ปัญหาใหญ่ที่ ลิเวอร์พูล ต้องแก้ไขหลังกลับมาจากพักเบรกทีมชาติ - OPINION
- ลิเวอร์พูล มักโดนคู่แข่งนำไปก่อน
- อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ได้เล่นในตำแหน่งไม่ถนัด
- เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องหาทางแก้ไข
โดย Navapun Munarsa
ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำทัพของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน ต้องเจอกับเกมที่ยากลำบากครั้งนัดล่าสุดหลังบุกไปเสมอกับ ไบรท์ตัน 2-2 ที่สนาม เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในเกมกับ ไบรท์ตัน นั้น ลิเวอร์พูล ยังคงแสดงให้เห็นถึงปัญหาบางจุดที่ต้องได้รับการแก้ไขก่อนที่ฟุตบอลลีกจะกลับมาแข่งขันกันอีกครั้งใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยเป็นรายละเอียดที่ คล็อปป์ และทีมงานสตาฟฟ์โค้ช ยังมีเวลาให้วิเคราะห์ และปรับปรุง
นับตั้งแต่เปิดซีซัน 2023-2024 ลิเวอร์พูล เก็บได้ 10 แต้ม ในเกม พรีเมียร์ลีก หลังจากโดนคู่แข่งนำไปก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พลพรรค “หงส์แดง” เวอร์ชั่น 2.0 กลับมาเล่นฟุตบอลด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งในสถานการณ์ที่กดดันได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองอีกมุมถึงสถิติเหล่านั้น มันกลับไม่ใช่เรื่องที่ดีนักของ ลิเวอร์พูล หลังจากที่พวกเขาโดนฝ่ายตรงข้ามยิงขึ้นนำไปก่อน 7 ถึง 11 เกม รวมทุกรายการในฤดูกาลนี้ และเกมกับ ไบรท์ตัน แทนที่จะได้ 3 คะแนน กลับออกมา แต่กลับทำพลาดกันเองจาก 2 ประตู
ขณะเดียวกัน แฟนบอล และนักวิเคราะห์หลายคนเริ่มตั้งคำถามแล้วว่า อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ควรเล่นในบทบาทกองกลางหมายเลข 6 หรือไม่ หลังจากช่วงที่ผ่านมา ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ ต้องรับผิดชอบในการยืนตัดเกมหน้าแผงแนวรับมาตลอด
แม็ค อัลลิสเตอร์ เล่นได้ดีที่สุดในบทบาทเพลย์เมคเกอร์หมายเลข 10 หรือกองกลางหมายเลข 8 แต่ คล็อปป์ กลับเลือกให้ปักหลักหน้าแผงแบ็คโฟร์ และในเกมกับ ไบรท์ตัน เขาก็เป็นจุดเริ่มต้นในการทำให้ทีมเสียประตูแรก
คล็อปป์ มีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนจะเข้าสู่ช่วงเบรกการแข่งขันฟุตบอลทีมชาติในสัปดาห์หน้า และการหาวิธีที่จะดึงศักยภาพสูงสุดจากการเล่นของ แม็ค อัลลิสเตอร์ น่าจะอยู่ในลำดับแรกๆที่ โค้ชวัย 53 ปี และทีมงานต้องทบทวนอย่างหนักเช่นกัน
เมื่อมองไปที่กองกลางรายอื่นอย่าง ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ที่ได้รับโอกาสในช่วงที่ เคอร์ติส โจนส์ ติดโทษแบน นั้น ก็ยังไม่สามารถสร้างผลกระทบกับทีมได้ ขณะที่ วาตารุ เอ็นโด ห้องเครื่องกัปตันทีมชาติญี่ปุ่น ก็อยู่ระหว่างปรับตัว ส่วน ไรอัน กราเฟนแบร์ช ดาวเตะชาวดัตช์ ก็ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ยังโชว์ฟอร์มในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลได้น่าประทับใจเช่นกัน หลังจากเก็บไปถึง 17 คะแนน จาก 8 เกม พร้อมรั้งอันดับ 4 ตามหลังทีมจ่าฝูงอย่าง ท็อตแนม ฮฮตเปอร์ เพียงแค่ 3 คะแนนเท่านั้น
ตลอด 8 เกมที่ผ่านมา ลูกทีมของ คล็อปป์ ต้องออกไปเยือนถึง 5 เกม กับทีมที่แข็งแกร่งอย่าง เชลซี, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส, สเปอร์ส รวมถึง ไบรท์ตัน และพวกเขาก็พบกับความปราชัยเพียงเกมเดียวเท่านั้น
ลิเวอร์พูล มีงานที่ต้องทำอีกพอสมควรหลังจบภารกิจทีมชาติกลับมา แต่พวกเขาก็จะไม่เจองานหนักเหมือนช่วงที่ผ่านมาอีกแล้ว โดยในเกมลีก 5 นัดถัดไปของพลพรรค “หงส์แดง” จะพบกับ เอฟเวอร์ตัน, น็อตติงแฮม ฟอเรสต์, บอร์นมัธ, ลูตัน ทาวน์ และ เบรนท์ฟอร์ด
หาก คล็อปป์ ปรับจูนทีมได้เร็ว และแก้ไขความผิดพลาดจากช่วงต้นฤดูกาลได้ เชื่อได้ว่า อีก 5 เกมถัดไป ลิเวอร์พูล มีโอกาสสูงที่จะเก็บแต้มได้เป็นกอบเป็นกำหากไม่ทำผิดพลาดกันเอง และท้าทายตำแหน่งจ่าฝูงได้เร็วกว่าที่คิด