ลิเวอร์พูล เวอร์ชั่น 2.0 ยังคงแข็งแกร่งแม้ในวันที่ไร้แข้งตัวหลัก - OPINION
- ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ อาร์เซนอล 2-0
- “หงส์แดง” ยังฟอร์มดีแม้ไร้ตัวหลัก
- ทีมยุคใหม่ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ พร้อมที่จะลุ้นแชมป์
โดย Navapun Munarsa
ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน ยังคงทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ หลังจากบุกไปเอาชนะ อาร์เซนอล ที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 2-0 ในศึกฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ รอบ 3 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ผลการแข่งขันดังกล่าวทำให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้าสู่รอบที่ 4 ของศึกฟุตบอลรายการนี้ได้สำเร็จ และเป็นการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า พวกเขายังคงมีคุณภาพทีมที่ยอดเยี่ยม และขุมกำลังเชิงลึกที่แข็งแกร่งแม้จะไม่มีตัวหลักอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ วาตารุ เอ็นโด ก็ตาม
แน่นอนว่า ในเกมครึ่งแรก มิเกล อาร์เตต้า นายใหญ่ อาร์เซนอล ต้องผิดหวังกับโอกาสมากมายที่ลูกทิ้งขว้างไปกันไปเอง และเห็นได้ชัดว่า ในครึ่งหลัง แข้งพลพรรค “เดอะ กันเนอร์ส” เดินหน้าบุกอย่างเต็มที่เพื่อหวังวเจาะแนวรับ ลิเวอร์พูล ให้ได้
อย่างไรก็ตาม ความไม่เฉียบขาดในเกมรุกของ อาร์เซนอล ทำให้ ลิเวอร์พูล เริ่มตั้งหลักได้ และการปรับแท็คติคของ คล็อปป์ ก็ทำให้ “หงส์แดง” กลับมาครอบครองเกมด้วยความมั่นใจ และใช้จังหวะโต้กลับจนทำประตูได้อย่างยอดเยี่ยม
ขณะเดียวกัน บรรดาตัวสำรองของ ลิเวอร์พูล อย่าง ดิโอโก้ โชต้า, ไรอัน กราเวนเบิร์ช, บ็อบบี้ คลาร์ก และคอเนอร์ แบรดลีย์ ที่ถูก คล็อปป์ ส่งลงสนาม นั้น ก็ถือเป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้พวกเขาบุกไปเอาชนะ อาร์เซนอล ได้สำเร็จ
สำหรับ การที่ ฟาน ไดจ์ค มีอาการป่วย และลงเล่นไม่ได้ในเกมนี้ มันสร้างความหนักใจให้กับผู้เล่นคนอื่นๆแนวรับของ ลิเวอร์พูล พอสมควร แต่ อิบราฮิมา โกนาเต้ เซ็นเตอร์แบ็คทีมชาติฝรั่งเศส ก็เข้ามาอุดช่องว่างได้อย่างไร้รอยต่อ
นอกจากฟอร์มอันอันแข็งแกร่งของ โกนาเต้ แล้ว จาเรลล์ ควอนซาห์ กองหลังดาวรุ่ง และ โจ โกเมซ ที่ต้องขยับมาเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายจำเป็น ก็ทำผลงานได้น่าประทับใจเช่นกัน และช่วยให้ ลิเวอร์พูล เก็บคลีนชีตได้อีกด้วย
ก่อนเกมจะเริ่มขึ้น คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์ว่า ผลเสมอมันจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีของทั้ง 2 ทีม เนื่องจากต้องมีแมตช์ที่เพิ่มขึ้นมา และซึ่งหลายคนมองว่า โค้ชชาวเยอรมัน จะยอมทิ้งฟุตบอลรายการนี้ และไปเน้นกับรายการอื่นแทน
อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ แสดงให้เห็นว่า ให้ความสำคัญกับเกมนี้เป็นอย่างมาก หลังใส่ชื่ออผู้เล่นชุดใหญ่มาเกือบทั้งหมด เว้นแต่เพียง ฟาน ไดจ์ค ที่ไม่พร้อมลงสนาม รวมถึง ซาลาห์ กับ วาตารุ เอ็นโด ที่ต้องเดินทางไปรับใช้บ้านเกิด
ขณะเดียวกัน ภาษากายของ คล็อปป์ จากบริเวณข้างสนาม และความมุ่งมั่นนักเตะ ลิเวอร์พูล ตลอดทั้งเกมกับ อาร์เซนอล ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า พวกเขาต้องการชัยชนะเพื่อผ่านเข้ารอบต่อไป และหวังจะก้าวเข้าไปให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้
ลิเวอร์พูล เวอร์ชั่น 2.0 ของ คล็อปป์ กำลังถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในฤดูกาลนี้ และการที่พวกเขาขาดผู้เล่นตัวหลักแต่ยังสามารถบุกไปเอาชนะ อาร์เซนอล พร้อมกับเดินหน้าลุ้นแชมป์ 4 รายการ นั้น ก็หมายความว่า “หงส์แดง” ยุคใหม่พร้อมแล้วที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคต