ถ้วยยุโรปกับปีทองของวงการฟุตบอลอิตาลี - OPINION
ในที่สุดฟุตบอลยุโรปทั้งสามรายการของฤดูกาล 2022-2023 ก็มาถึงรอบชิงชนะเลิศกันแล้ว ส่วนจะจบลงอย่างไรก็รอดูกันช่วงต้นเดือนหน้าว่าสุดท้ายแล้วบัลลังก์ยุโรปปีนี้จะเป็นของสโมสรใดบ้าง
สำหรับปีนี้พิเศษที่สุดสำหรับตัวแทนจากอิตาลี ที่มีถึงสามสโมสรที่เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ และมันคงยิ่งกว่าความฝันถ้าพวกเขาทั้งสามสโมสรได้ถ้วยกลับบ้านกันครบครัน
เซเรีย อา เป็นหนึ่งในวงการฟุตบอลที่ได้รับการยอมรับว่ามาตรฐานดีที่สุดในยุโรปลีกหนึ่ง แม้ในระยะหลังจะผ่านเรื่องราวไม่ค่อยดีนัก ทั้งเรื่องการคอร์รัปชั่น หรือผลงานของสโมสรในเวทียุโรป ที่ห่างหายไปนาน รวมถึงกับทีมชาติที่แม้จะได้แชมป์ยูโร 2020 แต่กับฟุตบอลโลกพวกเขาตกหล่นขบวนรอบสุดท้ายมาแล้วถึงสองครั้งติดต่อกัน
อินเตอร์ มิลาน กลับไปสู่วันที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหลังจากเคยมาถึงรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีกในปี 2010 นั่นคือยุคทองของพวกเขาอย่างยิ่ง มาวันนี้ 13 ปีผ่านไป ทีมงูใหญ่ลอกคราบครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อการมีชีวิตรอด เพื่อโอกาสในการเติบโต และท้ายที่สุดก็มาถึงวันนี้วันที่ยิ่งใหญ่กับถ้วยใหญ่ที่สุดในยุโรปอีกครั้ง แน่นอน พวกเขาเป็นรอง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในรอบชิงชนะเลิศ ในสายตาของหลายคน แต่การได้มาถึงรอบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ฝันการเป็น “สามแชมป์” ของเรือใบสีฟ้าจะสมหวังหรือไม่
อาแอส โรม่า หลังจากปลดแอกการไม่ได้แชมป์ยุโรปมานานเกิน 2 ทศวรรษ “หมาป่ากรุงโรม” ก้าวสู่ฟุตบอลยุโรปรอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่สองในสองปี ชื่อเสียงของ โชเซ่ มูรินโญ่ กลับมาขจรไปไกลอีกครั้ง หลังจากเสียฟอร์มไปพอสมควรกับสเปอร์สในช่วงสองปีก่อน มาวันนี้ มูรินโญ่ และลูกทีมกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขากำลังฟอร์มทีมเพื่อการลุ้นแชมป์อิตาลี และการก้าวสู่จุดที่พวกเขาเคยอยู่มาก่อนกับพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า ซึ่งค่อนข้างตรงข้ามกับคู่ชิงของพวกเขา เซบีย่า ตัวแทนจากสเปน มีแต่ความวุ่นวายมาทั้งฤดูกาล เป็นฤดูกาลที่ พวกเขา ไม่อยากจำผลงานใน ลา ลีกา เอาเสียเลย การเปลี่ยนแปลงโค้ชหลายครั้งในปีเดียว มันบ่งบอกถึงความล้มเหลวในฟอร์มการเล่นอยู่ในตัว แต่ “เจ้าพ่อยูโรป้า ลีก” มักมีพลังแฝงอยู่เสมอ เมื่อลงเล่นในรายการนี้ ถ้าปีนี้พวกเขาทำได้อีกครั้ง ก็ต้องบอกว่าของเขาแรงจริง
ฟิออเรนติน่า กับวงการฟุตบอลยุโรป แทบจะเรียกว่าไกลตัวอย่างยิ่ง พวกเขาได้แชมป์ครั้งสุดท้ายกับ ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ ในปี 1961 ขณะที่เข้าชิงชนะเลิศครั้งล่าสุดในปี 1990 เรียกได้ว่ายาวนานเหลือเกิน สโมสรแห่งนี้ ผ่านการตกชั้น ผ่านการล้มละลาย ผ่านวันคืนที่เจ็บปวดมามากแล้ว ก้าวสุดท้ายของยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก เหมือนรางวัลตอบแทนสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสร เช่นเดียวกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ห่างหายการเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรปนานถึง 47 ปี พวกเขาคง “ไม่ลืม” ผลงานห่วย ๆ ในพรีเมียร์ ลีก ในฤดูกาลนี้ แต่พวกเขาจะ “ไม่จำ” มันแน่ ถ้าสุดท้ายแล้วพวกเขาได้ชูถ้วยแชมป์กลางกรุงปรากในเกมชิงดำ
“ฟุตบอลยุโรป” ยังคงเปี่ยมไปด้วยความขลังอยู่พอสมควร แม้ทุกวันนี้การแข่งขัน การเงิน และเรื่องราวที่ไม่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล จะทำให้เรื่องราวของมันดูหมองไปบ้าง แต่เมื่อถึงวันสุดท้ายของรายการแข่งขัน ไม่มีใครอยากพลาดการมีส่วนร่วมกับมัน เพราะคุณไม่มีทางมั่นใจได้เลยว่าเมื่อไรจะได้มีโอกาสแบบนี้อีกในช่วงชีวิตของเรา
“ซ้อมมาทั้งปี ไม่หวังหรือไง”
นั่นสิ สู้มาแทบตายกว่าจะถึงวันนี้ นัดชิงชนะเลิศ “ใครก็ได้” มาเหอะที่เหลือก็รอดูผลของความพยายามกัน
ยินดีกับทุกทีมที่ได้เข้าชิงชนะเลิศครับ