วิกฤตของแท้ : เยอรมนี คงต้องมี "ข่าวใหญ่" เร็วๆ นี้ หลังแพ้ ญี่ปุ่น ยับเยิน 1-4 : OPINION

• ให้ขยี้ตาอีกครั้งยังไหว... เยอรมนี แพ้ ญี่ปุ่น 1-4
• ฟอร์มแย่ ผลงานเลวร้าย แพ้ 4 จาก 5 เกมหลังสุด
• ถ้าไม่มี "ข่าวใหญ่" เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ คงถือว่า ฮันซี่ ฟลิค หนังเหนียวเกิ๊น
Germany v Japan - International Friendly
Germany v Japan - International Friendly / Koji Watanabe/GettyImages
facebooktwitterreddit

แม้จะเป็นเกมลับแข้ง แต่ก็เป็นเกมลับแข้งในระดับที่ "จริงจัง" สำหรับ เยอรมนี ที่มีหน้าที่ต้องเตะทุกเกมอุ่นเครื่องแบบซีเรียส เพื่อเป็นการเตรียมทีมสำหรับลุย ยูโร 2024 ซัมเมอร์หน้า ดังนั้น การแพ้ต่อ ญี่ปุ่น ขาดลอย 1-4 จึงไม่ใช่เรื่องที่สามารถยอมรับได้ โดยเฉพาะว่ามันคือฟอร์มและผลการแข่งขันที่เลวร้ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกฝ่ายก็มองกันว่า นี่คือฟางเส้นสุดท้ายแล้วที่ เดเอฟเบ จะอดทนกับ ฮันซี่ ฟลิค

ฟุบต่อเนื่อง ไม่มีฮึดขึ้น

อาจพอตีความได้ว่าการ "ตกรอบแรก" ฟุตบอลโลก 2022 เมื่อปลายปีก่อน คงคล้ายๆ "อุบัติเหตุทางฟุตบอล" ที่เกิดขึ้นกับชาวคณะ อินทรีเหล็ก ประเภทเกิดขึ้นนานทีหลายปีหน

เพราะเอาเข้าจริง 4 แต้มที่ได้จาก 3 เกมก็ไม่ขี้เหร่ เยอรมนี ของ ฮันซี่ ฟลิค อาจออกสตาร์ทด้วยการแพ้ต่อ ญี่ปุ่น 1-2 ชนิดโดนรัวสองเม็ดใน 15 นาทีท้าย แต่หลังจากนั้นก็ฮึดขึ้นด้วยผลเสมอ สเปน 1-1 และชัยชนะแบบยิงถล่ม คอสตาริกา 4-2

ปัญหาก็คือ การ "ยืมจมูกกระทิง" หายใจในเกมปิดกลุ่ม ออกหน้าล้มเหลวเมื่อ สเปน (ไม่รู้ตั้งใจรึเปล่า) ต้านทานความร้อนแรงของกองทัพซามูไรไม่อยู่ แพ้ 1-2 ส่งผลให้ ญี่ปุ่น ควงแขน สเปน เข้ารอบน็อกเอาต์ ปล่อยให้ เยอรมนี ที่ก็มี 4 แต้มเท่า สเปน นั่นแหละ ร่วงไปด้วยการเป็นอันดับ 3 ด้วยแพ้ในเรื่องผลต่างประตูได้เสีย (+1 : +6)

หลุดออกจากบอลโลกที่กาตาร์แบบงงๆ ซึ่งนับเป็นการตกรอบแรก เวิลด์คัพ 2 ทัวร์นาเมนต์ติดต่อกัน เพียงแต่เมื่อเข้าสู่ปี 2023 แล้ว ก็ถือว่า เยอรมนี เริ่มต้นได้ดี ลงอุ่นเครื่องสยบ เปรู 2-0 นิคลาส ฟุลล์ครุก หัวหอกร่างยักษ์ (ที่เพิ่งย้ายสู่ ดอร์ทมุนด์ เมื่อไม่กี่วัน) เหมาสองตุง

ชัยชนะเหนือ เปรู ถือเป็นการออกสตาร์ทคิว "อุ่นเครื่องเดอะซีรี่ส์" ที่ดี ซึ่ง เยอรมนี จะต้องเจอไปนานนับปี เนื่องด้วยพวกเขาเตรียมจะเป็นเจ้าภาพ ยูโร 2024 ทำให้ได้สิทธิ์รอเล่นรอบสุดท้ายทันที เท่ากับจะได้เล่นแต่เกมอุ่นเครื่องล้วนๆ ยาวไปเป็นสิบนัดจนกระทั่ง ยูโร มาถึงตอนซัมเมอร์หน้า

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครกล้าเชื่อแน่ถ้าบอกในตอนนั้นว่า เยอรมนี จะไม่สามารถเอาชนะใครได้เลยไปอีก 5-6 นัดติดต่อกัน

ปรากฏว่านั่นคือเรื่องจริง...

  • แพ้ เบลเยียม 2-3

    เสมอ ยูเครน 3-3

    แพ้ โปแลนด์ 0-1

    แพ้ โคลอมเบีย 0-2

    แพ้ ญี่ปุ่น 1-4
Kaoru Mitoma
Germany v Japan - International Friendly / Koji Watanabe/GettyImages

เยอรมนี 1-4 ญี่ปุ่น

ก็ถ้าการแพ้ โคลอมเบีย คาบ้านที่เกลเช่นเคียร์เช่น 0-2 เมื่อกลางเดือน มิ.ย. ว่าหนักแล้ว

สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเสาร์ที่ผ่านมา นิยามได้เลยว่า "วิกฤต" แล้วจ้า

ว่าไปแล้ว 11 ตัวจริงที่ ฮันซี่ ฟลิค เลือกใช้สำหรับการลงสนามที่ โฟล์คสวาเก้น อาเรน่า เมืองโวล์ฟสบวร์ก ก็ไม่ใช่ว่าขี้เหร่ ขาดตัวเจ็บสำคัญแค่ นิคลาส ฟุลล์ครุก กับ จามาล มูเซียล่า (และ มานูเอล นอยเออร์) ขณะที่ มาร์โก รอยส์, ติโม แวร์เนอร์, เลออน โกเร็ตซ์ก้า ไม่ได้ถูกเรียกตัว

ในระบบ 4-2-3-1 มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น เฝ้าเสา แผงหลังมี โยชัว คิมมิช, นิคลาส ซูเล่, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, นิโก้ ชล็อทเทอร์เบ็ค ส่วนมิดฟิลด์คู่กลางเป็น อิลคาย กุนโดกัน กับ เอ็มเร่ ชาน และเกมรุกให้ โฟลเรียน เวิร์ตซ์, แซร์จ นาบรี้ และ เลรอย ซาเน่ ปั้นเกมหลังหอกเป้า ไค ฮาแวร์ตซ์

ด้าน ญี่ปุ่น ของ ฮาจิเมะ โมริยาสุ ขนตัวยุโรปลงอื้อ นำโดยกัปตัน วาตารุ เอ็นโดะ (ลิเวอร์พูล), ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ (อาร์เซน่อล), จุนยะ อิโตะ (แร็งส์), ไดจิ คามาดะ (ลาซิโอ) อายาเซะ อุเอดะ (เฟเยนูร์ด) และ คาโอรุ มิโตมะ (ไบรท์ตัน)

แค่ 12 นาทีเท่านั้น ตาข่ายของ เยอรมนี ก็สั่นไหวเป็นประเดิม จังหวะขึ้นเกมทางริมเส้นฝั่งขวา ยูกินาริ สุกาวาระ ปาดเข้าเขตโทษให้ จุนยะ อิโตะ โฉบเข้าชาร์จตุงตาข่าย

แต่ เยอรมนี ก็ตีเสมอได้เร็วในนาที 19 ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ เก็บบอลหน้ากรอบก่อนถ่ายเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ เลรอย ซาเน่ เอียงตัวแปด้วยซ้ายสวนทางนายทวารเข้าไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ถ้าไม่ตีตราว่า "OUTCLASSED" ก็ใกล้เคียง ด้วยปัญหาที่เห็นชัดมากเว่อร์ๆ ว่าคู่เซนเตอร์แบ็กอินทรีเหล็ก นิคลาส ซูเล่ - อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ไม่สามารถรับมือกับความเร็วของแนวรุกซามูไรได้เลย มีทั้งจ่ายบอลพลาด ยืนตำแหน่งพลาด และเปิดพื้นที่ให้ได้เข้าทำอย่างต่อเนื่อง (เช่นกัน มิดฟิลด์ตัวรับทั้ง ชาน และ กุนโดกัน และสำรอง ปาสกาล โกรสส์ ต่างก็เล่นได้แย่)

น.22 ญี่ปุ่น นำอีกหน 2-1 จุนยะ อิโตะ ปาดเปลี่ยนทางบอลไปตรงกลาง อายาเซะ อุเอดะ ยิงต่อโล่งๆ เข้าเสียบเสา

น.23 - 80 กว่าๆ แทร์ ชเตเก้น ต้องเซฟช่วยทีมไว้ประมาณ 4-5 ครั้ง

น.90 ทาเคฟุสะ คุโบะ ทะลุเดี่ยวเข้าเขตโทษฝั่งขวา ก่อนถวายพานให้ ทาคุมะ อาซาโนะ ยิงง่ายดายเข้าไปไม่เหลือ

น.90+2 คุโบะ หยอดเข้าเขตโทษใส่หัว อาโอะ ทานากะ ขวิดกระดอนพื้นเข้าเสาสอง

จบเกมที่ เยอรมนี แพ้ ญี่ปุ่น เละเทะยับเยิน 1-4 ...ใครมันจะไปเชื่อ!

Antonio Rüdiger
Germany v Japan - International Friendly / Koji Watanabe/GettyImages

ข่าวใหญ่เตรียมเกิดขึ้น

หนึ่งคือ คู่ CB ปวกเปียกมาก เชื่องช้า ตามไม่ทัน

สองคือ เกมรุกไม่เวิร์ค ไค ฮาแวร์ตซ์ ไม่ถนัดกับการยืนหน้าเป้า (แล้วถนัดตรงไหน?)

สามคือ ความมั่นใจไม่ได้ ยิ่งเล่นยิ่งเละ

และสี่--สำคัญสุด ก็คือ ฮันซี่ ฟลิค ดูจะไม่อาจเป็น "คนที่ใช่" ของ เยอรมนี แต่อย่างใด หลังนั่งเก้าอี้มาตั้งแต่กลางปี 2021

ฟลิค คุมทีมอินทรีเหล็กลงสนาม 25 นัด ชนะได้ไม่ถึงครึ่ง -- ชนะ 12 เสมอ 7 แพ้ 6

1-4 ญี่ปุ่น นี่คือความพ่ายแพ้ย่อยยับที่สุดครั้งหนึ่งของ เยอรมนี ถัดจากที่แพ้ สเปน 0-6 ใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อสามปีก่อน

และอย่างที่เห็นกัน เยอรมนี ชนะไม่เป็นในตลอด 5 เกมหลัง ที่เป็นเสมอ 1 แพ้ 4 -- โดนยิงรวม 13 ประตูใน 5 เกม

"เราไม่ดีพอในตอนนี้" อิลคาย กุนโดกัน รับเสียงอ่อยหลังเกม "นี่คือวันที่ขมขื่นอย่างแท้จริง เราต้องตั้งคำถามกับตัวเองอย่างจริงๆ จังๆ แล้ว"

"สิ่งที่ต้องขีดเส้นใต้คือ นี่คือความพ่ายแพ้ที่คู่ควร" โยชัว คิมมิช ว่าต่อ "เราเล่นเกมบุกไม่ได้เลยในครึ่งหลัง เราไม่มีเกมที่ดีเลยด้วยซ้ำนับตั้งแต่หมดฟุตบอลโลก สิ่งเหล่านี้ทำให้เราต้องหยุดมองตัวเอง ตั้งคำถามถึงคุณภาพของเรากันเองแล้ว"

ส่วนทาง รูดี้ โฟลเลอร์ นิยามเพียงสั้นๆ ต่อความพ่ายแพ้ครั้งนี้ว่า "น่าขายหน้า"

ด้านเจ้าตัว ฟลิค แม้ยังกล้าๆ ยืนยันว่าตัวเขานี่และ เหมาะสมแล้วกับงานนี้ แต่ทุกฝ่ายล้วนมองว่า ในไม่กี่วันข้างหน้า ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นกับ เยอรมนี อีกครั้งอย่างแน่นอน

เพราะการแพ้ต่อ ญี่ปุ่น 1-4 และการแพ้ 4 จาก 5 เกมหลัง (บวกกับตกรอบแรกบอลโลก) มากเพียงพอแล้วที่ เดเอฟเบ จะสั่งเชือด ฟลิค พ้นเก้าอี้

ส่วนเกมถัดไป อังคาร 12 ก.ย. ที่จะลงชนของแข็งอย่าง ฝรั่งเศส ในเวสต์ฟาเล่น ถ้าโดนยิงยับขึ้นมาอีกก็คงเป็นการส่ง ฟลิค กลับบ้านแบบเบ็ดเสร็จ ไม่ต้องพูดแก้ตัวอะไรเพิ่มเติม

"มันอาจฟังดูแปลกๆ หน่อยที่ เยอรมนี จะยึดเอาสาระสำคัญกับ 2 เกมอุ่นเครื่อง" ราฟาเอล โฮนิกชไตน์ แห่ง BBC Radio 5 ให้ทรรศนะ "แต่ ฟลิค กำลังอยู่ในความกดดันหนัก และเขาจะทำเป็นเล่นไม่ได้เด็ดขาด"

"เกมเมื่อครั้งก่อน (แพ้ โปแลนด์ และ โคลอมเบีย) ว่าแย่มากแล้ว แต่การแพ้ ญี่ปุ่น (และฝรั่งเศส) คงถือได้ว่าเป็นจุดสิ้นสุดยุคสมัยของเขาอย่างไม่เป็นทางการ"

"ถ้าเกิด เยอรมนี แพ้ด้วยฟอร์มที่แย่ๆ ในทั้งสองนัดของเดือนนี้ เดเอฟเบ จะถูกบังคับให้ตัดสินใจ เพราะแรงกดดันจากภายนอกจะเป็นสิ่งที่ไม่อาจแบกรับได้ไหว"

Hansi Flick
Germany v Japan - International Friendly / Christof Koepsel/GettyImages