เมื่องูหลุดเข้าชิง : ว่าแต่ อินเตอร์ มิลาน มีสิทธิ์ผงาดแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้จริงๆ ไหม? - OPINION

FC Inter vs AC Milan - UEFA Champions League
FC Inter vs AC Milan - UEFA Champions League / Anadolu Agency/GettyImages
facebooktwitterreddit

จากทีมที่ถูกกาชื่อทิ้งแต่แรกว่าจะตกรอบแบ่งกลุ่ม ด้วยความที่ชื่อชั้นเป็นรองทั้ง บาเยิร์น มิวนิค และ บาร์เซโลน่า แต่ทำไปทำมา อินเตอร์ มิลาน กลับทะลุเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2022/23 ได้ไปแล้ว

เพียงแต่ก็เป็นเรื่องน่าขบคิดไม่น้อย ว่าภายหลังก้าวเดินอันน่าประทับใจ แต่ด้วยความที่จะ "เป็นรอง" คู่ชิงแชมป์ ในหลายมิติ เอาเข้าจริงแล้ว งูใหญ่ จะมีสิทธิ์ผงาดแชมป์ได้จริงๆ ไหมนะ...

โทษที เกมนี้งูข่ม

ถ้าจะถามว่า เอซี มิลาน ผิดพลาดอะไร ก็คงต้องย้อนไปยังเกมแรกว่าหลังบ้านของพวกเขาอ่อนแอไปนิด และไม่อาจต้านทานพลังรุกของคู่อริร่วมเมือง-ร่วมสังเวียน ได้อยู่

ส่วนมาเลกสองเมื่อคืนอังคาร ก็ควรถือว่า มิลาน สู้ได้ดีแล้ว สร้างแรงกดดันให้แนวรับ อินเตอร์ ได้ไม่น้อย เพียงแต่ก็ต้องยอมรับว่าความเด็ดขาดเป็นของ อินเตอร์ มากกว่าอยู่ดี (และ ไมค์ เมนยอง ก็ออกจะผิดพลาดเล็กๆ ว่าปิดมุมไม่อยู่ โดน เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ยิงยัดช่องแคบเข้าไป)

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมแล้ว ก็ต้องบ่งชี้ไปว่า ระหว่าง เอซี กับ อินเตอร์ คู่นี้ ระยะหลัง "งูข่ม" ชัดเจน

คู่นี้ พบกันบ่อยเลยในตลอดหลายปีหลัง โดย 7 ซีซั่นหลัง เจอกันบ่อยถึง 20 เกมใน 4 รายการ - เซเรีย อา, โคปปา อิตาเลีย, ซูเปอร์โคปปา, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

และจาก 20 เกมหลังนี้ จะพบว่า มิลาน สามารถปราบคู่อริลงได้เพียง 3 ครั้งเท่านั้น

นอกนั้นเสมอกัน 5 หน และ อินเตอร์ เป็นฝ่ายกำชัยสูงถึง 12 เกมด้วยกัน

หรือจำกัดวงแคบมาเฉพาะซีซั่นนี้ก็ยิ่งชัด

  • เซเรีย อา : เอซี มิลาน ชนะ 3-2

    ซูเปอร์โคปปา : อินเตอร์ ชนะ 3-0

    เซเรีย อา : อินเตอร์ ชนะ 1-0

    ชปล. : อินเตอร์ ชนะ 2-0

    ชปล. : อินเตอร์ ชนะ 1-0

ก็หลังจากปล่อยให้ มิลาน เป็นผู้ชนะไปก่อนในเกมลีกยกแรกตอนต้นซีซั่น จากนั้นมาอีก 4 เกม อินเตอร์ ชนะรวด...แบบไม่เสียให้สักประตู

จึงเป็นเอกฉันท์อย่างยิ่งว่า อินเตอร์ คู่ควรจะได้ไปต่อแล้ว กับนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก หนแรกของตัวเองในรอบ 13 ปี

Lautaro Martinez of Fc Internazionale scores the goal of 1-0...
Lautaro Martinez of Fc Internazionale scores the goal of 1-0... / Insidefoto/GettyImages

หนแรกรอบ 13 ปี

เพราะหลังจากขึ้นสู่จุดสูงสุดแบบสุดยอดไปเลยกับ "ทริปเปิ้ลแชมป์" ที่ โชเซ่ มูรินโญ่ จัดให้ในปี 2010 ซึ่งส่งผลให้ อินเตอร์ เป็นตัวแทนอิตาลีเพียงรายเดียวที่ทำสำเร็จแล้วนั้น

อย่าว่าแต่ความสำเร็จในยุโรป เอาแค่ในประเทศ ก็ "ตกที่นั่งลำบาก" ในแทบทุกปีไป

การเปลี่ยนตัวกุนซือจาก มูรินโญ่ ไปเป็นใครต่อใคร ไม่ว่าจะ ราฟาเอล เบนิเตซ, เลโอนาร์โด้, จาน ปิเอโร่ กัสเปรินี่, วอลเตอร์ มาซซาร์รี่, โรแบร์โต้ มันชินี่, แฟร้งค์ เดอ บัวร์, อันโตนิโอ คอนเต้ ฯลฯ โดยมากมักได้บทสรุปเป็นความ "ล้มเหลว" มากกว่าจะมีรอยยิ้ม

ซ้ำร้าย อินเตอร์ ยังหลุดออกจากวงโคจร แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่หลายปีด้วยซ้ำ เมื่อผลงานใน เซเรีย อา ออกมาแย่ด้วยการจบอันดับ 6 บ้าง 7 บ้าง 8 บ้าง หรือ 9 บ้างก็มี

ครั้นพอจบอันดับ 4 ขึ้นมา (2015/16) ก็ดันเป็นปีที่โควต้า ชปล. ของทีมอิตาลี โดนตัดเหลือ 3 ที่เท่านั้น

เพิ่งจะมีช่วง 4-5 ปีหลังนี่เองที่ อินเตอร์ กลับเข้าสู่ ชปล. ได้อย่างสม่ำเสมออีกครั้ง ซึ่งก็อย่างที่ไม่มีใครคาดคิดว่า, หลังจากตกรอบแรกมาถึง 3 จาก 4 ปี, ซีซั่นนี้ งูใหญ่ของ ซิโมเน่ อินซากี้ จะค่อยๆ หักด่านคู่แข่งทีละรอบๆ จนเข้าชิงชนะเลิศได้เสียเฉยๆ

  • รอบแรก : เข้าด้วยการเป็นอันดับ 2 รองจาก บาเยิร์น มิวนิค แบบที่ชนะแค่ 3 จาก 6 นัด

    รอบ 16 ทีม : เบียด ปอร์โต้ สุดหวิวสกอร์รวม 1-0 (1-0 เหย้า, 0-0 เยือน)

    รอบ 8 ทีม : กำราบ เบนฟิก้า ไม่ลำบากด้วยสกอร์รวม 5-3 (2-0 เยือน, 3-3 เหย้า)

    รอบตัดเชือก : ผ่าน เอซี มิลาน สกอร์รวม 3-0 (2-0 เยือน, 1-0 เหย้า)
FC Internazionale v AC Milan: Semi-Final Second Leg - UEFA Champions League
FC Internazionale v AC Milan: Semi-Final Second Leg - UEFA Champions League / Giuseppe Bellini/GettyImages

อิตาลีกลับมาแล้ว

การทะลุเข้าชิงอย่างเซอร์ไพรส์ของ อินเตอร์ ยังหมายถึงการกลับมามีลุ้นความสำเร็จใน แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้งของตัวแทนอิตาลี ภายหลังหายหน้าจากนัดชิงชนะเลิศไปพักใหญ่

หนสุดท้ายที่ทีมอิตาลีเข้าชิงถ้วยบิ๊กเอียร์ ต้องย้อนไปถึงปี 2017 ยูเวนตุส ของ แม็กซ์ อัลเลกรี เข้าชิงดำกับ เรอัล มาดริด ...ก่อนแพ้สบาย 1-4

จากนั้น

  • 2017/18 : นาโปลี ตกรอบแรก, ยูเวนตุส 8 ทีม, โรม่า ตัดเชือก

    2018/19 : อินเตอร์ กับ นาโปลี ตกรอบแรก, โรม่า 16 ทีม, ยูเวนตุส 8 ทีม

    2019/20 : อินเตอร์ ตกรอบแรก, ยูเวนตุส กับ นาโปลี 16 ทีม, อตาลันต้า 8 ทีม

    2020/21 : อินเตอร์ ตกรอบแรก, ลาซิโอ - อตาลันต้า - ยูเวนตุส 16 ทีม

    2021/22 : เอซี มิลาน กับ อตาลันต้า ตกรอบแรก, อินเตอร์ กับ ยูเวนตุส 16 ทีม

ดังจะเห็นว่าช่วง 5 ปีหลัง ทีมอิตาเลี่ยนไปไกลสุดที่รอบตัดเชือก และตกรอบแรกเป็นเรื่องปกติ

แต่มาครั้งนี้ ธงอิตาลีจะได้โบกสะบัดบนอัฒจันทร์ อตาเติร์ก โอลิมปิก สเตเดี้ยม นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ในฐานะคู่ชิงแชมป์ ชปล. หนแรกรอบ 6 ปี

Lautaro Martinez
FC Internazionale v AC Milan: Semi-Final Second Leg - UEFA Champions League / Mike Hewitt/GettyImages

ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม

การมาถึงตรงนี้ได้ บางเสียงอาจปรามาสว่า ก็เพราะงานในรอบน็อกเอาต์ของพวกเขาไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไร ได้เจอ 2 ตัวแทนโปรตุเกส กับดวลเพื่อนร่วมเมืองที่ตัวเอง "ข่มขาด" มาตลอดช่วงหลัง

แต่สิ่งสำคัญสุดคือ ไม่ว่าจะด้วยฝีมือหรือโชคช่วย อินเตอร์ ก็เข้าชิงชนะเลิศได้แล้ว จนเหลืออีกก้าวเดียวเท่านั้นในการผงาดบัลลังก์เจ้ายุโรป

เครดิตทั้งหมดต้องเป็นของ ซิโมเน่ อินซากี้ และลูกทีมงูใหญ่

เช่นกัน คงต้องยื่นมือขวาจับไม้จับมือกับบิ๊กเกอร์บอส สตีเว่น จาง ด้วย

โดยเฉพาะกับการที่เขาไม่ตัดสินใจสั่งปลด อินซากี้ พ้นไปกลางทาง

เพราะอันที่จริง หลายฝ่ายมองกันไว้ว่า โค้ชหนุ่มวัย 47 อดีตหัวหอกและกุนซือ ลาซิโอ ผู้นี้ มีสิทธิ์ตกเก้าอี้ได้ง่ายๆ จากผลงานใน เซเรีย อา ซีซั่นนี้ที่ออกไปในเชิง "น่าผิดหวัง" มากกว่าจะน่าพึงพอใจ

เมื่อถัดจากการเข้าป้ายรองแชมป์ซีซั่นก่อนแบบน่าเจ็บใจ โดน เอซี มิลาน เฉือนไปแค่ 2 แต้มแล้วนั้น อินเตอร์ ก็ออกลูกสะเงาะสะแงะง่อนแง่นมาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นซีซั่นนี้ ที่หลุดแพ้ถึง 4 จาก 8 เกมแรก

ต่อมา แม้จะพอคว้าชัยได้อยู่เนืองๆ แต่ก็เสียแต้มอยู่เรื่อยๆ เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือน มี.ค. - เม.ย. ที่ผ่านมา อินเตอร์ แผ่วหนักถึงขั้นแพ้เกมลีกถึง 5 จาก 7 เกม

  • เยือน แพ้ โบโลญญ่า 0-1

    เหย้า ชนะ เลชเช่ 2-0

    เยือน แพ้ สเปเซีย 1-2

    เหย้า แพ้ ยูเวนตุส 0-1

    เหย้า แพ้ ฟิออเรนติน่า 0-1

    เยือน เสมอ ซาแลร์นิตาน่า 1-1

    เหย้า แพ้ มอนซ่า 0-1

หลังจบเกมแพ้ มอนซ่า คารังในช่วงสงกรานต์ งูใหญ่ ถึงขั้นหลุดลงไปเป็นอันดับ 5-6 ในตาราง ซึ่งก็แน่นอนว่า กระแสข่าวเรื่องการสั่งเด้ง อินซากี้ พ้นเก้าอี้ ร้อนแรงในทุกหน้าสื่อแดนมะกะโรนี

ยังดีที่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นมีผลงาน ชปล. มาคะคาน และ อินซากี้ สามารถพาทีมผ่าน เบนฟิก้า ได้สวยๆ (สกอร์รวม 5-3) ในรอบ 8 ทีม นั่นเองเป็นจุดที่ทำให้ สตีเว่น จาง ไม่ด่วนปล่อยมีดออกจากมือ...แม้จะเงื้อรอแล้วก็ตาม

Simone Inzaghi
FC Internazionale v AC Milan: Semi-Final Second Leg - UEFA Champions League / Mike Hewitt/GettyImages

แชมป์สมัย 4 ของ อินเตอร์ มีสิทธิ์จริงไหม?

นี่แหละปัญหา...

น้อยคนนักที่จะมองว่า อินเตอร์ มีโอกาส "มากกว่า" คู่ชิงแชมป์ที่อิสตันบูล (10 มิ.ย.) ไม่ว่าจะเป็นใครที่หลุดเข้ามา ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมลุ้น 3 แชมป์จากอังกฤษ หรือ เรอัล มาดริด เจ้ายุโรป 14 สมัย

"ถ้าเลือกได้ ผมอยากเลี่ยง เรอัล มาดริด เพราะรายการนี้ดูสร้างมาเพื่อพวกเขา" ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ อดีตกัปตันงูใหญ่ผู้ยิ่งยง เผย "เราต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาเป็นคู่แข่งของเรา แต่สิ่งสำคัญสุดคือเรามาถึงตรงนี้ได้แล้ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย"

โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ : "ไม่ว่า เรอัล หรือ ซิตี้ ก็ล้วนแต่เป็นตัวเต็งแชมป์ เพียงแต่ อินเตอร์ เป็นทีมที่มีสมดุลในตัวเองดีมาก พวกเขาจะสร้างปัญหาให้คู่ชิงได้แน่"

เปาโล ดิ คานิโอ : "เรอัล มาดริด จะเป็นงานที่ยากกว่า ด้วยแนวทางที่เกมจะเป็น คุณมองเห็นเลยว่าพวกเขาจะมาด้วยนักเตะอย่าง วินิซิอุส, โรดรีโก้, เบนเซม่า พวกเขารู้ว่าต้องเล่นอย่างไร"

หรือแม้กระทั่ง ซิโมเน่ อินซากี้ เองก็ไม่ขอโลกสวย โดยรับว่า "ทั้ง มาดริด และ ซิตี้ ต่างก็เป็นสองทีมที่ดีที่สุดในยุโรป เวลานี้"

ดังนั้น ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน อินเตอร์ ล้วนแต่จะเป็นรองคู่ชิงแชมป์ และพวกเขาต้องการทั้งฟอร์มระดับท็อปและโชคดวงที่จะช่วยส่งเสริมในวันขึ้นสังเวียน เพื่อให้ไปถึงแชมป์ยุโรปสมัย 4

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ก็ควรถือว่า อินเตอร์ ยัง "มีสิทธิ์" ลุ้นแชมป์อย่างเต็มที่ เมื่อยังมีเวลาให้พวกเขาได้เตรียมตัวกันอีกร่วมเดือน ก่อนที่เกมสุดสำคัญนัดนี้จะมาถึง

และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟุตบอลนัดเดียว อะไรก็เกิดขึ้นได้

มวยรองที่เล่นแบบไม่มีอะไรจะเสีย ไม่มีอะไรต้องกดดันนี่แหละ อันตรายยิ่งนัก!

FC Inter vs AC Milan - UEFA Champions League
FC Inter vs AC Milan - UEFA Champions League / Anadolu Agency/GettyImages