันได้เลย ขณะที่ดีลบิ๊กเนมในช่วงไม่กี่หลังมานี้ซึ่งดีพอที่จะยืนระยะได้นานแทบจะนับนิ้วได้

อ็องตวน กรีซมันน์ กับ เฟรงกี้ เดอ ยอง ยังพอมีเวลาให้พิสูจน์ตัวเอง แต่เกิดอะไรขึ้นกับนักเตะอย่าง มัลคอม (37 ล้านปอนด์), ฟิลิปเป้ คูตินโญ (130 ล้านปอนด์), อุสมาน เดมเบเล (112 ล้านปอนด์), อันเดร โกเมส (33 ล้านปอนด์), ปาโก้ อัลคาเซร์ (27 ล้านปอนด์) ฯลฯ

ไม่น่าแปลกใจนักเมื่อการซื้อแข้งใหม่ที่ไม่ดีพอของพวกเขาจะทำให้ บาร์เซโลนา ยังคงต้องดึงดันใช้คีย์แมนคนเก่าที่สามารถไว้วางใจได้ต่อไป แต่ระเบิดเวลาดังกล่าวใกล้เต็มทีที่จะปะทุขึ้นมาพร้อมกันเมื่อนักเตะอย่างน้อย 7 คนในทีมชุดใหญ่ใกล้ที่จะเดินทางไปถึงโค้งสุดท้ายในเส้นทางค้าแข้งเต็มที


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น ! * ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใด ๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด